“ฉันไม่ได้ตายเพราะป่วยตาย แล้วตายเพราะอะไรล่ะก็เห็นๆ กันอยู่นี่คะว่าฉันป่วยมานานแล้ว ฉันไม่รู้จะไปหาสาเหตุอื่นได้จากที่ไหน” หญิงสาวกัดเล็บของตัวเองอย่างครุ่นคิด มองไปยังร่างของตัวเองก็พบว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอกลายเป็นหน้าผู้หญิงที่ชื่อว่าเจ้าอี้เฟยไปแล้ว
“คุณเจ้าคุยกับฉันได้หรือเปล่าคะ” เฉียนเฟยเฟยถามตะกุกตะกัก มองไปยังใบหน้าขาวผ่องงดงาม ที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง รอบร่างนั้นยังมีคุณหมอและพยาบาลวิ่งกันขวักไขว่
“แล้วเจ้าได้ยินเสียงข้าหรือไม่” เจ้าอี้เฟยลองถามออกไปในใจ
ฉับพลันวิญญาณของเฉียนเฟยเฟยก็ลุกพรวดขึ้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างดีใจ น้ำตาของหญิงสาวไหลพราก ในที่สุดเธอก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในโลกหลังความตายอีกต่อไปแล้ว เธอคุยกับคุณเจ้าคนสวยคนนั้นได้
“ได้ยินค่ะ ได้ยิน”
"ข้าต้องช่วยเจ้าหาคนร้าย และข้าต้องทำให้ทานพี่ของข้ารักข้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราทั้งคู่ต้องลำบากเข้าใจหรือไม่ ต่อไปเราต้องร่วมมือกันแล้วนะ"
"ได้ค่ะ คุณว่ายังไงฉันก็ว่าตามนั้นค่ะ"
ตั้งแต่นั้นมาวิญญาณของเฉียนเฟยเฟยก็คอยเล่าเรื่องทุกอย่างให้เจ้าอี้เฟยฟัง เจ้าอี้เฟยนอนฟังอย่างสงบ นานๆครั้ง จึงจะเอ่ยปากตอบสักที ยิ่งนานวันที่อาศัยร่างของเฉียนเฟยเฟย พลังจิตของนางก็ยิ่งลดน้อยถอยลงจนไม่สามารถโต้ตอบทางจิตกับเฉียนเฟยเฟยได้อีก
หลายวันต่อมาในขณะที่โจวเจี๋ยหลุนกำลังจะกลับบ้านเลขาคนสวยซูเซียนจือก็เข้ามารายงานว่าเฉียนเฟยเฟยฟื้นแล้ว เพราะเป็นคนไข้คนสำคัญที่พ่อและแม่ฝากฝังไว้จึงทำให้โจวเจี๋ยหลุนเร่งฝีเท้าไปดูอาการของเธอทันที
"คำแรกที่คุณเฉียนพูดออกมาหลังจากฟื้น คืออยากพบท่านประธานค่ะ"
โจวเจี๋ยหลุนขมวดคิ้ว คงเพราะเธอคิดว่าเป็นเพราะเขาจึงสามารถรอดพ้นจากความตายมาได้ การขอพบก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
"ผมเข้าใจ" น้ำเสียงราบเรียบกล่าวออกมา
“เคสแบบคุณเฉียนนี่หายากมากเลยนะคะ เรียกว่าพอฟื้นจากความตายก็ดีวันดีคืนเลยค่ะ น่าอัศจรรย์จริงๆ” ซูเซียนจือเอ่ยเบาเบาชวนเจ้านายคุยเมื่อเดินตามหลังเขามาติดๆ
“งั้นหรือ” โจวเจี๋ยหลุนยิ้มเย็นในโลกนี้มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านี้ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเองเสียด้วย เขาจึงสามารถวางเฉยทำหน้านิ่งได้กับทุกสิ่งที่พบเจอ
หลังจากโจวเจ๋อฮั่นผู้เป็นบิดายกกิจการฝ่ายโรงพยาบาลให้เขาดูแลเต็มตัว โจวเจี๋ยหลุนก็เข้าเทคโอเวอร์โรงพยาบาลหลายแห่งที่กำลังจะล้มละลาย เขาได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแนวทางบริหารใหม่จนสร้างรายได้มหาศาลและกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงรูปหล่อเลือดเย็นที่พร้อมเชือดคู่ต่อสู้ได้ทุกเมื่อ แทบจะเรียกได้ว่าไม่ว่าเขาจะพาบริษัทเดินไปในทิศทางไหนไม่มีผู้ถือหุ้นคุนใดกล้าขัดขวางแม้แต่คนเดียว
“เฟยเอ๋อ เขามาแล้ว เขามาแล้ว” เฉียนเฟยเฟยเดินไปเดินมาด้วยความตื่นเต้นแทน คนรักของเฟยเอ๋อที่เธอข้ามภพมาตามหา และทั้งคู่กำลังจะเจอกันมันไม่น่าตื่นเต้นหรอกหรือ
เจ้าอี้เฟยกระแอม ส่งเสียงเบาๆ ให้เฉียนเฟยเฟยได้ยิน “เจ้าหยุดเดินเสียทีเฟยเฟยข้าหัวใจจะวาย”
“ก็ฉันตื่นเต้นนี่นา” สิ้นเสียงของเฉียนเฟยเฟย เจ้าอี้เฟยก็หรี่ตามองร่างสูงที่เดินทะลุร่างของเฉียนเฟยเฟยเข้ามาด้วยความตื่นเต้นจนแทบระงับไม่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะพบเขาในฐานะคนที่มีเลือดเนื้อเช่นกัน
เจ้าอี้เฟยมองใบหน้าคมคายหล่อเหล่า แต่เคร่งขรึมพยายามระงับอาการตื่นเต้นจนเกินเหตุของเธอไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทำให้เกิดพิรุธ ท่านพี่ของเธอจมูกไวและสมองไวมากกว่าผู้ใด หญิงสาวจ้องมองริมฝีปากหนาได้รูปแบบบุรุษแล้วแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เหตุใดถึงได้มีสีแดงระเรื่อจนเธอรู้สึกคอแห้งผากได้แบบนั้น
“คุณเฉียนยินดีด้วยนะครับที่ฟื้น ผมคือหมอโจวครับ อาการของคุณดีขึ้นตามลำดับอย่างน่าแปลกใจ ไม่นานคุณคงออกจากโรงพยาบาลได้ครับ” เขาส่งยิ้มบางๆที่ไร้ความรู้สึกมาให้เจ้าอี้เฟย ก่อนขอบันทึกอาการคนไข้มาดูอย่างพิจารณา แล้วเอ่ยเรื่องอาการของเธออีกสองสามอย่าง
“เฟยเอ๋อ ตอบเขาเร็ว” เป็นเฉียนเฟยเฟยที่เร่งเร้า เห็นใบหน้าแดงก่ำของเฟยเอ๋อแล้วเฉียนเฟยเฟยก็ได้แต่อิจฉา
เธอมีคู่หมั้นที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เธอต้องแยกจากเขาไปเรียนเมืองนอกก็ได้ข่าวว่าเขาคบผู้หญิงมากมายไม่ซ้ำหน้า คงมีเพียงเธอคนเดียวที่ซื่อสัตย์ พอกลับมาเธอก็ล้มป่วย เขามาเยี่ยมเธอเพียงสองครั้งเท่านั้น แม้เธอจะอ้อนวอนขอร้องให้คนไปตามเขาหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมมา สาเหตุเพราะพิษไข้จึงทำให้ร่างกายของเธอผ่ายผอมลงจนเหลือแต่กระดูก ความสวยที่เคยมีหายไป เฉียนเฟยเฟยเหมือนซากศพลงทุกวัน ทำให้คู่หมั้นรู้สึกขยะแขยง ความรักแบบเด็กๆ จึงได้ตายจากเธอไปตั้งแต่ตอนนั้น
“ขอบคุณค่ะ” เจ้าอี้เฟยตอบได้เพียงเท่านี้ ก้อนสะอื้นและน้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายผอมเกร็งมีแต่กระดูกของเฉียนเฟยเฟยทำให้เธอไม่มีแม้แต่แรงจะซับน้ำตาให้ตนเอง
“ไม่เป็นไรครับ ทั้งหมดเป็นความดีของทีมแพทย์มือหนึ่งของเรา และจิตใจที่เข้มแข็งของคุณครับเราจึงผ่านมาได้” เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างไม่นึกรังเกียจ ร่างผอมบางที่มีเพียงแต่หนังหุ้มกระดูกทำให้เขารู้สึกสงสาร ใบหน้าตอบจนเห็นโหนกแก้ม ดวงตากลมโตปูดออกมาเพราะไร้ซึ่งความอวบอิ่มของใบหน้าคอยประครองไว้
สนทนาได้เพียงชั่วครู่ โจวเจี๋ยหลุนจึงกล่าวขอตัวเพราะมีธุระต้องไปจัดการต่อ
“คุณหมอคะ ในเมื่อเราไม่ใช่คนไกล ถ้าคุณหมอไม่รังเกียจ ฉันขอเรียกคุณว่าพี่เจี๋ยหลุนได้มั๊ยคะ” เสียงแหบแห้งพยายามเปล่งออกมาอย่างเต็มที่ แม้เสียงของเธอจะยังไม่ชัดเจนนักแต่โจวเจี๋ยหลุนพยักหน้า เขาเป็นหมอที่ดี สิ่งไหนที่จะทำให้คนไข้สบายใจได้แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ไม่ถือสา
“ได้ครับ คุณเรียกได้ตามสบายเลย ผมต้องขอตัวก่อนนะคะมีธุระต้องไปจัดการต่อไว้ผมจะมาเยี่ยมวันหลัง” เขาโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการลา แล้วหมุนตัวเดินออกมา
“เฟยเอ๋อขอบคุณพี่เจี๋ยหลุนค่ะ”
น้ำเสียงตื้นตันและยินดีเอ่ยพร้อมกับชื่อที่คุ้นเคยทำให้โจวเจี๋ยหลุนชงักเท้า เขาปลายตามองมายังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเล็กน้อย ในใจไหววูบเมื่อนึกถึงใครบางคน
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมขอตัว” น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์กล่าวออกมาก่อนก้าวขายาวออกจากห้องไป