สิงหา
“ล๊อตนี้กูหาให้มึงได้แค่นี้ ช่วงนี้ตำรวจออกตรวจเข้มมาก” ไอ้ทิวาเพื่อนสนิทของผมพูดขึ้น
“อืม แต่รอบหน้ากูขอเยอะกว่านี้หน่อย ลูกค้าต้องการ” ผมตอบกลับก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก
“แล้วไอ้ธัชไปไหน ช่วงนี้ไม่เห็นมันเลย”
“ติดหญิงมั้ง”
“แล้วมึงกับเมียของมึงล่ะ เธอรู้อะไรบ้าง”
“ไม่รู้” เพราะผมไม่ได้บอกอะไรกับเธอ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยพยายามถามอะไรหลายๆอย่าง แต่เธอก็ไม่เคยได้คำตอบจากผม สุดท้ายเธอก็เลิกถามไปเอง
“มึงคิดดีแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ถ้าเกิดเธอรักมึงขึ้นมาน่าสงสารนะเว้ย” ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เท่าไหร่อีกอย่างจะโทษผมก็ไม่ได้ ถ้าจะโทษก็โทษพ่อแม่เธอที่ตกลงกับผมโดยที่ผมยังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรออกไปก็ตกลงกลับมาทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“คนของเรารายงานมาว่าเห็นคุณน้ำข้าวอยู่กับนายคเชนทร์ครับ” เขตมือขวาของผมเข้ามารายงานบางอย่างกับผม
“หมายความว่ายังไง”
“คุณน้ำข้าว ทำงานที่โชว์รูมรถของนายคเชนทร์ครับ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สามเดือนแล้วครับ” สามเดือน ตั้งแต่ที่เธอบอกว่าจะหางานทำงั้นสินะ
ปกติผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะยุ่งกับงานหลายที่และถึงกลับก็ไม่เคยสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของเธอเท่าไหร่ ไม่เคยถามไถ่อะไรเธอ พร้อมกับไม่เคยให้คนคอยจับตาดูเธอเพราะไม่ได้สนใจอะไร แต่ไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายที่เดินเข้าไปในนั้นด้วยตัวเอง
“มึงจะเอายังไงต่อ” ไอ้ทิวาถามขึ้นหลังจากได้ยินสิ่งที่เขตพูด
“กูกลับก่อน” ผมบอกไอ้ทิวาก่อนจะลุกออกจากห้องทำงานเพื่อกลับบ้านของผม
.
.
ไม่นานผมก็มาถึงบ้านของผมในเวลาสี่ทุ่มกว่า และตอนนี้ทั้งบ้านก็เงียบไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคงเข้านอนไปแล้ว แต่มันไม่ได้เป็นปัญหากับผม
ปัง! ปัง! ปัง! ผมทุบห้องน้ำข้าวหลังจากลองบิดลูกบิดแล้วแต่มันล็อกจากด้านใน
ปัง! ปัง! ปัง! ผมทุบอีกครั้งดังกว่าเดิมหลังจากยังไม่มีใครมาเปิดให้ผม
แกร็ก แล้วไม่นานประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างบางที่อยู่ในชุดนอนสภาพงัวเงียเหมือนหลับไปแล้วยืนอยู่ตรงหน้าผม
“เธอทำงานที่ไหน” ผมถามเธอออกไปทันทีโดยไม่รอให้เธอพูดอะไร
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันถามก็ตอบ”
“ฉันทำงานอยู่โชว์รูมรถค่ะ”
“ไปลาออกซะ” ผมไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะสั่งออกไปตามความต้องการ
“ทำไมคะ”
“มีหน้าที่ทำก็ทำ ไม่ต้องถาม”
“อยู่ๆคุณก็มาสั่งให้ฉันลาออกโดยไม่บอกเหตุผลอะไร ฉันคงลาออกไม่ได้” นอกจากไม่ทำตามแล้วเธอยังเถียงออกมาอย่างดื้อด้าน
“อย่าลองดีกับฉันน้ำข้าว ฉันสั่งอะไรก็ต้องทำ!” ในกฎก็มีบอกแล้วว่าต้องทำทุกอย่างที่ผมสั่ง
“.....” เธอไม่พูดอะไรนอกจากมองหน้าผมนิ่ง ผมบอกตรงๆว่าเกลียดสายตาของผู้หญิงคนนี้มากสายตาที่บางครั้งก็น่าสงสาร บางทีก็ใสซื่อ แต่บทจะนิ่งก็นิ่งจนไม่เหมือนสายตาผู้หญิง
“พรุ่งนี้ไปลาออกซะ” ผมย้ำเธอออกไปอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ” น้ำข้าวพูดก่อนจะดันประตูปิด นั่นทำให้ผมดันประตูเข้าไปอย่างแรง
ปัง! ประตูที่กระแทกกับผนังห้องจนมันเด้งปิดอีกครั้ง พร้อมกับน้ำข้าวที่ถอยหลังอย่างระวังตัวโดยมีผมเดินเข้าหาเธอไม่หยุด
“ฉันคิดว่าที่ผ่านมาเธอจะรู้สถานะตัวเองแล้ว แต่ไม่เลยจริงๆ”
น้ำข้าว
ฉันมองคุณสิงหาอย่างระวังหลังจากหลังฉันติดกับผนังห้องไปต่อไม่ได้เมื่อเขาเดินต้อนฉันไม่หยุด
“ถ้ายังอยากให้พ่อแม่เธออยู่สุขสบายก็อย่าขัดคำสั่งฉัน!” น้ำเสียงเยือกเย็นดังออกมาจากปากของเขา สายตาดุดันแดงก่ำที่จ้องมองฉันไม่ละสายตา นั่นยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวมาก
“มันไม่เกินไปหน่อยหรอคะ ฉันแค่ไปทำงานแล้วฉันก็บอกคุณไปแล้วด้วย ทำไมคุณต้องขู่ฉันเรื่องนี้ด้วย” ฉันย้อนถามเขากลับไปอย่างไม่เข้าใจ ถ้าฉันแอบทำงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ฉันก็บอกเขาตั้งแต่แรกแล้วก็ทำมาแล้วตั้งสามเดือนแล้วด้วย ทำไมอยู่ๆก็มาให้ฉันลาออกโดยไม่บอกเหตุผลล่ะ
“เหตุผลของเธอคือฉันบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ” น้ำเสียงเยือกเย็นดังออกมาอีกครั้ง
“แต่บางอย่างมันก็เกินไปนะคะ”
หมับ!
“อ๊ะ” ฉันร้องขึ้นหลังจากคุณสิงหาเข้ามากระชากฉันเข้าหาตัวก่อนจะบีบต้นแขนฉันอย่างแรง
“คิดดีแล้วหรอที่พูดแบบนี้” น้ำเสียงเยือกเย็นดังออกมานั่นยิ่งทำให้ฉันได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากปากของเขา ถามว่าฉันกลัวไหมตอบเลยว่ากลัว เพราะผู้ชายตรงหน้าแค่เวลาปกติเขาก็ดูน่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งเขาเป็นแบบนี้นิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
“อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกเหตุผลกับฉันบ้าง” ไม่ใช่มาสั่งแล้วก็ให้ฉันทำตามทุกอย่างแบบนี้
“เหมือนเธอจะลืมกฎที่ฉันให้เธออ่าน”
“ฉันไม่เคยลืมค่ะ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำมันเกินไป คุณเอาแต่สั่งฉันไปหมดไม่ให้ฉันมีชีวิตเป็นของตัวเองเลย ฉันก็อยากได้ชีวิตของฉันบ้าง” ไม่ใช่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาแบบนี้
“ชีวิตของเธอเป็นของฉันตั้งแต่เธอเลือกแต่งงานกับฉัน!”
“ใจร้าย! แบบนี้คุณไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายเกินไปหน่อยหรอคะ!”
“ถ้าเธอยังดื้อด้านแบบนี้ เธอจะรู้ว่านี่ฉันใจดีมากแล้ว”
“คุณแต่งงานกับฉันเพราะอะไรคะ” ฉันถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเขาได้อะไรจากการแต่งงานครั้งนี้ อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างฉันกับเขาจะสามีเป็นสามีภรรยากันได้เหมือนคู่อื่นหรือเปล่า
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอมีสิทธิ์รู้” เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ฉันเป็นคนนะไม่ใช่สิ่งของที่จะอยู่กับเขาแบบไหนยังไงก็ได้โดยไม่ต้องรู้อะไร
“แล้วถ้าฉันอยากเลิกละคะ”