บารอนฟาดฝ่ามือของเขาไปบนกลีบสะโพกอวบ ๆ จนเป็นรอยมือ เธอควบเก่งอย่าบอกใคร สอดกระแทกตัวลงมาลึก ๆ กระเด้งตัวแรง ๆ เขาก็ย่อเข่าอัดโยกแข่งกันกับเธอเอวเร็วพอ ๆ กัน หญิงสาวหวีดร้องบอกว่าสุขสม ซบหน้าลงไปกับไหล่กว้างของเขาในทันที ร่องน้อยแอบอิง ท่อนลำถูกกลืนเอาไว้ในตัวเอง ทั้งสองซี้ดปากออกมาอย่างไม่อาย
บารอนยกมือขึ้นลูบหลังอย่างเอ็นดู เธอช่างเซ็กซี่น่าเอาเป็นที่สุด เขาไม่เคยมีเซ็กซ์กับใคร แล้วทั้งมันและตื่นเต้นมาก่อน เขายอมรับว่า ช่องทางของเรนนี่ช่างหนึบหนับตอดรัดลำใหญ่ดีเหลือเกิน สองคนจูบปากกันอยู่ตรงนั้น
ภายนอกห้อง ครูซได้รับข้อความเชิญชวนจากเรนนี่ให้มากินมื้อเย็นด้วยที่บ้านของเธอ เพื่อเซอร์ไพรส์ทั้งบารอนและครูซ เธอจึงไม่ได้บอกทั้งสองว่าจะได้เจอกัน
แต่จากนี้ไป
ครูซกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ และขวดแชมเปญที่ถืออยู่ในมือ เขากดรหัสลับที่เธอให้ไว้ตรงหน้าประตูห้อง
เสียงกลอนดัง กริ๊ก... เขาค่อย ๆ บิดหมุนลูกบิดเพื่อเปิดเข้ามาในบ้านของเรนนี่
เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงร้องบ่งบอกถึงความสาดเสียวของเกมรักที่กำลังร้อนแรงมาก ๆ ในครัวดังขึ้น เขาชะงักขาที่กำลังจะก้าวเข้าไป
ภาพตรงหน้าตรงพื้นในห้องครัวกระจัดกระจายไปด้วยเศษอาหารและถ้วยจาน มีร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของเรนนี่กำลังยืนโก้งโค้ง ฝ่ามือน้อย ๆ ของเธอยึดกับขอบโต๊ะเอาไว้แน่น ดวงหน้าของเธอยับย่น ปากก็ส่งเสียงร้องครางเหมือนกำลังกินของเผ็ดร้อนออกมาตลอดเวลา
ภาพนั้นทำให้ครูซตัวชาหน้าชา หูอื้อ ตาจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยตอนนี้
ด้านหลังร่างเปลือยของเรนนี่มีร่างหนาของพี่ชายต่างสายเลือด
บารอนกำลังบรรเลงเพลงรัก ประโคมโหมแรงกายที่มีกระแทกแกนแกร่งเข้าออกร่างกายของหญิงสาวอย่างสนุกแรงเร็วและหนักหน่วง ทั้งสองคนทั้งกอด ลูบคลำบีบเคล้นร่างกายของกันและกัน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกระทำการนั้น แรงพิศวาสปรารถนาที่แรงกล้า ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนเห็นว่ามีหนึ่งแขกผู้มาเยือนยืนจ้องมองการกระทำของทั้งคู่ด้วยความปวดร้าว
เพล้ง... ขวดในมือของครูซหล่นลงกระแทกพื้น
เสียงประหลาดนั้นทำให้ทั้งสองที่กำลังบรรเลงเพลงกามหยุดชะงักและหันมามอง เรนนี่มีสีหน้าตกใจสุดขีด แต่บารอนกลับยกยิ้มออกมา แล้วเขายังรั้งเอวคอดของเธอ และโหมแรงขยับโยกต่อ
“ครูซ... อ๊า... ไม่นะ... บารอนหยุด... อื้อ... ไม่... ” เรนนี่ร้องห้าม เธอพยายามปัดป่ายผลักร่างของบารอนแต่ไม่เป็นผล
สายตาของครูซดูเจ็บปวดและผิดหวัง
เธอน้ำตาไหล หญิงสาวเหมือนได้สติ แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว นัยน์ตาของเรนนี่มีแววเสียใจ
“ครูซ ไม่จริง มันไม่ใช่... อ๊ะ ๆ อ๊ะ ๆ”
บารอนที่กระแทกส่งตัวเองเข้าออกในร่องรักของเรนนี่แรง ๆ ทำให้เธอแทบแดดิ้น แรงยาที่ขับส่งวนเวียนอยู่ในสายเลือดก็ทำให้เธอร้อนระอุไปหมดแล้ว ยิ่งแรงส่งเสียดสีของท่อนยักษ์ที่จงใจอัดตอกแสดงความรักต่อหน้าชายที่เป็นที่รักของเธออย่างสุดกำลัง
“อ๊าก... เรนนี่พี่จะเสร็จแล้ว เมียจ๋า อ๊า... เรนนี่... มาขึ้นสวรรค์พร้อม ๆ กันกับพี่นะ โอ้...”
บารอนคำรามลั่น กระเด้งตัวกระแทกอัดเข้าไปจนลึกสุด ก่อนจะฉีดส่งความรักเข้าไปในร่องกลีบงามอย่างหมดตัว จนย้อยไหลตามปลีขาขาว ๆ ของเธอ
“กรี๊ด... ” หญิงสาวหวีดร้องสั่นกระตุกตามแรงกายที่ขับส่ง
บารอนส่งเธอไปถึงสวรรค์พร้อม ๆ กันกับเขา
ครูซน้ำตาไหล เขาขยี้กำดอกไม้ในมือจนเละ ก่อนจะโยนไปตรงหน้าของทั้งสองคน แล้วหมุนตัวออกไปจากห้องนั้นทันที
“ครูซ... ไม่... อย่าไป... นะ... ครู... ซ ... อึก”
บารอนยังกระแทกแกนแกร่งหนัก ๆ และเริ่มบรรเลงเพลงที่สองต่อในทันที
เมื่อครูซเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น เขาก็ชกเข้ากับต้นไม้ต้นแรกที่เขาเจอ จนมือของเขาแตกมีเลือดออก
“นี่คุณจะทำบ้าอะไร” มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี แล้วรีบเข้ามาห้าม แต่ครูซกับเห็นผู้ชายคนนั้นเป็นกระสอบทราย เขาอัดกระแทกผู้ชายคนนั้นจนจมกองเลือด แล้วเดินข้ามไป
รุ่งเช้า เขาถูกจับเข้าคุกข้อหาก่อความรำคาญและเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ มีคนของครอบครัวมาประกันออกไปเพื่อสู้คดี และนั่นทำให้ครูซถูกพักการเรียน ครอบครัวจึงย้ายเขาไปเรียนแพทย์ต่อที่มหาวิทยาลัยที่ประเทศโคลัมเบียในแถบอเมริกาใต้ และตัวเขาเองเป็นคนตัดสินใจที่จะหนีหน้าเรนนี่
หลังจากที่เรียนจบ ครูซทำงานในโคลัมเบียสองปี แล้วจึงกลับมาบริหารงานโรงพยาบาลโลเวลของครอบครัว
เรนนี่ก็อายเกินกว่าที่จะไปเผชิญหน้ากับเขาอีก ความเสียใจจึงถูกกดอยู่ภายในไม่ได้แสดงออกมา ภายใต้สีหน้าที่เข้มแข็งของเรนนี่ นั่นคือ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ลึก ๆ แล้วเธอยังรักเขาอยู่ และอยากจะให้เขาให้อภัยเธอเสมอ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ เพราะหลักฐานที่มัดแน่น มันชัดเจนเกินกว่าจะแก้ตัว และครูซก็คงไม่มีวันให้อภัยเธอ เมื่อเรนนี่เรียนจบ เธอตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ จนกระทั่งหมอเอ็ดดี้ พ่อของเธอได้ขอร้องให้เธอกลับมาอยู่ที่ปาลาวัน เรนนี่พยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอต้องทำตามคำขอร้องของเขา
หมอเอ็ดดี้เคยเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลโลเวล (Lowell International Hospital) ได้ทำให้โรงพยาบาลมีชื่อเสียงไปทั้งเกาะปาลาวัน และหมอเอ็ดดี้ยังเป็นคนสอนงานให้กับครูซ เมื่อหมอเอ็ดดี้เอ่ยปากกับลอร์ดโจซัวให้หมอเรนนี่มาทำงานที่โรงพยาบาลโลเวล ด้วยสายสัมพันธ์อันดีและแน่นแฟ้น จึงยากที่จะทำให้ลอร์ดโจซัวปฏิเสธได้ และครูซก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเมื่อทราบเรื่องนี้ แต่ใครจะรู้ความในใจของเขากันเล่า นอกจากตัวเขาเอง
ทั้งสามคนในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว
ใช่ เธอเก่ง และเธอไม่เคยยอมแพ้ ครูซชื่นชมเธอในใจ
“ขอบคุณหมอเรนนี่มากนะคะ” มินาต้องยอมรับถึงฝีมือของเรนนี่จริง ๆ
“เคสนี้ เป็นเคสพิเศษนะคะ จริง ๆ หมอมินาก็มีฝีมือเหมือนกัน”
เรนนี่ปาดเหงื่อที่เกาะพราวเต็มใบหน้า ครูซหยิบทิชชูก่อนจะยื่นไปเช็ดที่ใบหน้าของหมอเรนนี่ แต่เธอบ่ายเบี่ยง แล้วรับเอาทิชชูนั่นมาเช็ดหน้าเอง
สายตาของครูซที่มองไปที่เรนนี่ ทำให้หมอมินาที่ให้ความสนใจหมอครูซอยู่แล้วไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เธอได้แต่ข่มความไม่ชอบที่เกิดขึ้นในใจ
“วันนี้ถ้าไม่มีเคสด่วนอะไร มินาขอตัวก่อนนะคะ”
“แล้วคุณหมอจะกลับยังไงคะ” เรนนี่ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะทราบว่ารถของหมอมินาเกิดอุบัติเหตุถูกเฉี่ยวชนเมื่อสองวันก่อนจึงเข้าอู่เลย แล้วคงไม่มีรถกลับบ้าน
“เดี๋ยวผมไปส่งดีกว่านะครับ” ครูซอาสา
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนนะคะ” หมอมินายิ้มกว้าง
สายตากระแทกที่ครูซส่งมายังเรนนี่ เธอรู้สึกเจ็บแปลบพิกล
‘ช่างเขาปะไรจะไปกับใครก็ เรนนี่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์นะ’
“ฉันก็ขอตัวก่อนนะคะ” เรนนี่รีบหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที
“คุณหมอครูซได้ข่าวที่หมอเรนนี่จะแต่งงานหรือยังคะ”
“ใครจะแต่งงานก็ไม่เห็นเกี่ยวกับผม” ครูซยิ้มให้อย่างเลือดเย็น แต่ภายในใจยังร้อนรุ่มเหมือนเดิม
เขาไม่เคยลืมสายตาของบารอนที่จ้องสบกับเขาในวันนั้นได้แม้แต่วันเดียว