“ฉันรู้ๆ ถุงนั่นมี...” ฮารีฟผู้ซึ่งเคยถือถุงนั่นมาก่อน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องรู้ว่าในถุงนั่นมีอะไร แต่ก็ยังไม่ทันได้ตอบ ฮาซานก็แทรกขึ้นมา
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าในถุงนั่นมีอะไร ฉันแค่อยากรู้ว่ามันพิเศษยังไง” คำถามนี้ของพี่ชายทำเอาฮารีฟจนปัญญาที่จะตอบเหมือนกัน แน่นอนว่าแค่มองจากถุงทุกคนต่างก็รู้ดีว่าในถุงนั่นมีอะไร แต่กลับไม่มีใครตอบได้ว่ามันพิเศษยังไงถึงทำให้นายเหนือหัวของพวกเขานั่งมองมันได้เป็นชั่วโมงๆ
กระทั่งจู่ๆ ชีคหนุ่มก็ลุกขึ้น ทำเอาทั้งสามหนุ่มผุดลุกตามแทบไม่ทัน และทันทีที่ชีคหนุ่มก้าวเท้าออกไป ทั้งสามหนุ่มก็สาวเท้าก้าวตามไปติดๆ กระทั่ง...
“เย้ย!” สามหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนข้างหน้าก็หยุดโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาพวกเขาต้องเบรกกันหน้าคะมำ
“จะไม่เสด็จเข้าห้องบรรทมหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฟาซีถาม เมื่อเห็นชีคหนุ่มหันหลังกลับมาและทำท่าจะเดินกลับไปที่โซฟาตัวเดิม
“ยังไม่ง่วง” ชีคหนุ่มพูดพลางเดินไปที่โซฟา แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงไป ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของฮาซาน
“จะเข้าไปได้ยังไง ในเมื่อในห้องนั้นมีคุณผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่”
“เอ้า! แล้วถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านชีคจะไปนอนที่ไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าบนโซฟานั่น” คนที่ทำท่าจะหย่อนก้นลง จำต้องยืดตัวเต็มความสูง เปลี่ยนใจไม่ยอมนั่งลงไปเพราะคำพูดของฮารีฟ
“พูดบ้าๆ ชั้นนี้มีตั้งหลายห้อง จะให้พระองค์ลดตัวลงไปนอนบนโซฟาแบบนั้นได้ยังไง” ฮาซานแย้งน้องชายอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะเสนอความคิด
“เอางี้ ให้ท่านชีคไปนอนที่ห้องของฉัน ส่วนฉันก็ไปนอนกับแก”
“เฮ้ย! ทำไมต้องเป็นฉัน แกก็ไปนอนกับเฟาซีสิ” ฮารีฟบุ้ยปากไปทางเฟาซี ในขณะที่เจ้าตัวทำเพียงแค่ยักไหล่ รู้ดีว่ายังไงฮาซานก็คงไม่ยอมไปนอนกับตน ด้วยรู้กิตติศัพท์การนอนละเมอของตนดีที่วันดีคืนดีอาจคว้าปืนขึ้นมาจ่อหัว เพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในสนามรบ ซึ่งต่างก็เจอกันมาแล้ว
“ไม่! ฉันจะนอนกับแก” ฮาซานยืนกรานเสียงแข็ง
“บ้าฉิบ! ชั้นนี้ทั้งชั้นก็ออกจะกว้าง จะทำห้องให้มันเยอะกว่านี้ก็ไม่ได้ แล้วห้องครัวนั่นก็เหมือนกัน จะมีไว้ทำไม ไม่เห็นมีใครทำกับข้าวเป็นสักคน” ฮารีฟพาลไปเหวี่ยงกับชั้นวีไอพีสุดหรูที่เพียงแค่ก้าวออกจากลิฟต์ก็เป็นอาณาจักรส่วนตัวที่ประกอบไปด้วยสี่ห้องนอน สี่ห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นจุดรวมพลของทุกคนในทุกๆ วัน แน่นอนว่าการจะขึ้นมาบนนี้จะต้องมีคีย์การ์ดพิเศษเท่านั้น เอ่อ...แต่ความพิเศษพวกนี้ดูเหมือนจะเพิ่งมีปัญหาก็วันนี้แหละ วันที่ห้องกับจำนวนคนไม่ลงตัวกัน
“พวกแกสองคนไม่ต้องเกี่ยงกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันออกมานอนที่โซฟานั่นเอง” เฟาซีชี้ไปยังโซฟาตัวเขื่องอย่างผู้เสียสละ
“เฮ้ย! มันจะดีเหรอวะ ฉันเกรงใจว่ะ ยังไงก็อย่าลืมเอาผ้าห่มออกมาด้วยนะ ข้างนอกแอร์มันเย็น” คนขี้เกรงใจเข้าไปตบไหล่ผู้เสียสละเบาๆ
“งั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน ฉันจะได้เข้าไปจัดห้องบรรทมให้เจ้าชาย พระองค์จะได้พักผ่อนสักที นี่ก็ดึกมากแล้ว” ฮาซานทำท่าจะเดินเข้าห้องเพื่อจัดเตรียมที่นอนให้กับชีคหนุ่ม แต่ติดที่พอคนขี้เกรงใจที่กำลังทำตัวเป็นคนขี้สงสัยอีกครั้ง
“เอ้อ! แต่จะว่าไปห้องของพวกเราก็ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าเท่ากับห้องของท่านชีค แล้วจะให้ท่านชีคมานอน มันจะดีเหรอวะ ฉันว่าเราให้คุณผู้หญิงที่อยู่ในห้องออกมานอนที่ห้องของพวกเรา แล้วให้ท่านชีคกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอวะ” ฮารีฟออกความเห็นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ราวกับประเด็นเรื่องห้องในตอนนี้กลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว
“ฉันว่าเรื่องนี้ให้ท่านชีคทรงตัดสินพระทัยเองน่าจะดีกว่า อะเอ้า! ท่านชีคจะๆๆ ไปแล้ว” ฮาซานถึงกับยืนงง เมื่อจู่ๆ ท่านชีคของพวกเขาเดินเข้าห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วที่สำคัญห้องนั่นก็ไม่ใช่ห้องของพวกเขาสักคน
“อะเอ่อ...เอาไงดีวะ แล้วแบบนี้ฉันยังต้องเข้าไปจัดห้องอยู่ไหมวะ” ฮาซานหันมาถาม
“เหอะ! ลองถ้าเงียบขนาดนี้ คงไม่ต้องแล้วมั้ง ฉันว่าแยกย้ายห้องใครห้องมันเลยดีกว่า ฉันต้องมาร์คหน้าก่อนนอนด้วย พรุ่งนี้ตื่นมาหน้าจะได้ใสๆ” คนห่วงหล่อตบแก้มตัวเองเบาๆ
“สภาพไม่น่าอนามัยจัด ถ้าเป็นฉันก็ว่าไปอย่าง” ฮาซานแอบเหน็บน้องชาย แต่ก็ยังไม่วายภูมิใจในใบหน้าของตัวเอง
“แต่แกสองคนหน้าเหมือนกัน” เฟาซียืนอยู่ข้างๆ อดแย้งไม่ได้
“เฮ้ย! แค่คล้ายโว้ย แกเอามาเทียบกันได้ยังไง ฉันหน้าตาดีกว่ามันตั้งเยอะ นี่ถ้ามีการจัดอันดับ ฉันต้องได้อยู่แถวหน้า” ฮาซานยืดอกอย่างมั่นใจ
“เพราะว่า?”
“ตัวเตี้ย” ฮาซานเผลอตบมุกที่เพื่อนโยนมาอย่างลืมตัว
“เฮ้ย! ไอ้เฟาซีส่งมุกอะไรมาวะ โยนมาแบบนี้ฉันก็เคลิ้มสิวะ จังหวะมันได้ด้วย ซิทคอมชัดๆ” ฮาซานบ่นอุบ ในขณะที่เฟาซีเพียงหยักยิ้มให้ก่อนเดินเข้าห้องตัวเองไป
“เอาไงดีวะ” หลังเข้ามาในห้องได้ ชีคหนุ่มก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ อย่างไม่รู้จะเอายังไงต่อดี นึกก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้อะไรดลใจให้เข้ามา
“เพราะสามคนนั่นแท้ๆ เลย เอาไงต่อดีวะ แต่ถ้ากลับออกไปตอนนี้...เสียศักดิ์ศรีตายเลย สามคนนั่นจะมองเรายังไง ไม่ได้! จะให้สามคนนั้นเยาะเย้ยเราไม่ได้ เอาวะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยู่มันที่นี่แหละ” หลังจากตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ชีคหนุ่มจึงเดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำ แต่ก็ต้องผงะเพราะบางอย่างที่อยู่ในนั้น
“เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย” ชุดชั้นในกับเสื้อผ้าของผู้หญิงที่ถูกเจ้าตัวซักและผึ่งเอาไว้ ทำเอาคนที่ตั้งใจจะเข้ามาอาบน้ำถึงกับทำหน้ากระอักกระอ่วน
ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะยกทรงสีชมพูหวานแหววของคุณเธอมันดันแขวนอยู่บนฝักบัว ให้ตายสิ! ทางเดียวที่เขาจะใช้มันได้ คือเขาต้องกำจัดยกทรงตัวนั้นให้พ้นทางซะก่อน
“บ้าฉิบ!” ชีคหนุ่มบ่นงึมงำขณะหยิบยกทรงตัวนั้นไปแขวนอีกที่หนึ่ง พลันสัญชาตญาณนักล่าในตัวก็เกิดทำงานขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“คัพเอ” เขาเผลอรำพันขึ้นมา พลันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอีก
“เฮ้ย! ถ้าสองชิ้นนี้อยู่นี่ งั้นก็แสดงว่า...” ชีคหนุ่มมองชุดชั้นในทั้งสองชิ้นแล้ว ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แค่คิดว่าเธอเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนั้น ร่างกายเขาก็ร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้ย! คิดอะไรอยู่วะเนี่ย” ชีคหนุ่มสะบัดหน้าแรงๆ ทางเดียวที่จะขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านพวกนั้นออกไป คือต้องใช้น้ำ ไม่รอช้า ชายหนุ่มรีบกำจัดเสื้อผ้าออกจากตัว และเปิดให้น้ำจากฝักบัวช่วยดับความร้อนที่มี