@กองถ่าย
"น้องมัส วันนี้พาใครมากองถ่ายด้วยจ๊ะ?" คุณตาลผู้กำกับสาวเดินมาต้อนรับนางเอกของตนเองพลางเปรยยิ้มไปยังบุรุษรูปร่างสูงกำยำที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างกายมัสยา
"เอ่อ...คุณอคิราห์ เขาเป็น..."
"ผมเป็นเพื่อนมัสครับ" อคิราห์เอ่ยแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวอ้ำอึ้ง เธอปรายตามองคนตัวโตเล็กน้อยแล้วจึงหันกลับมายิ้มให้ผู้กำกับประจำกองละคร
"ว้าว เพื่อนน้องมัสหล่อจังเลยนะคะ ถ้าไม่ติดอยากจะชวนมาเป็นพระเอกละครจากเรื่อง"
"ไม่ดีหรอกค่ะพี่ตาล ว่าแต่ให้คุณเขานั่งรอในกองได้ไหมคะ?"
"ได้สิจ๊ะ งั้นตามสบายเลยนะคะคุณอคิราห์ อีกหน่อยน้องมัสก็จะเข้าฉากแล้วค่ะ" คุณตาลพูดเท่านั้นแล้วจึงหมุนตัวเดินกลับไปทำงานในส่วนของตนเองต่อ มัสยาถอนหายใจออกมาเสียงเบาในขณะที่เขาหันกลับมาจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาราบเรียบ
"ใช้เวลานานแค่ไหนจะถ่ายเสร็จ?"
"วันนี้ก็น่าจะประมาณสองชั่วโมง หรือไม่ก็ไม่เกินสามชั่วโมงค่ะ"
"ขอเวลาที่แน่นอนไม่ได้หรือยังไง?" ซีอีโอหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง เพราะโดยปกติแล้วไม่มีใครกล้าพูดกับตนในเรื่องของเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้
"บางทีมันก็ต้องมีการถ่ายซ่อมหรือว่าถ่ายหลายรอบบ้าง คงจะบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้หรอกค่ะ งานของมัสก็เป็นแบบนี้แหละ คงจะไม่สามารถทำตามตารางได้เป๊ะๆ เหมือนงานของคุณหรอกนะคะ"
"ผมขอคุยกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณหน่อย"
"คะ?" มัสยาเอียงคอถาม คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ว่าการเป็นดารานักแสดงต้องมีผู้จัดการส่วนตัวด้วย
"ก็ผู้จัดการส่วนตัวไง อยู่ไหน?"
"มัสยังไม่มีผู้จัดการส่วนตัวหรอกค่ะ มัสเพิ่งเริ่มแสดงละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก จริงๆ หลังจากละครออกอากาศก็คิดอยู่ว่าจะต้องมีผู้จัดการส่วนตัวเพื่อช่วยดูงานอื่นๆ ให้ค่ะ" เธอตอบเสียงขุ่น
"ยังไม่มีก็ดี หลังจากนี้ถ้าต้องการผู้จัดการส่วนตัวจริงๆ ผมจะให้คุณกฤษณ์เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้"
"อะไรนะคะ คุณกฤษณ์เนี่ยนะคะ?"
"ใช่ กฤษณ์จัดการงานทุกอย่างได้อยู่แล้ว"
"แต่ว่างานมันคนละแบบกันนะคะ"
"เดี๋ยวก็รู้ว่าแบบเดียวกันหรือว่าคนละแบบ" อคิราห์ตอบกลับเสียงเรียบ จากนั้นเขาจะหมุนตัวเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ไม่ไกลจากมัสยามากนัก
สองชั่วโมงผ่านไป
"น้องมัสคะ ฉากจบพี่ตาลอยากได้ภาพที่ออกมามันดูเรียลมากๆ น้องมัสติดปัญหาอะไรหรือเปล่าคะถ้าพี่อยากให้จูบจริง?" ผู้กำกับเอ่ยถามขึ้น มัสยาจึงหันขวับกลับไปหาพระเอกของตนเองซึ่งยืนอยู่ข้างกาย เขายิ้มกริ่มพร้อมกับพยักหน้าให้หญิงสาวเพื่อสร้างความมั่นใจ
"พี่คริตไม่ติดนะครับ แต่เอาความสบายใจของน้องมัสเลย" ชาคริตพระเอกหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวล
"เพื่องานมัสไม่ติดอะไรอยู่แล้วค่ะ"
"ดีมากจ๊ะ งั้นเดี๋ยวถ่ายฉากนี้เสร็จก็กลับกันได้แล้ว ส่วนฉากไหนที่จะมีถ่ายซ่อมบ้างเดี๋ยวพี่จะแจ้งไปทีหลัง" หลังจากที่พวกเขาพูดคุยปรึกษากันเสร็จ อคิราห์จึงหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงมายังบริเวณหลังกล้องที่ใช้สำหรับถ่ายทำคู่พระนางซึ่งกำลังยืนสวมกอดกันอยู่
"ทำอะไรครับ?" ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้กำกับพลางจ้องมองไปยังมัสยาด้วยแววตาดุดัน
"ถ่ายทำฉากจบค่ะคุณอคิราห์ ฉากนี้พระเอกนางเอกเขาจะต้องจูบกันเพื่อความเรียลค่ะ"
"ว่าอะไรนะครับ?" อคิราห์ตวัดสายตามองผู้กำกับสาวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ คุณตาลแสดงอาการชะงักงันเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาดั่งเปลวเพลิงของอีกฝ่าย
"เอ่อ...คือ"
"ผมไม่อนุญาตให้ถ่ายฉากนี้!"
"คะ? แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้ามเรานะคะ" เพราะความที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายดี คุณตาลจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
"มัส! มานี่" อคิราห์ละสายตาจากผู้กำกับสาวและเอ่ยเรียกมัสยาเสียงดังจนทุกคนในกองละครหันมามองตนเป็นตาเดียว
"คุณอคิราห์" หญิงสาวหันกลับมามองเจ้าของใบหน้าบึ้งตึงด้วยแววตาแห่งความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมผละออกจากแผงอกของนักแสดงหนุ่มและวิ่งมาหาเขา
"มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"กลับ!"
"มัสไม่เห็นจะเข้าใจเลย นี่มันเรื่องอะไรกันคะ มัสทำงานอยู่นะ"
"จะกลับดีๆ หรือจะต้องให้พูดอะไรมากกว่านี้?" เขากดเสียงต่ำเอ่ยถามอารมณ์ดุดัน
"ขอโทษนะคะคุณอคิราห์ ถ้ามีปัญหาอะไรก็คุยกันตรงๆ ก็ได้นะคะ อย่าโกรธแล้วก็ทำให้งานมัสพังเลยนะ" คุณตาลเอ่ยแทรกขึ้น
"ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องการให้มัสถ่ายฉากนี้"
"แต่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบอกให้มัสถ่ายหรือไม่ถ่ายฉากนี้นะคะ บอกเหตุผลได้ไหมคะว่าทำไมมัสถึงถ่ายฉากนี้ไม่ได้?" มัสยาเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยแววตาตัดพ้อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำให้งานของเธอพังลงในพริบตา
"ผมจะถอนสปอนเซอร์ทั้งหมดที่สนับสนุนช่องของคุณอยู่" อคิราห์หันขวับไปหาผู้กำกับสาว คุณตาลเบิกตากว้างเมื่อชายหนุ่มกล้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพียงเพราะฉากจูบฉากเดียว
"คุณ! พูดเรื่องอะไรของคุณคะ?" มัสยาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
"กลับ!" เขาโอบกุมข้อมือเล็กและฉุดรั้งร่างบางเพื่อพากลับไปขึ้นรถ ทุกคนในกองละครได้แต่มองตามหลังหนุ่มสาวตาปริบๆ บ้างก็ถึงบางอ้อกับสถานะความสัมพันธ์ของทั้งคู่
"คุณทำแบบนี้กับงานของมัสได้ยังไงกันคะ?" มัสยาหันขวับไปถามคนตัวโตพลางจ้องมองเขาด้วยแววตาเศร้าหมองหลังจากที่ร่างสูงกำยำก้าวขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
"กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้?" อคิราห์เองก็จ้องมองใบหน้าสวยด้วยแววตาดุดันไม่ต่างกัน
"มัสแค่ถามไม่ได้ขึ้นเสียง อีกอย่างนี่มันเป็นงานของมัสนะคะ คุณจะมาสั่งห้ามให้มัสทำหรือไม่ทำแบบนี้ไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ ผมไม่ให้มัสทำงานนี้แล้วนะ" ชายหนุ่มหันกลับไปมองพวงมาลัยรถด้วยสีหน้าบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัว
"ไม่ให้มัสทำงานนี้ หมายความว่ายังไงคะ ละครมัสยังถ่ายไม่จบเลยนะ?"
"บอกว่าไม่ให้ทำ ก็คือไม่ให้ทำ" เขาชักน้ำเสียงดุดันและเอื้อมมือไปหมุนกุญแจสตาร์ทรถ จากนั้นจึงขับออกจากบริเวณหน้ากองถ่ายไปทันที มัสยารู้สึกกังวลและเหนื่อยใจแต่ทว่ากลับเถียงอะไรออกไปไม่ได้ เธอจึงร่ำไห้สะอึกสะอื้นและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่อาย
"บ้าจริง!" อคิราห์สบถเสียงดุ สายตาคมกวาดมองไปทั่วจนกระทั่งเห็นร้านขายยาแห่งหนึ่งจึงขับรถเข้าไปจอดบริเวณนั้น
"จอดทำไมคะ?" มือเล็กขยับขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พลางหันไปมองใบหน้าคมคายที่ยังคงแน่นิ่งปราศจากอารมณ์ใดๆ
"ลืมไปแล้วหรือยังไงว่าตกลงอะไรกันไว้" เขาตอบเสียงเรียบ มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูรถและก้าวเท้ายาวเพื่อเดินอ้อมมาหาหญิงสาว
"ลงมา" ชายหนุ่มออกคำสั่งหลังจากที่เปิดประตูรถฝั่งที่มัสยานั่งอยู่ออก
"มัสไม่อยากทำ คุณทำให้งานมัสพังแล้วมัสไม่มีอารมณ์หรอกค่ะ"
"แค่ซื้อไปไว้ ยังไม่อยากทำก็ไม่ทำ" ซีอีโอหนุ่มตอบเสียงดุและถือวิสาสะขยับมือมากุมมือเล็กเพื่อรั้งให้ลงจากรถ ทว่าหญิงสาวกลับพยายามดึงรั้งข้อมือของตนไว้ไม่ยอมก้าวลงไป
"มัส...เปลี่ยนใจไม่รับงานนี้แล้วได้ไหมคะ?" คำพูดของมัสยาทำให้อคิราห์โกรธแทบลมออกหู
"คิดก่อนพูดดีกว่าไหม เพราะโกรธก็เลยปฏิเสธโดยที่ไม่คิดถึงแม่อย่างนั้นเหรอ?"
"แต่สิ่งที่คุณกำลังทำกับมัสมันทำให้มัสรู้สึกสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียแม้กระทั่งความเป็นตัวเองนะคะ"
"ก็แค่ไม่อยากให้ไปกอดจูบกับผู้ชายคนอื่น เหตุผลแค่นี้พอหรือเปล่า?" น้ำเสียงดุดันแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความรู้สึกหวามไหวเกิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะกล้าพูดคำนี้ออกมา ทั้งๆ ที่สถานะของทั้งคู่ยังไม่มีอะไรเกินเลยเสียด้วยซ้ำ
"หวงมัสหรือคะ?"
"ถามออกมาได้นะ" อคิราห์ตอบเสียงดุพลางเมินหน้าหนีแก้เก้อ
"ทำไมต้องหวงคะ?"
"มัส..." เขาหันขวับกลับมาจ้องมองคนดื้อรั้นตรงหน้า นึกอยากจะศิโรราบหญิงสาวโดยการทำให้เธอร้องครวญครางบนเตียงเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าวินาทีนี้กลับทำได้เพียงจ้องมองใบหน้างดงามด้วยแววตาคาดโทษ
"คุณไม่มีสิทธิ์มาหวงมัสซะหน่อย" มัสยาพึมพำเสียงเบา และยังแกล้งเมินหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
"ทำไมจะไม่มีสิทธิ์?"
"สิทธิ์ค่าตัวสามล้านน่ะหรือคะ?"
"อย่าตีค่าตัวเองเป็นเงินทองสิ"
"แต่คุณก็ซื้อมัสมาได้ด้วยเงินไม่ใช่หรือคะ?" เธอหันขวับมาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยแววตาตัดพ้อน้อยใจ
"ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบนั้น" อคิราห์ส่ายหน้าเล็กน้อย อยากจะพยายามอธิบายแต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
"ไม่ใช่อะไรคะ?"
"สามล้านที่จะให้คืออยากให้เฉยๆ ไม่ใช่ค่าตัวอะไรทั้งนั้น เลิกพูดแบบนั้นด้วย" เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุด
"ถ้าอยากให้เฉยๆ งั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกันสิคะ" มัสยาแกล้งเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นออดอ้อน เผื่อมันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้ได้นานที่สุด ร่างบางเคลื่อนย้ายก้นงอนออกจากเบาะนุ่มและขยับเข้าไปจนใบหน้าสวยแนบชิดแผงอกแกร่ง เธอซบใบหน้าหวานลงบนอกอุ่นและสูดดมกลิ่นน้ำหอมราคาแพงเข้าเต็มปอด
"แน่ใจนะว่าไม่อยากทำ?" อคิราห์ขยับมือขึ้นมาโอบกอดคนตัวเล็กไว้แนบแน่น ปราศจากคำตอบใดๆ จากหญิงสาว
"ไม่ตอบแปลว่าอยากทำนะ" ชายหนุ่มพูดเองเออเอง มัสยาแอบคลี่ยิ้มแล้วจึงผละใบหน้าออกจากอกแกร่ง ร่างบางยอมก้าวลงจากรถและเดินตามหลังชายหนุ่มเข้าไปในร้านขายยา...