“อยู่คุยกันก่อนซี”
ร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดขวางทางเธอในระยะประชิด จนหญิงสาวเกือบชนเข้ากับเขา ดวงตากลมถึงกับเบิกโต
“ฉันจะรีบกลับเข้าไปในงานค่ะ กรุณาหลีกทางให้ด้วย”
“หึ รีบมากงั้นเหรอ ได้!”
เสียงต่ำลอดไรฟันออกมา ตวัดสายตามองสิ่งรอบตัวแวบเดียวมือหนาก็บีบต้นแขนเรียวกระชากจนร่างบางปลิวติดมือตามเขาไป
“นี่คุณ ฉันจะร้องให้คนช่วยนะ”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบด้วยซ้ำเขาก็กระชากประตูบานหนึ่งที่เขียนป้ายติดไว้ว่า “STAFF ONLY” แล้วผลักเธอเข้าไปข้างใน กดล็อกประตูทันที อัยวามีสีหน้าตื่นกลัวพยายามมองหาทางออก แต่เมื่อจะกระโจนเข้าไปแขนแกร่งก็ยื่นออกมาขวาง
“ต้องการอะไร เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกแล้วนะ”
ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์หากมองลึกเข้าไปจะเห็นดวงไฟลุกโชนอยู่ และมันไม่ใช่ไฟเสน่หาแบบที่ครั้งหนึ่งเคยมี
“หาทางปีนขึ้นที่สูงเก่งนี่ จากเลขาอีกไม่นานก็คงได้พ่วงตำแหน่งอื่น”
“พูดอะไรของคุณไม่ทราบ...” คนถูกค่อนแขวะนิ่วหน้าไม่เข้าใจในทีแรก แต่วินาทีต่อมาเธอก็ตีความคำพูดของเขาได้กระจ่าง
“อ๋อ ถ้าคุณจะหมายถึงเรื่องของฉันกับคุณปรเมศวร์ นั่นก็ไม่แน่ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต”
“หึ เรื่องของอนาคตงั้นเหรอ ผู้หญิงอย่างเธอคงกระเสือกกระสนไขว่คว้าหาแต่อนาคตที่สุขสบายให้ตัวเองสินะ”
“ใครบ้างที่ไม่คิดจะหาความสุขสบายให้ตัวเอง? ตอนนี้คุณเองก็ออกจะมีชีวิตที่สุขสบาย ฉันยินดีกับคุณด้วยมาก ๆ”
“ใช่ ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ดี ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ๆต่างกันยังกับหน้ามือกับหลังเท้า”
ประโยคุดท้ายเขาจงใจกระแทกคำพูดใส่หน้าเธอ ย้ำให้นึกถึงสิ่งที่เขาเองก็...
ไม่ลืมมัน
“แล้วคุณจะเอายังไงกับฉันอีก มันคงไม่เหมาะแน่ถ้าใครรู้ใครเห็นว่าคุณลากฉันเข้ามาอยู่ในห้องนี้”
อัยวาขู่ฟ่อ อย่างน้อยเขาควรจะเกรงใจคู่หมั้นคนสวยของเขาบ้าง แต่ตรงกันข้ามเขายังมีสีหน้าที่ไม่รู้เดือดรู้ร้อนในสิ่งที่เธอพูด
“ใครที่นี่ก็รู้จักฉันทั้งนั้น ฉันจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะบีบคอใครสักคนให้ตายอยู่ในห้องนี้แล้วโยนศพลงไปตามท่อก็ยังไม่มีใครกล้าเปิดปากเลย”
สิ่งที่คับคั่งอยู่ในใจอัดแน่นพร้อมระเบิดออกมา อัยวามองเข้าไปในตาของเขา มันเหมือนมีเงาทมึนของปีศาจร้ายอยู่ในนั้น ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่ใช่ชายหนุ่มคนนั้นที่เธอรู้จักอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวพยายามข่มความกลัวทำใจกล้าโต้ตอบออกไป เธอยังมีสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอตายไม่ได้
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะทำอย่างนั้นกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ถ้าทำคุณก็ไม่ควรถูกเรียกว่าคน!”
‘หนอย ไอ้ผู้ชายเฮงซวยทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้มันไม่สมควรเรียกว่าคน ต้องเรียกมันว่าสัตว์!’
ครั้งนั้นที่อัยวานั่งดูซีรีส์กับผู้ชายคนหนึ่งบนโซฟา ถึงฉากที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถูกรังแกเธอทนดูไม่ได้จึงตะโกนด่ามันออกไปอย่างอินจัด
“หึ ยังปากเก่งเหมือนเดิม”
“ปล่อยฉันออกไปเถอะค่ะ เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
“เธอคิดว่าฉันอยากกลับไปเกี่ยวนักเหรอ สำคัญตัวผิดไปหน่อยแล้วมั้ย”
“แล้วเรื่องอะไรที่ต้องพาฉันเข้ามาอยู่ในนี้ด้วย”
มุมปากหยักยกยิ้มเหี้ยม ดันร่างของเธอให้ถอยหลังไปจนติดผนัง ครั้นหญิงสาวจะหาทางออกเขาก็ยกมือขึ้นเป็นการกักขัง
“แค่จะบอกว่า ต่อจากนี้อย่าหวังว่าชีวิตของเธอจะมีความสุขสมหวัง ต่อจากนี้จะเป็นฉันที่ทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน”
“นี่คุณยังไม่ปล่อยวางมันอีกเหรอ ทำไมไม่ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่คุณรัก” เธอครางถาม
“คนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน แล้วก็จะบอกให้ชัด ๆ ว่าชีวิตฉันตอนนี้มีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า แค่ว่าฉันเห็นเธอแล้วฉันอยากหาอะไรสนุก ๆ ทำเล่น” สายตาที่มองเธอเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังจ้องลูกเสือชีตาห์
“คุณคิดจะทำอะไร”
หึ
มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก แขนแกร่งข้างหนึ่งลดลงเปิดทางให้หญิงสาวได้หลบหนีไปได้เมื่อเขาพอใจ อัยวาเปิดประตูห้องเฉพาะเจ้าหน้าที่ออกมา สวนกับพนักงานควบคุมระบบคนหนึ่งที่ทำหน้าตกใจ เพราะมีคนนอกเข้ามาในส่วนที่ระบุไว้ชัดเจนว่าสงวนไว้สำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น หญิงสาวรีบเดินออกจากตรงนั้นทันที ก่อนที่พนักงานที่มาเคาะประตูจะหันไปเห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินตามออกมา
“ท่าน...”
อินทวิชญ์เป็นที่รู้จักของพนักงานแทบทุกคนในโรงแรมอยู่แล้ว เพียงแค่เขาใช้สายตาออกคำสั่งชายคนนั้นก็รู้ว่าต้องปิดปากเงียบ
^
^
^
***ฝากติดตามกันด้วยนะค้า ขอกำลังใจเยอะๆ เลย