bc

ครั้งหนึ่งข้าเคยเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง

book_age4+
174
ติดตาม
1.7K
อ่าน
love-triangle
ครอบครัว
จบสุข
สาสมใจ
เมือง
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

1.

แผ่นฟ้าสีขมุกขมัวมาตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อน เฉินเจียอีเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็อดบ่นพึมพำไม่ได้ “ท้องฟ้าวันนี้น่าเวทนาเหมือนชีวิตของฉันเลยนะ” แววตาแสนเศร้าหลุบลงหลังเปลือกตาเคลื่อนปิดทับ เจียอีมองหาที่นั่ง เธอคงต้องการพักขาก่อนที่ตัวเองจะหมดแรง

ชีวิตที่น่าสมเพชของตนเอง กลายเป็นเรื่องตลกบนโต๊ะอาหาร

วันนี้เพื่อนสมัยเรียนมัธยม’ นัดมารวมตัวสังสรรค์ ความจริงเจียอีไม่ได้อยากมาสักนิด แต่เพราะวีแชทของใครบางคนที่หายหน้าไปในรอบหลายปีเด้งเตือนขึ้นมา เจียอีเลยเร่งรีบเพื่อมาพบหน้าเขาสักครั้ง

เขาคือผู้ชายคนเดียวที่เธอแอบเก็บไว้ในใจ

ผู้ชายที่ดีไปหมด ไม่ว่าหน้าตาหรือฐานะ

แถมเขายังมีมันสมองระดับหัวกระทิ เขาสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง และตอนนี้เขาทำงานเป็นนักวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร ของบริษัทที่ติดโผรายชื่อบริษัทที่อันดับท็อปเท็นในประเทศ

ตงเฟยฉี รักแรกของเธอ

น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลออกมาทางหางตา

“คุณจำเจียอีได้ไหมเฟยฉี?” เจียอีชะงัก เธออิงหลังกับผนังกำแพงเพื่อฟังคำตอบที่อยากได้ยินจากปากคนที่ตนเองแอบปลื้มมาเนิ่นนาน

“จำได้สิ” เจียอีอดอมยิ้มไม่ได้

เธอเคยเป็นแค่อากาศที่เคยหมุนอยู่รอบตัวเขา ไม่คิดว่าจะมีความทรงจำติดค้างอยู่มากพอให้คนผู้นั้นจดจำตนเองได้

“โห น่าตกใจนะ คุณจำเธอได้แบบไหนละ”

เจียอีลุ้นระทึก มือเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากทุกรูขุมขน

“ผู้หญิงโรคจิตคนนั้น ทำไมผมจะจำไม่ได้ละ” เจียอีตกตะลึง

ในความทรงจำของเขา เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจขนาดนั้นเชียวเหรอ

เสียงหัวเราะดังคลืน เสียงเหล่านั่นกดเธอเกือบจมลงไปใต้ดิน

เจียอียืนกำมือแน่น “เธอแค่ชอบคุณนะ เธอไม่ได้ทำอะไรน่ารังเกียจสักหน่อย” มีใครบางคนพยายามแก้ตัวแทนเธอ เจียอีโผล่หน้าออกไปมอง เธอยิ้มเศร้าๆ เพราะคนที่พยามแก้ตัวแทนเธอ หล่อนไม่ได้หวังดีหรือตั้งใจแก้ต่างให้เธอแบบนั้นเช่นกัน

เธอไม่ได้คาดเดาไปเอง คนอย่างวังลี่จู ไม่เคยหวังดีกับตนเองสักครั้ง วังลี่จูไม่ใช่เพื่อน หากนับกันจริงๆ วังลี่จูนับเธอเป็นศัตรูหัวใจมากกว่า เพราะเป้าหมายของวังลี่จูก็คือเฟยฉี ผู้ชายที่ผู้หญิงเกือบทั้งห้องสนใจ

“เธอไม่ต้องแก้ตัวแทนยัยนั่นหรอกลี่จู เป็นฉัน ฉันก็คิดไม่ต่างจากเฟยฉีหรอก” เพื่อนสนิทของลี่จูคนที่เป็นเหมือนลูกสมุนพูดสนับสนุน

“ห่าวหราน ทำไมเธอพูดถึงเจียอีแบบนั้น ยังไงเจียอี ก็เป็นเพื่อนของพวกเรานะ”

ตงเฟยฉีกดยิ้มมุมปาก เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ พอดีหางตาเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างจากทางด้านหลัง ติดผนังกำแพง เขาอดชำเลืองมองไม่ได้ เขากดมุมปากโค้งลง ผู้หญิงในบทสนทนานั่นเอง ผู้หญิงที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขากับเธอไม่ได้เจอหน้ากันนานหลายปีแล้วสินะ

คงเพราะเขาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก ไม่ได้สังสรรกับเพื่อนเรียนสมัยก่อนเลย เขาเลยไม่ได้ข่าวคราวของเธอเช่นกัน

“ตอนนี้ เจียอีเขาทำมาหากินอะไรอยู่ล่ะ” เฟยฉีแสร้งถามถึง

“ยัยนั่นนะเหรอ คนอย่างยัยนั่นจะทำอะไรได้ วิทยาลัย’ ก็เรียนไม่จบ คงทำงานพาร์ทไทม์ไปทั่วเหมือนเคยนั่นแหละ” ห่าวหรานลอยหน้าตอบ รู้สึกสะใจพิกลที่คนอย่างเจียอีตกต่ำได้ถึงขั้นนั้น

ทั้งที่เคยเป็นคู่แข่งกันสมัยเรียนมาหลายปี

“เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ” เฟยฉีถามต่อ

เขาเริ่มสนใจหน่อยๆ ผลการเรียนของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย หล่อนน่าจะสอบเข้าวิทยาลัย’ อันดับต้นๆ ของประเทศได้เลยนะ

“ฉันไม่แน่ใจนักนะ น่าจะเป็นเพราะพ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตพร้อมกันมั้ง” ลี่จูพึมพำตอบ

ความจริงเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่การบอกความจริง อาจทำให้คะแนนนิยมของตัวเองตก

เจียอีกำมือแน่น เธอถอยหลังและเดินจากมา

เธอไม่ได้โทษดินฟ้าหรือโชคชะตา

คงเพราะเธอเป็นตัวซวย วันนั้น... หากไม่ใช่เพราะเธอ บิดา มารดาก็คงไม่จากโลกใบนี้ไปก่อนเวลาอันควร

เจียอียกมือปิดหน้า ลำตัวสั่นสะท้านลมกรรโชกแรงขึ้น พร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว แต่เธอ... ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ร้องไห้เงียบๆ เธอชันหัวเข่าขึ้นมาวางบนขอบเก้าอี้ ใบหน้าเล็กๆ ที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนปนคราบน้ำตาซบลงบนหัวเข่านั่น เสียงฟ้าคำรามดังมาแต่ไกล เจียอีมัวแต่ร่ำไห้ จนไม่ทันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันบนท้องฟ้า

กลุ่มเมฆสีดำทะมึนขนาดใหญ่เคลื่อนที่อยู่เหนือศีรษะ

ภายในกลุ่มเมฆก้อนนั้นปรากฏลำแสงสีทองที่สว่างวาบๆ ขึ้นเป็นระยะ

หากอยู่ในเวลาปกติ เจียอีคงหาที่หลบ

เธอเองไม่ได้กลัวตาย...แค่ทำตามสัญชาตญาณ

แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงเศร้าและเสียใจอย่างหนัก เธอเลยไม่ได้สนใจรอบตัวเลย

ความกลัวในหัวใจของเธอไม่มีแม้แต่นิดเดียว

ลำแสงสีทองพาดผ่านหน้าเจียอีไปอย่างเฉียดฉิว

แต่เจียอีก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยท่วงท่าน่าเวทนาเช่นเดิม

“ยัยนั่นนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นนะ” วังลู่จี่พึมพำ

เธอกับเพื่อนเพิ่งแยกย้ายกันกลับ คงเพราะฝนเริ่มตก ชั้นบรรยากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และน่ากลัวเกินกว่าจะอยู่นอกบ้าน

“คงนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกในซีรี่ย์หรือไง” ห่าวหรานพึมพำตาม

เฟยฉีขมวดคิ้ว ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกพิเศษกับหญิงผู้นั้น แต่เขาก็ไม่ได้แล้งน้ำใจขนาดนิ่งดูดาย ปล่อยให้หญิงผู้นั้นนั่งทรมานตัวเองได้ ท่ามกลางเสียงคำรามบนท้องฟ้ากับความเปลี่ยนแปลงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทุกนาที เขาทำใจยืนเฉยๆ และปล่อยให้คนที่เคยรู้จักได้รับอันตรายไม่ได้

เขาตัดสินใจเดินฝ่าสายฝนที่เริ่มซัดกระหน่ำลงมา

จุดหมายปลายทางของเขา คือจุดที่หญิงผู้นั้นนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนั้น

“เฟยฉี คุณจะทำอะไร มันอันตรายนะ!!” วังลี่จูตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าคำราม

“กลับมาเถอะ ฟ้าร้อง ฟ้าคำรามน่ากลัวจะตาย อย่าไปสนใจยัยนั่นเลย หล่อนอาจจะกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ก็ได้” ห่าวหรานแผดเสียงแหลม รู้สึกไม่พอใจเจียอีเพิ่มขึ้น ผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนั่นสร้างเรื่องเก่งจะตายชัก

หล่อนแสร้งทำตัวน่าสงสารไปอย่างนั้นเอง

เฟยฉีไม่ได้ฟังคำทักท้วง เขาเดินตรงไปข้างหน้า ห่างไม่ถึงหนึ่งจั้ง เขาก็น่าจะไปถึงตรงจุดนั่น

แต่ทว่า...

จู่ๆ ลมรอบตัวก็พัดแรงขึ้น เศษใบไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นถูกลมลูกใหญ่หอบขึ้นมาและพัดหมุนวนอยู่รอบตัวเขา ท่ามก

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1
1. แผ่นฟ้าสีขมุกขมัวมาตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อน เฉินเจียอีเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็อดบ่นพึมพำไม่ได้ “ท้องฟ้าวันนี้น่าเวทนาเหมือนชีวิตของฉันเลยนะ” แววตาแสนเศร้าหลุบลงหลังเปลือกตาเคลื่อนปิดทับ เจียอีมองหาที่นั่ง เธอคงต้องการพักขาก่อนที่ตัวเองจะหมดแรง ชีวิตที่น่าสมเพชของตนเอง กลายเป็นเรื่องตลกบนโต๊ะอาหาร วันนี้เพื่อนสมัยเรียนมัธยม’ นัดมารวมตัวสังสรรค์ ความจริงเจียอีไม่ได้อยากมาสักนิด แต่เพราะวีแชทของใครบางคนที่หายหน้าไปในรอบหลายปีเด้งเตือนขึ้นมา เจียอีเลยเร่งรีบเพื่อมาพบหน้าเขาสักครั้ง เขาคือผู้ชายคนเดียวที่เธอแอบเก็บไว้ในใจ ผู้ชายที่ดีไปหมด ไม่ว่าหน้าตาหรือฐานะ แถมเขายังมีมันสมองระดับหัวกระทิ เขาสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง และตอนนี้เขาทำงานเป็นนักวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร ของบริษัทที่ติดโผรายชื่อบริษัทที่อันดับท็อปเท็นในประเทศ ตงเฟยฉี รักแรกของเธอ น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลออกมาทางหางตา “คุณจำเจียอีได้ไหมเฟยฉี?” เจียอีชะงัก เธออิงหลังกับผนังกำแพงเพื่อฟังคำตอบที่อยากได้ยินจากปากคนที่ตนเองแอบปลื้มมาเนิ่นนาน “จำได้สิ” เจียอีอดอมยิ้มไม่ได้ เธอเคยเป็นแค่อากาศที่เคยหมุนอยู่รอบตัวเขา ไม่คิดว่าจะมีความทรงจำติดค้างอยู่มากพอให้คนผู้นั้นจดจำตนเองได้ “โห น่าตกใจนะ คุณจำเธอได้แบบไหนละ” เจียอีลุ้นระทึก มือเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากทุกรูขุมขน “ผู้หญิงโรคจิตคนนั้น ทำไมผมจะจำไม่ได้ละ” เจียอีตกตะลึง ในความทรงจำของเขา เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจขนาดนั้นเชียวเหรอ เสียงหัวเราะดังคลืน เสียงเหล่านั่นกดเธอเกือบจมลงไปใต้ดิน เจียอียืนกำมือแน่น “เธอแค่ชอบคุณนะ เธอไม่ได้ทำอะไรน่ารังเกียจสักหน่อย” มีใครบางคนพยายามแก้ตัวแทนเธอ เจียอีโผล่หน้าออกไปมอง เธอยิ้มเศร้าๆ เพราะคนที่พยามแก้ตัวแทนเธอ หล่อนไม่ได้หวังดีหรือตั้งใจแก้ต่างให้เธอแบบนั้นเช่นกัน เธอไม่ได้คาดเดาไปเอง คนอย่างวังลี่จู ไม่เคยหวังดีกับตนเองสักครั้ง วังลี่จูไม่ใช่เพื่อน หากนับกันจริงๆ วังลี่จูนับเธอเป็นศัตรูหัวใจมากกว่า เพราะเป้าหมายของวังลี่จูก็คือเฟยฉี ผู้ชายที่ผู้หญิงเกือบทั้งห้องสนใจ “เธอไม่ต้องแก้ตัวแทนยัยนั่นหรอกลี่จู เป็นฉัน ฉันก็คิดไม่ต่างจากเฟยฉีหรอก” เพื่อนสนิทของลี่จูคนที่เป็นเหมือนลูกสมุนพูดสนับสนุน “ห่าวหราน ทำไมเธอพูดถึงเจียอีแบบนั้น ยังไงเจียอี ก็เป็นเพื่อนของพวกเรานะ” ตงเฟยฉีกดยิ้มมุมปาก เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ พอดีหางตาเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างจากทางด้านหลัง ติดผนังกำแพง เขาอดชำเลืองมองไม่ได้ เขากดมุมปากโค้งลง ผู้หญิงในบทสนทนานั่นเอง ผู้หญิงที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขากับเธอไม่ได้เจอหน้ากันนานหลายปีแล้วสินะ คงเพราะเขาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก ไม่ได้สังสรรกับเพื่อนเรียนสมัยก่อนเลย เขาเลยไม่ได้ข่าวคราวของเธอเช่นกัน “ตอนนี้ เจียอีเขาทำมาหากินอะไรอยู่ล่ะ” เฟยฉีแสร้งถามถึง “ยัยนั่นนะเหรอ คนอย่างยัยนั่นจะทำอะไรได้ วิทยาลัย’ ก็เรียนไม่จบ คงทำงานพาร์ทไทม์ไปทั่วเหมือนเคยนั่นแหละ” ห่าวหรานลอยหน้าตอบ รู้สึกสะใจพิกลที่คนอย่างเจียอีตกต่ำได้ถึงขั้นนั้น ทั้งที่เคยเป็นคู่แข่งกันสมัยเรียนมาหลายปี “เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ” เฟยฉีถามต่อ เขาเริ่มสนใจหน่อยๆ ผลการเรียนของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย หล่อนน่าจะสอบเข้าวิทยาลัย’ อันดับต้นๆ ของประเทศได้เลยนะ “ฉันไม่แน่ใจนักนะ น่าจะเป็นเพราะพ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตพร้อมกันมั้ง” ลี่จูพึมพำตอบ ความจริงเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่การบอกความจริง อาจทำให้คะแนนนิยมของตัวเองตก เจียอีกำมือแน่น เธอถอยหลังและเดินจากมา เธอไม่ได้โทษดินฟ้าหรือโชคชะตา คงเพราะเธอเป็นตัวซวย วันนั้น... หากไม่ใช่เพราะเธอ บิดา มารดาก็คงไม่จากโลกใบนี้ไปก่อนเวลาอันควร เจียอียกมือปิดหน้า ลำตัวสั่นสะท้านลมกรรโชกแรงขึ้น พร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว แต่เธอ... ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ร้องไห้เงียบๆ เธอชันหัวเข่าขึ้นมาวางบนขอบเก้าอี้ ใบหน้าเล็กๆ ที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนปนคราบน้ำตาซบลงบนหัวเข่านั่น เสียงฟ้าคำรามดังมาแต่ไกล เจียอีมัวแต่ร่ำไห้ จนไม่ทันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันบนท้องฟ้า กลุ่มเมฆสีดำทะมึนขนาดใหญ่เคลื่อนที่อยู่เหนือศีรษะ ภายในกลุ่มเมฆก้อนนั้นปรากฏลำแสงสีทองที่สว่างวาบๆ ขึ้นเป็นระยะ หากอยู่ในเวลาปกติ เจียอีคงหาที่หลบ เธอเองไม่ได้กลัวตาย...แค่ทำตามสัญชาตญาณ แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงเศร้าและเสียใจอย่างหนัก เธอเลยไม่ได้สนใจรอบตัวเลย ความกลัวในหัวใจของเธอไม่มีแม้แต่นิดเดียว ลำแสงสีทองพาดผ่านหน้าเจียอีไปอย่างเฉียดฉิว แต่เจียอีก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยท่วงท่าน่าเวทนาเช่นเดิม “ยัยนั่นนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นนะ” วังลู่จี่พึมพำ เธอกับเพื่อนเพิ่งแยกย้ายกันกลับ คงเพราะฝนเริ่มตก ชั้นบรรยากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และน่ากลัวเกินกว่าจะอยู่นอกบ้าน “คงนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกในซีรี่ย์หรือไง” ห่าวหรานพึมพำตาม เฟยฉีขมวดคิ้ว ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกพิเศษกับหญิงผู้นั้น แต่เขาก็ไม่ได้แล้งน้ำใจขนาดนิ่งดูดาย ปล่อยให้หญิงผู้นั้นนั่งทรมานตัวเองได้ ท่ามกลางเสียงคำรามบนท้องฟ้ากับความเปลี่ยนแปลงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทุกนาที เขาทำใจยืนเฉยๆ และปล่อยให้คนที่เคยรู้จักได้รับอันตรายไม่ได้ เขาตัดสินใจเดินฝ่าสายฝนที่เริ่มซัดกระหน่ำลงมา จุดหมายปลายทางของเขา คือจุดที่หญิงผู้นั้นนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนั้น “เฟยฉี คุณจะทำอะไร มันอันตรายนะ!!” วังลี่จูตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าคำราม “กลับมาเถอะ ฟ้าร้อง ฟ้าคำรามน่ากลัวจะตาย อย่าไปสนใจยัยนั่นเลย หล่อนอาจจะกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ก็ได้” ห่าวหรานแผดเสียงแหลม รู้สึกไม่พอใจเจียอีเพิ่มขึ้น ผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนั่นสร้างเรื่องเก่งจะตายชัก หล่อนแสร้งทำตัวน่าสงสารไปอย่างนั้นเอง เฟยฉีไม่ได้ฟังคำทักท้วง เขาเดินตรงไปข้างหน้า ห่างไม่ถึงหนึ่งจั้ง เขาก็น่าจะไปถึงตรงจุดนั่น แต่ทว่า... จู่ๆ ลมรอบตัวก็พัดแรงขึ้น เศษใบไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นถูกลมลูกใหญ่หอบขึ้นมาและพัดหมุนวนอยู่รอบตัวเขา ท่ามกลางเม็ดฝนปรอยๆ เฟยฉียกมือป้องบริเวณดวงตา เขากัดฟันเดินไปข้างหน้า แม้การมองเห็นจะไม่เต็มร้อย บนเก้าอี้ เจียอีไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสักนิด “ฉันไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้ว ทุกคนรังเกียจฉัน สิ่งที่ฉันทำไม่มีใครเข้าใจสักคน” เธอพึมพำเสียงแหบ น้ำตายังคงไหลพรากๆ เธอแค่แอบมองเฟยฉี เธอไม่ได้รบกวนเขาสักหน่อย เธอแค่มองเขาห่างๆ ไม่ได้ทำตัวน่ารังเกียจมากมายขนาดนั้น เธอมักจะถูกวิจารณ์ทั้งที่ตัวเองไม่มีความผิด คนพวกนั้นรุมประณามเธอแบบนั้นได้ยังไง “คงมีสักที่ ที่คนอย่างฉันได้รับการยอมรับ” เจียอีพึมพำต่อ เธอแค่อยู่ในที่ที่ไม่ใช่ที่ของตัวเอง ต้องมีสักที่แหละ ที่ทุกคนรอบตัวยอมรับสิ่งที่เธอเป็น เจียอีคิดถึงพ่อ แม่ สมัยนั้นเธอไม่เคยต้องหวาดกลัวเลย แต่เพราะเธออีกนั่นแหละ เพราะเธอดึงดัน ผลลัพธ์ครั้งนั้นทำให้เธอเหลือแค่ตัวคนเดียว “พาฉันไปอยู่กับพ่อแม่ทีสิ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” เจียอีพึมพำ จู่ๆ แสงสีทองก็วิ่งปราดจากท้องฟ้าลงมาที่ตัวเธอ เจียอีไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดสักนิด เธอรู้สึกแค่ว่า...ตัวของเธอเบาและลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ รอบตัวที่มืดมิดจนมองไม่เห็นแสงสว่างที่ไหนเลย เธอหลุบเปลือกตาลง ยอมรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอไม่เหลืออะไรให้อาวรณ์บนโลกใบนี้แล้วนี่ ไม่ว่าฟ้าดินหรืออะไรก็ตามจะพาเธอไป ก็ยอมรับแล้วแต่...โชคชะตา

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook