บทนำ
“ริษา! อยู่รึเปล่า”
“อยู่จ้ะ มีอะไรรึเปล่าคะพี่แยม” อริสรา เมฆาชัย หรือ ริษา ตอบกลับแยม หนึ่งในสาวใช้บ้านอภิรักษ์โยธินกุลที่ตะโกนร้องเรียกเธออยู่หน้าบ้านพลางเปิดประตูออกมาเพื่อถามไถ่ถึงการมาของคนที่เธอนับถือเหมือนเป็นพี่สาวคนหนึ่ง
“คุณท่านเรียกให้ไปพบที่ตึกใหญ่น่ะจ้ะ”
“อ๋อค่ะ...เดี๋ยวริษาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบตามไปนะคะ”
“แล้วก็อย่าลืมไปเอากับข้าวที่ครัวนะ วันนี้คุณนมแช่มทำแต่ของโปรดของริษาทั้งนั้นเลย แค่คิดน้ำลายก็ไหนแล้ว พี่ไปก่อนนะริษา รีบตามมาล่ะ”
“ค่ะพี่แยม” อริสราตอบรับพร้อมกับหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีของแยมที่กำลังคิดถึงอาหารเช้าที่คุณนมแช่มทำวันนี้
เมื่อแยมกลับไปแล้วหญิงสาวก็รีบเข้าบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ก่อนออกจากบ้านเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรดติดมือมาด้วยเพื่อที่คุยธุระเสร็จแล้วจะได้ไปทำงานต่อได้เลย จากนั้นก็วิ่งลัดเลาะสวนหย่อมจากบ้านหลังเล็กของเธอตรงไปที่ตึกใหญ่ของบ้านอภิรักษ์โยธินกุลที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ไม่ไกลทันที เพราะเธอคิดว่าไปควรให้ผู้ใหญ่ต้องรอนาน
“มาแล้วค่ะคุณท่าน” อริสราเอ๋ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของบ้านอภิรักษ์โยธินกุล แล้วก็พบกับคนที่เรียกให้เธอมาหานั่งอ่านหนังสือธรรมมะอยู่บนโซฟาตัวใหญ่
“เข้ามาใกล้ๆนี่สิ” ประมุกหญิงของบ้านเอ๋ยขึ้นเมื่อเห็นอริสาเดินเข้ามาพร้อมทั้งถอดแว่นสายตาออก พับปิดหนังสือที่อ่านอยู่แล้ววางมันลงบนโต๊ะใกล้ๆมือ
“ค่ะ” อริสราตอบรับแล้วเดินเข้าไปใกล้
“ขึ้นมานั่งข้างบนกับฉันซิจ๊ะริษา” คุณหญิงกาญจนาพูดขึ้นพลางใช้มือทั้งสองข้างจับที่ต้นแขนของหญิงสาวเพื่อประคองให้เธอลุกขึ้นมานั่งข้างๆตนเมื่อเห็นว่าอริสราลงไปนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น
“คุณท่านมีอะไรจะให้ริษารับใช้เหรอคะ”
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมหรอกนะริษา คือฉันมีเรื่องที่อยากจะให้หนูช่วย” คุณหญิงกาญจนาไม่อ้อมค้อมพูดเข้าเรื่องทันทีที่อริสราถามขึ้น
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“แต่งงานได้ไหมริษา ฉันอยากให้หนูแต่งงาน”
“แต่งงานเหรอคะ!” อริสราพูดออกมาอย่างตกใจกับสิ่งที่คุณหญิงกาญจนาขอให้เธอช่วย
แต่งงาน
หญิงสาวไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้งในเมื่อเธอเองก็มีคนที่เฝ้ารักอยู่แล้วถึงเขาคนนั้นจะไม่เคยรับรู้เลยก็ตาม
“ใช่จ้ะ แต่งงาน ถือว่าฉันขอร้องนะริษาช่วยเห็นใจคนแก่อย่างฉันสักครั้งเถอะ” หญิงชราอ้อนวอน
“กับใครคะ?”
“ลูกชายของฉัน ภูบดินทร์”
“คุณภู งั้นเหรอคะ” อริสราเอ่ยย้ำเพื่อความแน่ใจเมื่อได้ยินชื่อของคนที่คุณหญิงกาญจนาต้องการให้เธอแต่งงานด้วย ใจดวงน้อยเต้นแรงรัว ราวกับจะกระเด็นออกมาให้ได้ เมื่อเขาคนนั้นคือ ภูบดินทร์ อภิรักษ์โยธินกุล ชายที่เธอเฝ้าฝันตลอดมา
“นะริษา ฉันรู้ว่าหนูลำบากใจแต่เห็นแก่ฉันสักครั้งเถอะนะจ๊ะ” คุณหญิงกาญจนาขอร้องอริสราด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเว้าวอน นางรู้ดีว่าอริสราคงลำบากใจไม่น้อยกับสิ่งที่นางต้องการให้หญิงสาวช่วย คุณหญิงกาญจนาเห็นอริสรามาตั้งแต่เด็กหญิงสาวเป็นคนว่านอนสอนง่าย กิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน งานบ้านงานเรือนก็ไม่ขาดตกบกพร่อง อีกอย่างนางก็เป็นผู้หญิงด้วยกันซ้ำยังอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะไม่รู้ว่าอริสราแอบรักภูบดินทร์ลูกชายของนางอยู่ เพียงแต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่เคยจะรับรู้อะไรเลยเท่านั้นเอง
คุณหญิงกาญจนาจึงหวังให้อริสราแต่งงานกับภูบดินทร์เพราะคิดว่าหากภูบดินทร์แต่งงานมีครอบครัวอาจจะหยุดนิสัยเที่ยวเตร่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้านั่นลงได้ เพราะผู้หญิงที่เข้ามาหาลูกชายของนางแต่ละคนล้วนแล้วแต่หวังในทรัพย์สมบัติและรักในเงินทองของภูบดินทร์เท่านั้น แต่หากเป็นอริสรานางมั่นใจว่าหญิงสาวจะสามารถเป็นภรรยาที่ดีให้กับภูบดินทร์ได้อย่างแน่นอน
“แล้วคุณภูรู้เรื่องด้วยรึเปล่าคะ” อริสราถามขึ้น รู้สึกกลัวเหลือเกินเพราะหากถูกบังคับเธอรู้ดีว่าภูบดินทร์คงต้องโกรธมากแน่ๆ
“ยังหรอกจ้ะ ฉันมาพูดกับหนูก่อนและก็หวังว่าจะไม่ได้ยินคำปฏิเสธจากหนูด้วย”
อริสรานิ่งคิดหากนี่จะเป็นการตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนที่คุณหญิงกาญจนาเมตตาต่อเธอเสมอมา เธอก็ควรทำ
“ค่ะ ริษาตกลง”
“ขอบใจนะริษา ขอบใจหนูมากจริงๆ” คุณหญิงกาญจนาคว้าตัวอริสราเข้ามากอดพร้อมทั้งพูดขอบคุณไม่ขาดปาก ในขณะที่อริสรากลับนิ่งงันความคิดมากมายตีกันยุ่งเต็มหัวไปหมดในตอนนี้หญิงสาวคิดเพียงแต่ว่าไม่ควรปฏิเสธคำขอร้องนั่นเมื่อคุณหญิงกาญจนาเองก็เป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเธออย่างมาก
เพราะตั้งแต่ที่บิดาของเธอเสียไปพร้อมกับคุณภูเบศ คุณพ่อของภูบดินทร์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นอริสราเองก็อายุได้เพียง 9 ขวบเท่านั้น เด็กหญิงเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งเมื่อแม่ของเธอก็จากไปตั้งแต่ที่เธออายุได้เพียง 2 ขวบ หญิงสาวจึงอยู่กับพ่อเพียงสองคนเรื่อยมาแล้วพ่อของเธอก็มาด่วนจากไปอีกคน ตั้งแต่นั้นมาคุณหญิงกาญจนาก็รับอุปการะเลี้ยงดู ให้ความรัก ที่อยู่ ให้การศึกษาอมรมที่ดีแก่เธอมาตลอดและนี่คงเป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้ตอบแทนบุญคุณของท่านไม่ว่าเห็นผลที่คุณหญิงต้องการให้เธอแต่งงานกับภูบดินทร์ในครั้งนี้จะเป็นอะไรก็ตาม อริสรารู้ดีว่าท่านคงมีเหตุผลจำเป็นถึงทำแบบนี้
“ริษายินดีค่ะ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณท่านมีความสุข”
“หนูไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยจริงๆริษา” คุณหญิงกาญจนาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมือก็ลูบศีรษะของหญิงสาวอย่างรักใคร่ เอ็นดู
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ริษาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“จ้ะ ไปเถอะลูกเดี๋ยวจะสายเอา”
อริสราเดินเข้ามาในห้องครัวอย่างเหม่อลอยเหมือนคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะหลังจากออกมาจากห้องโถงใหญ่เธอก็ตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย
ภูบดินทร์จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงยังไง เขาจะเกลียดเธอไหม?
คำถามเหล่านี้ติดอยู่ในหัวของหญิงสาวตลอดเวลาตั้งแต่ที่คุยกับคุณหญิงกาญจนาเสร็จแล้ว
“ริษา” แยมเรียกเมื่อเห็นอริสราดูเหม่อลอยแปลกๆแต่ก็ไร้การตอบรับจากหญิงสาว
“...”
“ริษา”
“...”
“ริษา!!” แยมเริ่มเปลี่ยนจากเรียกเป็นตะโกนเสียงดัง
“ค่ะ คะ พี่แยมริษาตกใจหมดเลยเรียกซะดังเชียว”
“พี่เรียกตั้งสามครั้งแต่ริษาก็ไม่ตอบ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ริษาแค่กำลังคิดเรื่องงานน่ะค่ะ” อริสราบอกปัดและเลี่ยงที่จะพูดความจริง
“อย่าหักโหมมากนะลูกดูแลสุขภาพด้วย ป้าเป็นห่วง” คุณนมแช่มแม่นมของภูบดินทร์อีกทั้งยังเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านอภิรักษ์โยธินกุลเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่นางรักและเอ็นดูเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง
“ค่ะนมแช่ม ริษาจะดูแลตัวเองอย่างดี ขอบคุณนะคะที่คอยเป็นห่วงริษามาตลอด ริษารักนมแช่มที่สุดเลยค่ะ” อริสราว่าพลางเดินเข้าไปกอดพร้อมทั้งหอมแก้มซ้ายขวาจนคนแก่ต้องร้องปราม
“พอแล้วริษา ต้องรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอลูก เดี๋ยวสายเอานะ”
“จริงด้วยค่ะ วันนี้มีประชุม งั้นริษารีบไปก่อนนะคะ” อริสราผละออกจากคุณนมแช่มน่าตาตื่นรีบคว้ากล่องข้างและกระเป๋าสะพายวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อคิดได้ว่าเธอกำลังจะไปประชุมสาย พอโบกแท็กซี่ที่หน้าบ้านได้ก็ขึ้นไปนั่งแล้วสั่งให้คนขับออกรถทันที
คล้อยหลังรถแท็กซี่ที่อริสรานั่งออกไป รถยุโยปคันสีดำโฉบเฉี่ยวดูหรูหราก็แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วและจอดนิ่งสนิทที่หน้าตึกใหญ่ของบ้านอภิรักษ์โยธินกุล ชายหนุ่มเจ้าของรถก้าวออกมายืนอย่างมั่นคงด้วยความสูง 186 เซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดูสะอาดสะอ้านไร้หนวดเครา ดวงตาสีดำสนิทดูดุดัน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูป ผมสีดำสลวยถูกเซ็ดให้เข้ากับใบหน้าคมคายได้อย่างลงตัว และด้วยความสูงของเขาทำให้เขาดูสง่างามตามแบบฉบับชายชาตรี
ภูบดินทร์ อภิรักษ์โยธินกุล หรือ ภู ยืนมองดูบ้านหลังใหญ่ด้วยความรู้สึกคิดถึง เขาไม่ได้กลับมาที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว สิบกว่าปีแล้วสินะ เพราะตั้งแต่ที่บิดาจากไปได้ไม่นานหลังจากนั้นสองปีเขาก็ถูกส่งตัวให้เป็นเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที เนื่องจากว่าชายหนุ่มเป็นเพียงคนเดียวที่จะรับช่วงธุรกิจของครอบครัวต่อจากบิดาที่เสียไป ทุกคนจึงหวังในตัวเขาเป็นอย่างมากโดยไม่เคยถามความสมัครใจของเขาสักครั้ง แต่ภูบดินทร์ก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี พอเรียนจบชายหนุ่มก็เข้ามารับช่วงดูแลกิจการร่วมกับมารดาโดยที่เขาดูแลบริษัทสาขาย่อยที่ต่างประเทศเพียงไม่นานเขาก็กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนใครๆต่างก็ชื่นชมในความสามารถของเขา ภูบดินทร์ขยายสาขาออกไปมากมายอีกทั้งยังมีนักธุรกิจจากหลากหลายประเทศเดินทางมาทำธุรกิจกับเขามากมาย
แต่ในวันนี้ที่ชายหนุ่มกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพราะเขากำลังจะย้ายกลับมาบริหารงานในบริษัทสาขาใหญ่ที่ประเทศไทยแทนมารดาที่เริ่มแก่ตัวลง เขาจึงไม่อยากให้ท่านต้องทำงานหนัก ความจริงแล้วภูบดินทร์กลับมาถึงประเทศไทยตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนเพียงแต่เขามัวแต่ยุ่งกับงานใหม่ๆที่บริษัทและการพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานจึงไม่ได้เข้าบ้านมาพบกับมารดาสักทีทั้งที่ข้าวของเครื่องใช้ของเขาก็ถูกย้ายกลับมาตั้งนานแล้ว แต่วันนี้ที่เขากลับมาบ้านเพราะตั้งใจจะมาอยู่อย่างเต็มตัวสักทีอีกอย่างมารดาของเขาก็โทรไปหาบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าธุระของมารดาคืออะไร
“นายรอฉันอยู่ที่นี่แหละ” ภูบดินทร์หันไปบอกธีรัตที่เป็นทั้งเลขาและลูกน้องคนสนิทก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
“ครับนาย” ธีรัตตอบรับเจ้านายหนุ่ม
“สวัสดีครับนม สวัสดีครับแม่ คิดถึงที่สุด” ภูบดินทร์เอ่ยขึ้นพลางเดินเข้าไปกอดคุณนมแช่ม และจบลงที่หอมแก้มซ้ายขวาของคุณหญิงกาญจนาเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นทั้งคู่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“ทำมาเป็นพูดดีนะ ถ้าคิดถึงแล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านสักทีล่ะพ่อตัวดี” คุณหญิงกาญจนานึกหมั่นไส้ลูกชายที่เข้ามาออดอ้อนไม่รู้จักโต
“ผมต้องเคลียร์งานนิครับ แล้วอีกอย่างผมพึ่งกลับมาต้องใช้เวลาปรับตัวบ้างสิครับแม่”
“ไม่ใช่มัวแต่ไปควงสาวๆคนนั้นทีคนนู้นทีหรอกเหรอ”
“โธ่ แม่ครับ ผมเป็นผู้ชายเรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างสิครับ” ภูบดินทร์พูดแก้ตัว “ว่าแต่แม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับถึงเรียกมาซะด่วนเชียว”
“ทำไม ถ้าแม่ไม่มีเรื่องจะพูดด้วยก็จะไม่กลับบ้านใช่ไหม” คุณหญิงกาญจนาย้อนถามลูกชาย
“เปล่าครับ ผมก็ตั้งใจจะกลับเข้าบ้านวันนี้อยู่แล้ว”
“ช่างเถอะ เพราะความจริงแล้วแม่ก็มีเรื่องจะพูดกับภูจริงๆนั่นแหละ” คุณหญิงกาญจนาเริ่มพูดเข้าเรื่อง
“เรื่องอะไรเหรอครับ ดูท่าทางจะสำคัญนะครับเนี่ย” ภูบดินทร์เอ่ยถามมารดาอย่างสงสัย
“แม่อยากให้ภูแต่งงาน”
“อะไรนะครับ แต่งงาน นี่แม่พูดเรื่องอะไรครับ” ภูบดินทร์ตกใจกับเรื่องสำคัญของมารดาถามออกไปเสียงเข็งพร้อมทั้งหันไปมองคุณนมแช่มอย่างมีคำถาม
“แม่บอกว่าจะให้ภูแต่งงาน แม่ไม่ได้ขอร้องแต่แม่บังคับ แม่ปล่อยให้ภูใช้ชีวิตในแบบที่ภูต้องมามากพอแล้วนะลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งเถอะนะ” คุณหญิงกาญจนาพยายามพูดจาเกลี่ยกล่อมลูกชายด้วยความใจเย็น
“แต่ผมไม่เคยคิดที่จะแต่งงาน ผมไม่อยากแต่งงาน แม่เข้าใจไหมครับ” ภูบดินทร์ตอบกลับมารดาเสียงก้าวอย่างหัวเสีย
“แต่ภูต้องแต่ง ยังไงก็ต้องแต่ง ถ้าภูยังเห็นว่าแม่เป็นแม่” คุณหญิงกาญจนาเริ่มใช้ไม้เข็งเพราะรู้ดีว่าภูบดินทร์เป็นคนรักครอบครัวและก็รักแม่มากชายหนุ่มไม่เคยขัดใจนางสักครั้ง
“แม่!!!” ภูบดินทร์ตะคอกออกมาอย่างเหลืออด ที่มารดาไม่ยอมฟังเขาเลยทั้งๆที่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวตลอดมายอมทิ้งความฝันของตัวเอง ยอมทำตามคำสั่งของทุกคน ไปอยู่ต่างแดนเพียงลำพังเขาไม่เคยบ่นสักครั้ง แต่ทำไมเพียงแค่เขาอยากจะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการบ้างไม่ได้เลยเหรอ
“แม่ขอร้องนะภู แล้วต่อจากนี้ไปแม่จะให้ภูได้ใช้ชีวิตอย่างที่ภูต้องการ” คุณหญิงกาญจนารู้ดีว่าที่นางทำเป็นการบังคับภูบดินทร์มาก ทั้งที่ลูกชายไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาต้องการเลยสักครั้ง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวของภูบดินทร์เอง
“ก็ได้ครับ ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่แค่หนึ่งปีเท่านั้นผมจะหย่ากับเธอทันที แล้วไปใช้ชีวิตของผมเองโดยที่แม่หรือใครก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม” ภูบดินทร์เริ่มต่อรองเมื่อรู้ว่ายังไงก็ปฏิเสธมารดาไม่ได้
“ก็ได้จ้ะ แค่หนึ่งปี ถ้าภูไม่ได้รักผู้หญิงที่แม่เลือกให้ ลูกก็ไปใช้ชีวิตอย่างที่ลูกต้องการได้เลย ถึงตอนนั้นแม่ก็จะไม่ห้ามภูแล้วเหมือนกัน”
“ผมไม่มีทางรักเธอ” ชายหนุ่มบอกอย่างมั่นใจ
“นั่นมันก็เรื่องของอนาคต ภูกำหนดมันไม่ได้หรอกนะลูก” คุณหญิงกาญจนาบอกกับลูกชายเมื่อเห็นท่าทีที่มากมั่นนั่นของภูบดินทร์
“แล้วเธอเป็นใครละครับ ว่าที่เจ้าสาวของผมน่ะ” ภูบดินทร์ถามถึงว่าที่เจ้าสาว เพราะเขาเองก็เริ่มอยากจะรู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน นิสัยใจคอเป็นยังไง ทำไมมารดาของเขาถึงได้ชอบหนักหนาถึงขั้นอยากได้มาเป็นสะใภ้
“อริสรา เมฆาชัย หนูริษาไงจ๊ะ จำน้องได้รึป่าว”
“อะไรนะครับ!! ยายเด็ก เอ่อ เด็กริษานั่นเหรอครับ” ชายหนุ่มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ เผื่อว่าเขาจะฟังผิดไป และเขาเองก็หวังจะให้เป็นอย่างนั่น
“ใช่จ๊ะ ริษา น้องพึ่งออกไปก่อนที่ภูจะเข้ามาแค่แปบเดียวเอง ไม่อย่างนั้นคงได้เจอกับแล้ว” คุณหญิงกาญจนาพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่นางหวังไว้
“ไม่เจอวันนี้ อีกไม่นานก็ได้เจออยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ” ภูบดินทร์ตอบออกไปอย่างอารมณ์ เสีย มันเรื่องบ้าอะไรกันทำแม่ถึงอยากให้เขาแต่งงานกับยายเด็กเหลือขอคนนั้นด้วย คงประจบสอพอเก่งซินะ ชายหนุ่มคิดพลางนึกถึงวัยเด็กตอนนั้นเขากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นรักสนุก อยากรู้ อยากลอง อยากเที่ยวเล่นกับเพื่อนไปทั่วแต่กับไปไหนแถบไม่ได้เพราะเด็กผู้หญิงน่าตาขี้ริ้วขี้เหร่ใส่แว่นตาหนาเตอะคอยวิ่งตามเขาตลอด ไม่ว่าเขาจะไปไหนเธอก็มักจะแอบตามไปด้วยเสมอๆเขาไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย เพราะตั้งแต่ที่เขาปลอบเธอในงานศพของพ่อเขากับเธอครั้งนั้นทำให้เธอถามติดเขาแจแบบนี้
ดูท่าจะโตขึ้นมาเป็นเด็กมีปัญหา ชอบประจบสอพอหวังรวยทางลัดสินะ ยายลูกเป็ดขี้เหร่ อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ในสิ่งที่เธอต้องการแม้แต่สตังค์แดงเดียวเธอก็จะไม่มีวันได้จากฉัน ฉันนี่แหละจะเป็นคนทำให้ความสุขหมดไปจากชีวิตของเธอเอง แล้วเราจะได้รู้กันว่าผู้หญิงที่ยอมแต่งงานเพื่อเงินอย่างเธอจะมีความสุขไปสักกี่น้ำ
“อริสรา เมฆาชัย”