ตอนที่ 5 มีพวก

1718 คำ
“พระชายา..” ซ่างกวนหลินฟ่งอ้าปากคัดค้านมาได้สองคำก็ถูกร่างงามเบียดตัวเข้ามาประชิดจนต้องหุบปากตกตะลึง กู้ลี่หม่านก้าวกลับมายืนประชิดตัวพระสวามี ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาเอนศีรษะแอบอิงอยู่กลางอกของซ่างกวนหลินฟ่ง “ขอบพระทัยเสด็จพี่ที่เมตตาถิงเอ๋อร์นะเพคะ เรื่องส่งตัวนางไปเหลียงโจวหม่อมฉันจะจัดการด้วยตัวเอง จะไม่ให้พระองค์ต้องมาร้อนพระทัยไปด้วยอีกแล้ว นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมจับตามองนางทุกฝีก้าวไม่ให้คลาดสายตาจนกว่าจะส่งนางถึงมือเย่เซิ่งเจียเลยเพคะ” ซ่างกวนหลินฟ่งเม้มปากรู้สึกเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน แต่มือเล็กๆ ของกู้ลี่หม่านที่ใช้แขนเสื้อยาวปกปิดอยู่เบื้องล่างกำลังยุกยิกอยู่ใกล้บางส่วนของร่างกายเขาทำให้องค์ชายรองต้องหันมาสบตากับชายารักอีกครั้ง “หม่อมฉันจะตอบแทนน้ำพระทัยของพระองค์ในครั้งนี้ให้ถึงที่สุดเลยเพคะ” คำพูดสองแง่สามงามเมื่อหลุดออกจากปากหญิงงามล่มเมืองจะไม่ให้ซ่างกวนหลินฟ่งสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้อย่างไร บุรุษต่อสู้แสวงหาอำนาจและบารมี ทั้งหมดก็เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับสุราอาหารรสเลิศ เริงรักกับสตรีที่งดงามให้หนำใจมิใช่หรือ? กู้ลี่ถิงน่าลิ้มลองก็จริง แต่ของกินเล่นเช่นนั้นเขาหาเมื่อใดก็ได้! “แล้วแต่เจ้าเถิด หมดเรื่องแล้วก็ให้ตกลงตามนี้ แยกย้ายกันกลับไปได้แล้วกระมัง” เย่เฟิงถูกปลด จวนแม่ทัพเย่ถูกยึดคืน คนสกุลเย่กลับไปอาศัยบ้านเดิมที่เหลียงโจวห่างไกลจากเมืองหลวง นับว่างานสำเร็จลุล่วงไปก้าวหนึ่ง ไม่สู้เขารีบกลับไปรอการตอบแทนน้ำใจจากชายาคนงามจะดีกว่า!! เจ้าหน้าที่ตุลาการไม่รู้จะทำสิ่งใดต่อไป คราวแรกเขามาเพื่อฟังข้อเรียกร้องของท่านเสนาบดีกู้ แต่ตอนนี้ทุกคนตกลงกันได้แล้ว แม้แต่ท่านเสนาบดีกู้ก็ยังยืนนิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมไม่ปริปากคัดค้านอันใดออกมาสักประโยค “เช่นนั้นหม่อมฉันจะอยู่ช่วยท่านเสนาบดีกู้ตรวจสอบบัญชีของกำนัลวันแต่งงานที่ส่งไปยังจวนสกุลเย่ นำกลับมาจดบันทึกส่งมอบให้คุณหนูสามก่อนแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีข้างพระวรกายฮ่องเต้ก็ไม่มีความเห็นอื่น สินสอด สินเดิมของขวัญที่ยังคงตกค้างอยู่ในจวนสกุลเย่จะตกเป็นของผู้ใดฮ่องเต้ก็รับสั่งมาแล้วว่าให้ทำตามที่พวกเขาต้องการ เหตุการณ์นี้ฮ่องเต้ต้องการจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้พสกนิกรทั่วไปได้รับรู้ เพราะพระองค์ก็พลั้งเผลอบันดาลโทสะผิดเวลาจนมาทำลายเรื่องมงคลของผู้อื่น ขันทีมีหน้าที่กลับไปรายงานความคืบหน้าเพียงเท่านั้น ตกลงกันได้เช่นนี้ก็ถือว่าจบ “ดี! เช่นนั้นน้องสามก็อดใจรอให้ใต้เท้าผู้นี้ทำบันทึกให้แล้วเสร็จ อีกสามวันข้าจะส่งคนมารับตัวเจ้าเอง” กู้ลี่ถิงไม่คัดค้าน นางแสดงท่าทางเป็นสตรีที่ว่านอนสอนง่ายดังเดิม เดินตามหลังแขกทั้งคณะร่วมกับบิดามารดา น้อมส่งท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองออกจากจวนไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย กู้ลี่หม่านประกาศออกมาเต็มปากเต็มคำว่าจะจับตามองนางจนกว่าจะส่งตัวถึงมือเย่เซิ่งเจีย เช่นนั้นนางก็จะยอมเดินทางไปเหลียงโจวอย่างที่พี่สาวต้องการ ถึงมือสกุลเย่แล้วพวกเขาจะยินดีต้อนรับนางหรือไม่นั่นไว้ค่อยแก้ปัญหาเอาทีหลัง ยามนี้เอาตัวเองออกจากเมืองหลวง ตัดขาดออกจากสกุลกู้ให้ได้ก่อนเป็นดีที่สุด ………. กลับมาถึงเรือนพักของตน กู้ลี่ถิงก็เริ่มรู้สึกใจหายอีกครั้ง เมื่อครู่เป็นเพราะเหตุการณ์มันเร่งด่วนทำให้นางไม่มีเวลามาอ่อนแอ แต่เมื่อเห็นสิ่งรอบกายที่ไม่คุ้นชิน ไม่สามารถโทรหาเพื่อนเพื่อปรับระบายความทุกข์ในใจ ความสิ้นหวังก็กลับมากัดกินใจนางอีกครั้ง “นังลูกไม่รักดี เนรคุณ!!” เสียงกรีดร้องจากกัวฮูหยินดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศโศกเศร้า “เฮ้อ!! จะไม่ให้มีเวลาสงบสุขกันเลยใช่ไหมเนี่ย!” หญิงสาวระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด “ท่านแม่กล่าวถึงผู้ใดกันเจ้าคะ” “ข้ายืนอยู่ต่อหน้าเจ้า ไม่ให้ตำหนิเจ้าแล้วคิดว่าจะเป็นผู้ใดกันเล่า? เจ้าทำเสียเรื่องเสียราวไปเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน ยามนี้บิดาเจ้าโมโหจนต้องออกไปหาความสำราญนอกจวนแล้ว อกตัญญูยิ่งนัก!!" “ท่านแม่ไม่อยากให้ท่านพ่อออกไป เหตุใดท่านแม่ไม่ห้าม? มากล่าวโทษข้าได้อย่างไรกัน อีกอย่างท่านจะว่าข้าทำผิดแผนผู้เดียวก็ไม่ถูก พี่ใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามกับข้าด้วยมิใช่หรือเจ้าคะ หรือที่ท่านกล่าวเมื่อครู่กำลังด่าพี่ใหญ่อยู่ นางเป็นพระชายาเชียวนะเจ้าคะ” “เจ้า!!..” กัวฮูหยินชี้นิ้วมือสั่น เหตุใดบุตรสาวที่เคยว่านอนสอนง่ายอยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาเถียงคำไม่ตกฟาก สาวใช้ม่านลู่และม่านอวี้ก็อ้าปากตาค้างกับคุณหนูของนางเช่นกัน เมื่อใดกันนะที่คุณหนูของนางกล้าตอบโต้ฮูหยิน!! คิดดูแล้วความอดทนของคุณหนูคงจะสิ้นสุดไปแล้ว เวลานี้จึงระเบิดความในใจออกมาตามที่ต้องการ กู้ลี่ถิงลอบเบะปาก นางจับจุดอ่อนของผู้เป็นมารดาได้อย่างแม่นยำ เบี้ยหวัดรายปีของตำแหน่งเสนาบดีก็ไม่ใช่น้อย แต่กู่เว่ยมีอนุในเรือนหลังกี่คน? แค่เลี้ยงดูลูกเมียบ่าวไพร่ในจวนก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวอยู่แล้ว เงินทองที่มารดานำมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจัดอาหารเต็มโต๊ะ ทุกวันนี้ก็พึ่งพากู้ลี่หม่านทั้งสิ้น พี่สาวจึงมีอิทธิพลกับครอบครัวสกุลกู้ไม่น้อย “หากไม่เป็นเพราะเจ้าเริ่มก่อนพี่สาวเจ้าก็คงไม่สนับสนุน เสียแรงที่นางรักและปรารถนาดีกับเจ้า แต่เจ้ากลับอกตัญญู ไม่รู้เวรกรรมอะไรของข้าเหตุใดสวรรค์จึงประทานบุตรสาวที่เพียบพร้อมมาเพียงคนเดียว แต่กลับส่งอีกคนมาทำให้ข้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ” กัวฮูหยินยืนร่ำไห้ปล่อยให้บ่าวหญิงสามคนคอยโอ้ประโลมอยู่นานสองนาน เดิมทีคิดว่ากู้ลี่ถิงคงจะใจอ่อน ยินยอมเปลี่ยนความคิดใหม่ แต่นางหยิกเนื้อเรียกน้ำตาจนตัวเขียวไปหมดแล้วบุตรสาวก็ยังไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ หญิงสาวมีหรือจะไม่รู้ความคิดของมารดา นางอ่านนิยายครอบครัวดราม่าไร้เหตุผลเช่นนี้มาหลายเรื่อง กัวฮูหยินตั้งใจจะใช้เรื่องกตัญญูมาบีบให้นางใจอ่อน แต่ขอโทษ!! เธอไม่ใช่แม่ฉันจ้ะ!! “ตกลงเจ้าจะเอาอย่างไร จะไปเหลียงโจวจริงหรือ?” กัวฮูหยินกลับมายืนวางท่าได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับสตรีอ้วนที่ร่ำไห้ปริ่มว่าจะขาดใจเมื่อครู่ไม่ใช่นาง “พระชายาก็รับคำกับองค์ชายรองต่อหน้าผู้อื่นไว้แล้ว ยามนี้ข่าวคงแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวง ข้าเปลี่ยนใจได้หรือเจ้าคะท่านแม่” สตรีสูงวัยหน้าเบี้ยวในทันใด นางลืมคิดไปว่ายามนี้เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจนับสินเดิมและของขวัญที่จวนสกุลเย่ ข่าวเรื่องกู้ลี่ถิงยืนกรานจะติดตามสกุลเย่ไปด้วยคงกระจายไปทั่วแล้ว ต่อให้บุตรสาวเปลี่ยนใจยอมเป็นสนมองค์ชายรองก็เวลานี้อีกฝ่ายก็รับเอาไว้ไม่ไหวเช่นกัน เมื่อครู่ที่นางลงทุนหยิกเนื้อเรียกน้ำตา ก็เจ็บตัวไปเปล่าประโยชน์โดยแท้!! “เช่นนั้นเวลานี้เจ้าก็นับเป็นคนสกุลเย่สินะ!” กู้ลี่ถิงใจหายวาบ ความรู้สึกสังหรณ์ใจบังเกิด แม่ลูกคู่นี้ขยันพูดคำครึ่งๆ กลางๆ ชวนให้ขนลุกบ่อยจริงเชียว “สองวันข้าคิดค่าที่พัก สามสิบตำลึงเงิน ถือว่าเจ้าเป็นบุตรสาวข้า ข้าจะไม่คิดเงินค่าแรงบ่าวใช้สองคนนั่น เจ้าใช้งานพวกนางได้ตามปกติเลย" “ท่านแม่!! นี่ข้ายังเป็นบุตรสาวของท่านอยู่หรือไม่!! บุตรสาวออกเรือนไปแล้วก็ย่อมมีวันกลับบ้านเดิม หากถึงเวลานั้นจริง ๆ ท่านก็ยังจะคิดค่าเช่าที่พักกับข้าด้วยเช่นนั้นหรือเจ้าคะ!” “สินสอดเจ้าก็ได้ไป สินเดิมข้าก็มอบให้แล้ว ไหนจะของขวัญพวกนั้นอีกเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว ข้าขอรับน้ำใจคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้เจ้ายังมาบ่นว่าข้า เจ้าต่างหากต้องไตร่ตรองให้ดี” กู้ลี่ถิงสับสนในใจยิ่งนัก นางเพิ่งจะคิดอยู่เมื่อครู่ว่ากัวฮูหยินไม่ใช่มารดาของนาง แต่ยามนี้นางต้องอาศัยเรือนพัก รับสินสอด สินเดิมจากอีกฝ่าย หรือนางสมควรต้องจ่ายจริง ๆ “ม่านลู่! ข้ามีเงินส่วนตัวติดกายบ้างหรือไม่!” “มีเจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้ม่านลู่รีบตอบคำเตรียมจะกลับเข้าไปในเรือน แต่แล้วนางก็หยุดชะงัก “คุณหนูเชิญมาหยิบด้วยตัวเองจะดีกว่าเจ้าค่ะ บ่าวไม่กล้า” กู้ลี่ถิงไม่ได้คิดอะไรมาก นางเดินตามสาวใช้เข้าไปในห้อง “คุณหนูเจ้าคะ ท่านกำลังถูกฮูหยินโก่งราคาอยู่เจ้าค่ะ โรงเตี๊ยมชั้นดีข้างนอกค่าที่พักคืนหนึ่งก็ไม่เกิน 5 ตำลึง คุณหนูต้องอยู่ในจวนสกุลกู้สองคืน ฮูหยินคิดสามสิบตำลึงต่อให้คิดค่าแรงเราสองคนเข้าไปด้วยก็ยังแพงอยู่ดี” เยี่ยม!! กู้ลี่ถิงระเบิดเสียงดังอยู่ในหัวสมอง ในนิยายไม่ได้บรรยายเรื่องราวของกู้ลี่ถิงนางจึงไม่รู้ว่านางเคยมีคนในครอบครัวที่หวังดีหรือมิตรสหายบ้างหรือไม่ แต่ยามนี้นางมีสองสาวใช้ที่ซื่อสัตย์เป็นพวกแล้ว!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม