บทที่ 4 นักขายมือทอง

1685 คำ
“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นให้อาเหม่ยหยุดงานดูลูกที่บ้านสักวันนะครับ จนกว่าซิ่วอิงจะดีขึ้น ผมจะได้วางใจ” “ไม่มีทาง ลูกแกก็คนหนึ่งแล้ว จะให้เมียแกหยุดอีกเหรอ แล้วแบบนี้บ้านเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ” “ก็ให้น้องรอง…” เว่ยตงกำลังจะสวนกลับบอกให้น้องรองทำงานเพิ่มสักหน่อย ส่วนเขาก็จะทำเพิ่มเหมือนกัน แต่กลับโดนมารดาหยุดเอาไว้ “ไม่รู้แหละ อย่างไรเมียแกก็ต้องไปทำงานในทุ่ง พักเที่ยงค่อยกลับมาดูแลก็ได้ เรื่องมากจริง ๆ เลย” “...” เว่ยตงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ก่อนจะเดินกลับห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อเขากลับมาถึงห้องเห็นภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงเหมือนกันได้ส่ายหน้าให้ บ่งบอกว่าขอยืมเงินญาติไม่ได้เช่นกัน เวลานี้สองสามีภรรยาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ที่ไม่สามารถพาลูกไปหาหมอในเมืองได้อย่างที่ต้องการ “อิงอิง แม่กับพ่อขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้” “อือ พ่อ…แม่” สองคนพ่อแม่ทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มองดูลูกสาวทรมานเพราะพิษไข้อยู่อย่างนั้น จากนั้นจึงกล้ำกลืนฝืนใจตนเองออกไปทำงานในทุ่ง เพราะเกรงว่าคนเป็นย่าจะโทษหลานสาวที่น่าชังคนนี้อีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวตัวเย็นลงก็เบาใจ ให้ดื่มยาสมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีก พ่อแม่ที่ทำงานหนักไม่ได้นอนพักมาหนึ่งคืน หัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับไป โดยไม่รู้เลยว่า…กลางดึกคืนนั้นเว่ยซิ่วอิงก็จากไปโดยไม่หวนคืนกลับ อีกด้านหนึ่ง มิติเวลาที่ถูกเรียกว่าปัจจุบัน ซึ่งสำหรับคนในยุคเทคโนโลยี สถานที่นี้เรียกได้ว่าคือปัจจุบัน แต่สำหรับคนยุค 70 อาจเรียกมันว่าอนาคต ชีวิตของหญิงสาวในยุคนี้แม้จะดีขึ้นมาก มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นและถูกรักใคร่กว่าเก่า ค่านิยมรักลูกชายมากกว่าลูกสาวเริ่มจางหายไปแล้ว แต่กลับมีความกดดันด้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาแทนที่ เด็กผู้หญิงเริ่มรักสวยรักงามมากขึ้น คนสวยเท่านั้นจึงจะมีโอกาสที่ดีกว่า ธุรกิจเกี่ยวกับความงามและเครื่องสำอางจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก และแพร่หลายไปทุกชนชั้น วันนี้เคาน์เตอร์แบรนด์ระดับประเทศจัดโพรโมชันลดราคา เพียงมองยอดเงินที่หลั่งไหลเข้าระบบร้าน ‘เว่ยจิงจิง’ ผู้ทำงานเป็นเซลส์ขายเครื่องสำอางแบรนด์นี้ก็อดปลื้มปริ่มไม่ได้ แค่คิดถึงยอดค่าคอมมิชชันที่จะได้รับปลายเดือนก็มีความสุขแล้ว ทำงานอีกไม่กี่เดือนคงเก็บเงินดาวน์ห้องในพื้นที่พักอาศัยระดับกลางได้สำเร็จ ต่อไปก็จะได้มีบ้านเป็นของตัวเองเสียที “สวัสดีค่ะ คุณหวัง วันนี้คุณสวยมากเลยนะคะ” “แหม จิงจิงของเราก็ปากหวานตลอดเลยนะ ขอบคุณนะที่โทร.มาบอกพี่เป็นการส่วนตัวว่ามีโพรโมชัน ไม่อย่างนั้นพลาดครั้งนี้ไปก็แย่เลย” ลูกค้าประจำของตนเองเดินเข้ามาในร้าน เว่ยจิงจิงก็รีบเดินออกไปต้อนรับทันที โดยไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่ามีสายตาริษยาของพนักงานคนอื่น ๆ ในร้านมองมา แต่ถึงเห็นแล้วอย่างไร เธอไม่สนไม่แคร์สายตาของคนขี้อิจฉาพวกนั้นหรอก คนเราอยากได้ดี ก็ต้องพยายาม คนเหล่านั้นไม่ได้ใช้ความพยายามแต่กลับมานั่งเฝ้าอิจฉาคนอื่น คงจะประสบความสำเร็จได้เหมือนเธออยู่หรอกมั้งถ้าฝันเอา อยากได้ก็ต้องลงมือปฏิบัติสิ “เสี่ยวจิงของเรา พี่มาแล้ว” หลังจากส่งลูกค้าประจำคนหนึ่งออกไป อีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางร่าเริงทันที เห็นอย่างนั้นคนอื่นก็พยายามออกไปยืนอยู่หน้าประตูบ้าง แต่พวกหล่อนไม่ได้ทำงานมานานเหมือนเว่ยจิงจิง จะมีลูกค้าประจำได้อย่างไร “ขอบคุณนะคะพี่เหยา โอ้โฮ ผิวพี่ดูเด็กลงอีกแล้ว ไปทำอะไรมาบ้างคะกระซิบบอกกันบ้างสิ” “ต้องขอบใจจิงจิงเลยนะ เพราะเราบอกร้านที่พวกคุณหญิงคุณนายไปบ่อย ๆ กับพี่ พี่ไปลองมาแล้ว ของดีจริง แต่แพงไปหน่อย” “จริงเหรอคะ พอดีเมื่อวานลูกค้าประจำอย่างคุณนายเมิ่งเอาบัตรลดราคามาให้ฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันให้พี่แล้วกันค่ะ” “จะดีเหรอ” “ดีสิคะ ฉันเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ คิดว่าจะเอาไว้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าที่ซื้อของเยอะ ๆ ในแคมเพนนี้อยู่แล้วด้วย แต่เห็นแก่เราสนิทกัน ฉันให้พี่ก่อนดีกว่า” “จริงนะ เธอไม่หลอกพี่แน่นะ แปลว่าเธอมีมากกว่าหนึ่งใบใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวแต่งตัวดีดูเหมือนจะเป็นภรรยาของเศรษฐีใหม่ การที่สนิทกับจิงจิงก็เพราะหล่อนให้บริการคนหลายระดับ รู้จักคนมาก นี่เรียกว่าการมีคอนเน็กชันที่ดีช่วยได้มากจริง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสายงานอะไร “แน่นอนสิคะ ฉันมีสองใบ ให้พี่ใบหนึ่ง อีกใบก็จะเก็บไว้ให้ลูกค้าที่เป็นท็อปสเปนเดอร์ในครั้งนี้” “ว้าว ทั้งของลดราคา ทั้งได้บัตรกำนัลนี่ พี่เอา ๆ ต้องซื้อเท่าไรดี ว่าแต่นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้วด้วย พี่ต้องไปเยี่ยมบ้านเก่าสามี ซื้อไปสักห้าสิบชุดพอไหมจ๊ะ” “พอแน่นอนค่ะ!” ว่าแล้วเว่ยจิงจิงก็จัดการเตรียมของ พาพนักงานบางคนที่เป็นลูกน้องตนเองช่วยขนของไปส่งคุณหญิงเหยาคนนี้จนถึงรถ เมื่อกลับมาแล้วก็พบว่าผู้จัดการรออยู่ด้วยรอยยิ้มหวาน “สุดยอดเลยนะคุณเว่ย ฉันมาอยู่ประจำแค่สามเดือนยังรู้สึกทึ่งในความสามารถของคุณ คุณมีคอนเน็กชันที่ดีอยู่ในมือเยอะจริง ๆ” “ความจริงฉันไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตหรอกค่ะ แต่รู้จักเพื่อนที่ทำงานอยู่หลาย ๆ ที่ แล้วยังศึกษาหลายอย่างกว่าจะทำได้แบบนี้” นี่เป็นความจริง เธอไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตมาก แต่เพราะใส่ใจทุกเรื่องของลูกค้าทุกคน พอนำไปศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถที่จะคุยกับลูกค้าได้เข้าใจ ทำให้ถูกใจลูกค้ามีเงินหลายคน “เหมือนการบริการแบบ VVIP เลย น่าเสียดายที่ตำแหน่งในคลับ VVIP ของแบรนด์เราเต็มตลอด” ผู้จัดการเอ่ยปากอย่างเสียดาย ถ้าตนส่งเว่ยจิงจิงไปที่นั่นได้ ก็จะมีคอนเน็กชันที่ดีเพิ่มมาคนหนึ่ง เว่ยจิงจิงตาเป็นประกาย นั่นแหละคือจุดสูงสุดในชีวิตของเธอ ในคลับนั้นแม้จะทำงานยากลำบากและต้องระมัดระวังให้มากไม่อย่างนั้นอาจสร้างปัญหามากกว่าเดิม แต่เคยได้ยินว่าคนที่ทำงานในนั้น ส่วนใหญ่มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนเป็นแสนหยวน ยังไม่รวมคอมมิชชันต่าง ๆ นานา และสวัสดิการที่ดีมากจนไม่สามารถตีออกมาเป็นตัวเลขได้ “อ้อ ได้ยินว่าตำแหน่งผู้จัดการสาขาห้างสรรพสินค้ากงโม่เพิ่งถูกไล่ออกเพราะเหตุการณ์ทุจริต จิงจิงลองขอย้ายไปประจำที่นั่นดูสิเผื่อจะได้เลื่อนขั้น” ห้างกงโม่มีการแข่งขันสูงแต่ก็เป็นอีกตลาดหนึ่ง ผู้จัดการจึงลองเสนอให้จิงจิงคิดดู “ฉันสมัครไปแล้วล่ะค่ะ” นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดี แม้มาตรฐานรูปร่างหน้าตาและการศึกษาของหล่อนจะไม่ถึงขั้นไปอยู่ในคลับ VVIP ของแบรนด์ได้ แต่ด้วยยอดขายและตำแหน่งพนักงานขายดีเด่นประจำปีติดต่อกันสองปีซ้อน ก็ทำให้เว่ยจิงจิงคว้าตำแหน่งผู้จัดการสาขานั้นมาได้สำเร็จ “จริงเหรอ แบบนี้จะได้เลื่อนขั้นเมื่อไหร่ ฉันนี่ตั้งตารอเลย” ผู้จัดการเบิกตากว้างมองอย่างไม่อยากเชื่อ หญิงสาวตรงหน้าเพิ่งเข้ามาทำงานเพียงสองปี กลับได้เป็นผู้จัดการแล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถมากจริง ๆ “หลังหมดแคมเพนลดราคารอบนี้ ฉันก็จะถูกย้ายไปแล้ว” จิงจิงยิ้มหวาน รู้ดีว่าแบรนด์นี้ผู้จัดการยังได้รับหุ้นของบริษัททุกเดือน ตามจำนวนคอมมิชชันที่พนักงานขายทำได้ หากรักษาตำแหน่งไว้ได้นานสักสิบยี่สิบปี ก็เพียงพอให้ใช้ชีวิตสุขสบายไปจนตายแล้ว “ยินดีด้วยนะจิงจิง” อยู่ ๆ ผู้จัดการก็สนิทกับหญิงสาวขึ้นมาทันที ขณะที่เหล่าพนักงานสาวซึ่งตอนแรกอิจฉาก็เริ่มที่จะเข้ามาคุยดีด้วย นี่เป็นเรื่องปกติในสังคมมนุษย์ ทุกอย่างล้วนขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ และหญิงสาวก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี หลังจบแคมเพนเว่ยจิงจิงถูกย้ายไปเป็นผู้จัดการในร้านเครื่องสำอางของห้างกงโม่ เนื่องจากร้านนี้ใหญ่มากถึงขนาดครึ่งชั้นของห้างสรรพสินค้า จึงมีหลากหลายแผนกให้ต้องจัดการ “ยินดีต้อนรับผู้จัดการเว่ย ผู้จัดการคนใหม่ของเรา” พนักงานในร้านมีตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ทำให้เว่ยจิงจิงกดดันมากขึ้น เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวทำงานได้ไม่กี่ปี โชคดีที่ขยันและมีความพากเพียรจึงกลายเป็นเจ้านายคนตั้งแต่อายุยังน้อย “ยินดีเช่นกันค่ะ ถึงยังไงประสบการณ์ของฉันยังน้อย ฝากตัวกับพวกรุ่นพี่ด้วยนะคะ” “เราเคยได้ยินเรื่องของคุณเว่ยในสัมมนาบ่อย ๆ เพิ่งเจอตัวจริงใกล้ ๆ คุณเก่งมาก” มีหลายคนที่ทำงานเก่งและนับถือคนทำงานเก่ง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมผู้จัดการอายุน้อยคนใหม่ “ขอบคุณค่ะ ทั้งหมดเป็นผลมาจากความพยายาม ทุกคนก็จะทำได้เหมือนกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม