"ขอเสียมารยาทถามอายุได้มั้ย"
หืม ชัชญามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มบาง
"ยี่สิบหกค่ะ"
"อ้าว เท่ากันเลย งั้นก็เป็นเพื่อนกันได้ เมื่อกี้เห็นโยเยเรียกว่าจ๋า ชื่อเล่นเหรอ น่ารักดี"
"อืม ยายตั้งให้น่ะ แล้วคุณทำงานที่ไหนคะ"
"ฮึ่ย ไม่ต้องคุณเคินอะไรแล้ว เรียกยุก็ได้ เราทำงานที่แบ้งค์ตรงซอยนั้นน่ะ"
พออีกฝ่ายบอกซอยก็พอจะรู้เพราะตรงนั้นเป็นที่ตั้งธนาคารหลายธนาคาร
"ดีจังเลย ได้ทำงานใกล้บ้านไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง"
โยธกาเดินกลับมาพร้อมกับถาดใบใหญ่ ในนั้นมีกับข้าวอยู่สี่อย่าง ที่ดึงดูดสายตาชัชญาก็คงเป็นคะน้าหมูกรอบนี่แหละ
"กินด้วยกันเลย ไม่ต้องเกรงใจ อ่อ อยากเติมข้าวก็บอกนะ มีทั้งข้าวมันกับข้าวธรรมดา เดี๋ยวไปช่วยโยเยก่อน"
ยุวดีบอกอีกฝ่าย รู้สึกถูกชะตาเพื่อนใหม่คนนี้ แบบนี้ต้องยุให้น้องสาวจีบให้ติด
ไม่นานสองพี่น้องก็ยกทั้งถาดผลไม้และโถข้าวออกมา และที่เดินตามหลังมาคือผู้ชายวัยกลางคน
"พี่ นี่ป๊าค่ะ"
"สวัสดีค่ะ"
"หวัดดี ๆ เมื่อคืนหนูไม่ได้โดนทำร้ายอะไรใช่มั้ย"
"ยังค่ะ โชคดีว่าน้องลงไปทันเหตุการณ์"
"อืม เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนมันก็อันตรายรอบด้าน เห็นโยเยบอกให้อาวุธไว้ป้องกันแล้วใช่มั้ย"
ชัชญามองน้องที่มานั่งลงข้างเธอก่อนจะตอบผู้ใหญ่
"ค่ะ ภาวนาว่าอย่าต้องได้ใช้จะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าหนูตกใจจนสติหลุดอาจจะลืมตัวช่วยนี่ก็ได้"
หึ ๆ ยศพลหัวเราะ
"คงไม่หรอกมั้ง เมื่อคืนหนูยังมีสติเอาตัวรอดเบื้องต้นได้เลย"
"นั่นเพราะหนูยังโชคดี ที่เขาตกใจแล้วมาหยุดรถตรงนี้พอดีค่ะ ถ้าไปจอดที่อื่นจะมีคนมาช่วยหรือเปล่าไม่รู้"
"ถือว่าฟาดเคราะห์กันไปนะอย่าคิดมาก ต่อไปเราก็ระวังตัวให้มากขึ้นอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ"
"แต่ไว้ใจโยได้ค่ะ"
"อื้อหือ ไม่ค่อยจะพรีเซ้นต์ตัวเองเลยน้องฉัน"
คำแซวนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนแม้แต่เจ้าเด็กตัวสูง เมื่อยศพลแยกกลับไปหลังบ้าน ก็เหลือเพียงสามสาวที่นั่งคุยกันไปกินกันไป จนกระทั่งเสียงของผู้ชายดังขึ้น
"กินอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ กินด้วยหิวมากเลย"
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร หนุ่มในเครื่องแบบคนนี้ก็คงเป็นผู้กองนั่นเอง
"เฮีย นี่ค่ะผู้เสียหายเมื่อคืน"
ยุทธการยกเก้าอี้มานั่งข้างยุวดี น้องคนเล็กก็แนะนำผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามทันที หน้าตาดีแบบนี้ไม่แปลกหรอก ที่จะโดนพวกเดนสังคมคิดรังแกเอา
"โชคดีมากนะครับที่คุณรอดมาได้ เมื่อคืนผมเช็คประวัติหมอนั่นจากทะเบียนรถที่โยเยส่งให้ หมอนี่เคยมีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเมื่อสองปีก่อนด้วย พวกย****์น่ะครับ
และที่สำคัญวันที่เขาโดนจับแต่ได้ประกันตัวออกมา พวกเขาเสพยากันที่ห้องพัก แล้วมีผู้หญิงที่ถูกล่อลวงไปร่วมวงสามคน โชคดีว่าหนึ่งในนั้นเขาติดต่อญาติให้ไปช่วย ตำรวจถึงไปจับกุมได้"
"โหย แบบนี้เขาคงไปทำกับคนอื่นมาหลายคนแล้วสิเฮีย จ๋าโชคดีมากเลยนะที่รอดมาได้แบบนี้น่ะ"
ยุวดีเอ่ยขึ้น ชัชญาเองก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ นั่นแหละ มืออุ่นของน้องเลื่อนมาจับมือเธอ สายตาที่มองมาพอจะรู้ว่าน้องแค่อยากปลอบใจ เธอจึงระบายยิ้มให้
"ต่อไปถ้าเขามาคุกคามหรือข่มขู่อะไรคุณสามารถไปแจ้งความได้นะ เขามีประวัติโดนภาคทัณฑ์ไว้อยู่"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะที่หาข้อมูลเขามาให้ ฉันจะได้ระวังตัวมากขึ้น"
ยุทธการยิ้มก่อนพยักหน้า เห็นท่าทางน้องคนเล็กแล้วก็ต้องอมยิ้ม ตัวแสบเอ้ย สงสัยงานนี้น้องจะมีแฟนก่อนพี่ซะแล้ว
หลังจากพากันทานอาหารเสร็จชัชญาก็ขอตัวกลับ แต่ก็ต้องแปลกใจที่เด็กตัวสูงเดินตามมาด้วย
"โยไปส่ง พี่จะนั่งรถเมล์ฝั่งนั้นใช่มั้ย"
คนเป็นพี่พยักหน้า ไม่ได้ค้านอะไรหรอก เราเดินไปขึ้นสะพานตรงสถานีรถไฟฟ้าก่อนจะข้ามไปอีกฝั่ง
"พี่เคยไปทำบุญที่วัดตรงนี้มั้ยคะ"
ตรงนี้ของน้องคงหมายถึงวัดหัวลำโพงที่อยู่ไม่ไกล
"เคยไปสามครั้งค่ะ จะชวนพี่ไปเหรอ"
น้องหันมายิ้มพยักหน้า
"ไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้พี่ต้องกลับรังสิตไม่ใช่เหรอ"
"ค่ะ แต่ต้องกลับไปซักผ้าก่อนทำอะไรเสร็จคงสี่โมงโน่นแหละถึงจะได้กลับ"
"แถวพี่พักของกินเยอะมั้ย มีอะไรอร่อย ๆ บ้าง"
คำถามธรรมดา แต่คนฟังรู้สึกว่ามันไม่ได้ธรรมดาหรอก และตอนนี้เธอคิดว่าพอจะรู้ทันคนเจ้าเล่ห์อยู่นะ
"ที่ถามนี่คืออยากไปกินกับพี่ หรือจะพาใครไปกินคะ"
"กินกับพี่สิคะ ก็พี่พักแถวนั้น"
คนโดนรู้ทันส่งเสียงตอบกลับงุ๊งงิ๊ง แถมริ้วแดงยังแต้มใบหน้า ให้คนเป็นพี่อดขำไม่ได้ ถึงจะดูเจ้าเล่ห์ไปบ้างแต่น้องก็ยังมีมุมเขินอายให้เห็น เด็กมันก็น่ารักดีนะ
"ถ้าไปกินกับพี่ อะไรก็คงอร่อยมั้งคะ หรือยังไง"
"งือ พี่อ่า พูดแบบนี้โยเขินนะ"
คราวนี้น้องมันเขินหน้าแดงไปถึงคอเลยค่ะ ชัชญาหลุดหัวเราะเด็กหนอเด็กจะจีบเค้าแต่ตัวเองมาเขินแบบนี้จะรอดมั้ยเนี่ย
"ขอมือถือพี่หน่อยค่ะ โยยังไม่ได้บันทึกเบอร์ตัวเองเลย"
ชัชญาปลดล็อกแล้วส่งมือถือให้ น้องก็เข้าไปกดอะไรยิก ๆ สักพักก็ส่งคืนให้
"แล้วจำเบอร์พี่ได้เหรอคะ"
"จำขึ้นใจเลยค่ะ"
ชัชญามองคนที่ฉีกยิ้มตาปิดก็นึกหมั่นไส้ ไม่แปลกใจหรอกไอคิวระดับนี้ความจำคงจะดีพอสมควร
"หลังสอบเสร็จ พาโยไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือบ้านพี่นะ"
"ค่ะ รถมาแล้ว พี่กลับก่อนนะตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ"
"ค่ะ บ๊าย"
เธอโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะรีบไปขึ้นรถเมล์สายที่จะพากลับที่พัก โยธกามองตามท้ายรถไปจนลับตา ก่อนจะเดินยิ้มอารมณ์ดีกลับไปทำงานตัวเองต่อ
หลังแยกจากน้องชัชญาใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึงห้องพักย่านสี่แยกสุทธิสาร อพาทเม้นท์สูงหกชั้นห่างจากปากซอยประมาณสองร้อยเมตร พอที่จะลดเสียงดังจากการรบกวนของรถราได้
ห้องเช่าขนาดห้าคูณห้าเมตรไม่ได้กว้างเท่าไหร อาศัยว่าทางตึกมีเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อม ทั้งตู้เตียงโต๊ะเครื่องแป้งและแอร์ ราคาสามพันห้าบวกค่าน้ำค่าไฟแต่ละเดือน ก็ไม่เกินห้าพันก็ถือว่าอยู่ในงบที่สาวบัญชีอย่างเธอมองว่าคุ้ม
เมื่อวางของทุกอย่างเสร็จเธอก็นำเสื้อผ้าไปแช่ รอเวลาสักครึ่งชั่วโมงถึงจะซัก จังหวะที่รอก็มีเสียงเตือนเบา ๆ ของแอปหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวหยิบมือถือมาดูก่อนจะยิ้ม เมื่อเห็นว่าใครส่งข้อความมา
Yoye: ถึงห้องหรือยังคะ
Chatchaya: เพิ่งถึงค่ะ กำลังจะซักผ้า
Yoye: สติกเกอร์โอเคส่งกลับมา
ชัชญามองแล้วยิ้มไม่ได้ตอบกลับอะไร จากนั้นก็เก็บกวาดทำความสะอาดห้องจนเรียบร้อย ก่อนจะไปซักผ้า ใช้เวลาจัดการภารกิจส่วนตัว จนแล้วเสร็จในเวลาบ่ายสองโมงกว่า
ก่อนที่จะออกมารอรถเพื่อกลับบ้าน หน้านี้ก็เป็นฤดูฝน ที่เอาแน่เอานอนกับอากาศบ้านเราไม่ค่อยจะได้ บางวันแดดเปรี้ยงร้อนแทบไหม้ พอตกบ่ายฝนกลับเทลงมา
แล้วยิ่งในเมืองการจราจรมักจะติดในเวลาฝนตก หรือช่วงเย็นที่หลาย ๆ คนเลิกงาน นั่นจึงเป็นเวลาที่น่าเบื่อพอสมควร
ร่มคันเล็กจึงเป็นสิ่งที่เธอขาดไม่ได้ต้องมีพกพาเอาไว้ตลอด ทุกการเดินทาง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีสิ่งเล็ก ๆ อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาอยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอ
เรียวปากสวยผุดรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมา และวันนี้ก็โชคดีที่ฝนไม่เทลงมาระหว่างเดินทาง เธอเลยใช้เวลาเพียงชั่วโมงก็กลับถึงบ้าน
เพียงเดินมาถึงเขตบ้าน สุนัขตัวหนึ่งก็วิ่งกระดิกหางเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับวิ่งวนคลอเคลียรอบเธอเป็นการทักทาย
หญิงสาวเอามือลูบหัว ให้เจ้าสุนัขพันธุ์บางแก้ว ส่งเสียงร้องครางหงิง ๆ
"วันนี้พี่มีอาหารเด็ดมาให้แกด้วยนะโปเต้ แต่ไว้ตอนเย็นค่อยกินนะ"
เธอขอเศษกระดูกไก่มาจากร้าน และแม่ของโยธกาก็ให้มาเยอะพอสมควร คงใช้เป็นอาหารเจ้าโปเต้ได้หลายวัน ที่มันชื่อโปเต้เพราะมันชอบกินขนมโปเต้นั่นแหละ
สงสัยมันจะเข้าใจว่าขนมเกลียวสีขาวเล็กนั่นเป็นกระดูก ร่างบางเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ กับยายวัยเจ็ดสิบสองที่นั่งอยู่แคร่ใต้ถุนบ้าน
"หอบอะไรมาลูก"
ชาลินีเอ่ยถามลูกสาวเมื่อเห็นถุงกระดาษใบใหญ่
"พอดีวันนี้มีโอกาสไปกินข้าวมันไก่เจ้าอร่อยค่ะ หนูเลยสั่งมาเผื่อแม่กับยายกินด้วย มีหมูกรอบด้วยนะคะ แล้วก็นี่กระดูกไก่สำหรับเจ้าโปเต้ค่ะ"
"ทำไมเขาให้กระดูกมาเยอะจังละลูก หรือหนูขอซื้อมา"
คุณยายถามเมื่อเห็นถุงที่ใส่เศษกระดูกไก่ถุงใหญ่ ชัชญาส่ายหน้ายิ้ม ที่จริงทั้งหมดนี่ ไม่ได้เสียเงินสักบาท เพราะเจ้าเด็กตัวสูง บอกว่าแลกกันกับขนมถ้วยที่เธอจะเอาไปฝาก
"ไม่ได้ซื้อค่ะ น้าเค้าให้มาฟรีน่ะ แม่คะคือเมื่อคืนนี้จ๋าเจอเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร แต่โชคดีว่ามีคนช่วย ก็เลยไม่เป็นอะไร คนที่ช่วยก็ลูกสาวร้านข้าวมันไก่นี่แหละค่ะ"
"หืม เกิดอะไรขึ้นลูก ก็เมื่อคืนหนูบอกไปกินเลี้ยงงานวันเกิดเพื่อน แล้วตอนห้าทุ่มกว่า หนูส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะกลับแล้วเกิดอะไรขึ้น"
ชาลินีถามพลางสำรวจร่างกายลูกสาวไปด้วยว่ามีอะไรผิดปกติ ชัชญาเลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้มารดากับยายได้ฟัง ถึงจะรู้ว่าพวกท่านห่วงเธอมาก แต่ที่ผ่านมาเธอก็ระวังตัวเองมาตลอด
"คุณพระคุณเจ้ายังคุ้มครอง โชคดีแค่ไหนที่น้องเขาลงมาดูน่ะ"
"ใช่ค่ะ แล้วน้องยังให้เจ้านี่ไว้ป้องกันตัวอีก แล้วก็ยังลงโปรแกรมเตือนภัยในมือถือให้หนูด้วยนะคะ ต่อไปถ้าเกิดเจอเหตุแบบนั้นหนูคงเอาตัวรอดได้ แต่หนูจะระวังไม่ไปไหน แล้วก็จะไม่กลับดึก ๆ ค่ะ"
"โชคดี ที่เจอครอบครัวตำรวจด้วยสินั่น"
"ค่ะยาย ครอบครัวเขาน่ารักทุกคนเลยค่ะ ป๊ากับม๊าเขาก็ดูใจดีด้วย วันจันทร์หนูเลยว่าจะเอาขนมเราไปฝากพวกเขาค่ะ ที่จริงน้องเขาอยากมาด้วยแหละแต่พอดีติดงาน เห็นบอกหลังสอบเสร็จขอมาค้างด้วย เขาบอกชอบบ้านติดคลอง"
"อืม ดี ๆ ลูกสรุปหนูจะค้างสองคืนแล้วกลับเช้าวันจันทร์"
"ค่ะ"
ครอบครัวเธอตอนนี้เหลือกันอยู่สามคน คุณตาเสียไปเมื่อหกปีก่อน และบ้านริมคลองหลังนี้ได้ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่หลังจากปีที่น้ำท่วมใหญ่คราวนั้น
ลักษณะบ้านริมคลองละแวกนี้จึงคล้าย ๆ กันหมด คือมีใต้ถุนสูงจากพื้นห้าถึงหกเมตร เพื่อป้องกันเวลาเกิดน้ำท่วมก็ยังอาศัยบนบ้านได้ และทุกบ้านก็จะมีเรือยางบ้านเธอก็มีสองลำ ลำเล็กผูกไว้ในคลอง สำหรับเอาไว้พายเก็บผักบุ้งและผักกระเฉดน้ำหลังบ้าน
อาชีพทำขนมถ้วยยายทำมานานตั้งแต่แม่กับลุงของเธอยังเรียนมัธยมกันอยู่เลย จนถึงตอนนี้ยายมีลูกค้าประจำที่ซื้อกันมาเกินยี่สิบปีก็หลายเจ้า อย่างเจ้าใหญ่ในตลาดที่เป็นลูกค้ามาจนถึงรุ่นลูก
นอกนั้นก็มีลูกค้าที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวมารับไปเป็นถ้วย ร้านล่ะห้าสิบ ร้านละร้อยถ้วย รายได้ก็ถือว่าอยู่กันได้สบายไม่เดือดร้อน
Yoye: พี่ทำอะไรอยู่คะ กินข้าวยัง
ข้อความถูกส่งมาตอนทุ่มกว่า ๆ แต่ชัชญาเพิ่งมาดูตอนสี่ทุ่มไปแล้ว หลังจากช่วยแม่กับยายเตรียมของที่จะทำขนมในตอนเช้า
Chatchaya: โทษทีนะพี่ไม่ได้ดูมือถือเลย เพิ่งช่วยแม่กับยายเตรียมของไว้ทำขนมน่ะ วันนี้กินข้าวกับน้ำพริกปลาทูแล้วก็ข้าวมันไก่หมูกรอบ ที่เอามาจากร้านแหละค่ะ เราล่ะ อ่านหนังสืออยู่หรือเปล่า
เหมือนว่าอีกคนจะอยู่กับมือถือเพราะข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว
Yoye: กำลังอ่านอยู่ค่ะ พี่จะนอนยัง
Chatchaya: ทำไมคะ ก็ยังไม่ง่วงหรอกน้ำก็ยังไม่ได้อาบ
Yoye:ไม่มีไรคะ อยากคุยด้วยแต่ไม่รู้จะคุยอะไร
คนเป็นพี่อมยิ้มเมื่ออ่านข้อความนั้น นั่นสินะ คุยแบบนี้มันก็ไม่เหมือนอยู่ต่อหน้ากัน ที่อยากจะคุยหรือถามอะไรกันเรื่อยเปื่อยก็ได้
Chatchaya: ถ้างั้นก็เอาไว้คุยตอนเจอกัน ดีมั้ย เผื่อจะนึกออกว่าอยากคุยอะไร
สติกเกอร์การ์ตูนยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงักถูกส่งมา
Yoye: งั้นฝันดีนะคะ
Chatchaya: ค่ะ อย่าหักโหมนักล่ะ อ่านเท่าที่สมองจะรับไหวนะ
Yoye: รับทราบค่า
และนั่นคือจุดเริ่มต้นในการส่งข้อความถามไถ่กันวันละไม่กี่ข้อความ วันจันทร์ชัชญาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อที่จะได้มาขึ้นรถเมล์รอบหกโมงเช้า
ซึ่งรถคันนี้จะวิ่งขึ้นทางด่วนและเธอก็ต้องลงต่อรถเมล์อีกสายเพื่อที่จะเอาของไปฝากเจ้าเด็กตัวสูง หญิงสาวมาถึงร้านในตอนเจ็ดโมงยี่สิบก็เจอน้องลงมานั่งรอกันแล้ว
"มานั่งรอเศษเหรียญอยู่เหรอคะ"
โยธกาฉีกยิ้มกว้างรีบลุกขึ้นมารับถุงกล่องใสเจ็ดกล่องที่บรรจุขนมน่ากิน
"ไม่ได้รอเศษเหรียญค่ะ แต่รอเศษใจจากใครบางคนน่ะ"
ชัชญาส่ายหน้าพลางยิ้ม เจอหยอดแต่เช้าเลยนะ
"ทำไมเอามาเยอะจังคะ ยายไม่ว่าเหรอ"
"ไม่ว่าหรอกค่ะ แค่นี้ไม่ได้ขาดกำไร ก็โยบอกกินเยอะพี่เลยจัดให้เราสามกล่องไง ที่เหลือก็ให้พี่กับพ่อแม่คนละกล่อง"
"หูย น่ารักที่สุดเลยนางฟ้าของโยเนี่ย"
"พี่ไปเป็นนางฟ้าของเราตอนไหนฮึ โมเมเก่งนะเนี่ย"
ชัชญาหมั่นเขี้ยวเลยเอานิ้วจิ้มหน้าผากให้เจ้าเด็กทะเล้นหัวเราะชอบใจ
"หอบอะไรมาแต่เช้าเลยลูก"
"น้าสวัสดีค่ะ หนูแวะเอาขนมถ้วยมาฝากค่ะ ที่บ้านทำเอง"
"อ้าวเหรอ เอามาซะเยอะเลยโยเยไปงอแงพี่เขาหรือไงเราน่ะ"
"เปล่านะคะ พี่เขาใจดีกลัวโยไม่อิ่มต่างหากล่ะ ใช่มั้ยคะ"
ชัชญายิ้มก่อนจะพยักหน้า ศรีวรรณส่ายหน้ายิ้มกับท่าทางของลูกสาว เห็นตื่นมานั่งจุมปุ๊กรอพี่เขาตั้งแต่เช้า อยากเห็นหน้าสาวหรืออยากกินขนมก็ไม่รู้
"กินข้าวก่อนมั้ยลูก หรือจะเอาไปกินที่ทำงานเดี๋ยวม๊าห่อให้"
"ไปกินที่ทำงานดีกว่าค่ะ คราวนี้หนูจ่ายตังค์นะคะ"
ศรีวรรณยิ้มขำเธอว่าจะทำให้เฉย ๆ นี่แหละ แต่ดูเหมือนอีกคนจะเกรงใจกัน
"อร่อยมากเลยค่ะ แป้งนุ่ม หอมกะทิไม่หวานมากด้วย ชอบ ๆ"
คนที่นั่งกินขนมไปเกือบหมดกล่องเอ่ยขึ้นมา ชัชญามองด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
"ก็บอกแล้วว่าจะติดใจ"
"สั่งมาขายที่ร้านดีมั้ยม๊า อร่อยมากเลยค่ะ นี่ม๊าชิม อ่ะป๊ามาพอดี พี่กุหลาบพี่หนูดี นี่โยให้กล่องนึง ไว้จะสั่งมาให้กินใหม่นะ"
"ขอบคุณค่ะคุณโย"
พนักงานในร้านซึ่งเป็นคนลาวแต่พูดไทยคล่องปรื๋อบอกขอบคุณนายจ้าง
"อืม อร่อยดี แบบนี้คงขายดีใช่มั้ยหนู"
ยศพลลองชิมก็ต้องเอ่ยชม
"ก็ดีค่ะ มีลูกค้าประจำที่สั่งมาหลายปี"
"แบบนี้เอามาขายที่ร้านน่าจะขายได้หลายกล่องอยู่นะเนี่ย ถ้าหนูอยากเอามาฝากขายที่ร้านก็ได้นะลูก ม๊าไม่คิดค่าอะไรหรอก ลูกค้าเขากินข้าวแล้วส่วนมากหลายคนเขาก็ชอบตบท้ายด้วยของหวาน"
ศรีวรรณบอกอย่างผู้ใหญ่ใจดี
"มันไกลน่ะสิคะ อีกอย่างที่ทำอยู่ก็คือลูกค้าเขาไปรับเองที่บ้าน ถ้าจะเอามาที่นี่ก็ต้องจ้างคนส่งอีก"
"อืม มันก็คงลำบากอะนะ"
"แต่ถ้าโยสั่งมากิน ให้เคอรี่มาส่งเลยนะคะเดี๋ยวจ่ายค่าบริการเอง"
คนที่กินขนมหมดไปกล่องครึ่งเงยหน้ามาบอก ดูท่าคงจะชอบมากจริง ๆ
"ก็ได้ค่ะ ไว้อยากกินก็บอกพี่แล้วกันจะได้ให้แม่เตรียมให้ งั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ หนูไปทำงานก่อนนะคะคุณน้า"
"เรียกป๊ากับม๊าก็ได้ลูก"
ยศพลบอกด้วยรอยยิ้มใจดี ทำให้ชัชญารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ ถ้าเธอมีพ่อที่อบอุ่นใจดีแบบนี้ก็คงดี