“หลี่ซ่าน!”รับสั่งหาคนสนิท
“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิทเจ้าของนามดังกล่าวขานรับทันใด
“เจ้าไปสืบดูว่าก่อนเกิดเหตุการณ์และวันที่เกิดเหตุกับองค์หญิงแคว้นจ้าวผู้นั้น มีผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปในตำหนักเย่วเชียงหรือเปล่า คนวางแผนจะต้องเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวอี้หานอย่างแน่นอน”
“รับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”หลี่ซ่านขานรับคำสั่งทันที
“แล้วอาการขององค์หญิงแคว้นจ้าวสาหัสมากน้อยเพียงใด เจ้าสามารถขับพิษของแมลงเหล่านั้นออกได้หรือไม่”รับสั่งถามหลัวอี้เซิงหมอประจำพระองค์
“อาการเบื้องต้นขององค์หญิงสาหัสมากพ่ะย่ะค่ะ หากไปช้ากว่านี้พิษของแมลงจะทำให้สิ้นพระชนม์ภายในสิบสี่วันไม่สามารถหาวิธีถอนพิษได้เลย โชคดีที่ว่าไปทันเวลาจึงสามารถขับพิษออกมาได้และกว่าพิษจะถูกขับออกมาทั้งหมดต้องใช้เวลาประมาณสิบวัน อาการโดยรวมตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วเพียงแต่....”หลัวอี้เซิงกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็หยุดลง
“แต่อะไร!”อุปราชหนุ่มถามกลับไปอย่างสงสัยเมื่อหลัวอี้เซิงมีท่าทีเช่นนั้น
ในขณะที่หมอหนุ่มซึ่งเชี่ยวชาญสมุนไพรและการรักษาอาการป่วยได้แต่ส่ายหน้าไปมาติดต่อกันก่อนจะตัดสินใจรายงานกลับไปตามความเป็นจริง
“องค์หญิงถูกแมลงพิษรุมขบกัดไปทั่วตัวรวมไปถึงใบหน้า บาดแผลที่เพียงแค่บวมช้ำแต่แรกเห็นตอนนี้ลุกลามแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเต็มไปด้วยเลือดและหนอง เขียวช้ำไปหมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจนตอนนี้องค์หญิงแคว้นจ้าวแม้ว่าจะรอดชีวิตแต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะต้องเสียโฉมจากบาดแผลดังกล่าวที่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”
คำกล่าวของหลัวอี้เซิงทำให้อุปราชโจวเหวินหลงพยักพระพักตร์ขึ้นลงครั้นได้ยินเช่นนั้น
ตึก! ตึก! ตึก! ปลายนิ้วชี้พระหัตถ์เคาะลงบนโต๊ะติดต่อกันซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำพระองค์เวลาที่กำลังทรงครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในพระทัยก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดออกมา
“ดูท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงแคว้นจ้าวเพราะความสิ้นคิดของอี้หานกำลังสร้างความร้านฉานให้กับสองแคว้นเข้าให้เสียแล้ว เจ้าเด็กเมื่อวานซืนคงไม่ล่วงรู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงมากเพียงใดหากว่าที่พระชายาตัวเองต้องตาย สงครามระหว่างแคว้นจ้าวและเทียนจินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ข้ารู้จักนิสัยฮ่องเต้แคว้นจ้าวเป็นอย่างดีได้ยินว่าองค์หญิงผู้นี้เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวใช่ไหมหลี่ซ่าน”ประโยคสุดท้ายหันกลับไปถามคนสนิท
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงจ้าวลี่ย่าเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้จ้าวหงเลี่ยง กระหม่อมได้ยินมาว่าทรงมีสิริโฉมงดงามมาก เหตุใดองค์ชายรัชทายาทจึงได้คิดสังหารว่าที่พระชายาที่เลอโฉมมากได้ลงคอ ไม่เสียดายหรืออย่างไงน่าแปลกชอบกลนักเชียว”หลี่ซ่านอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นส่วนตัว
“เจ้าพูดราวกับว่าเคยพานพบองค์หญิงผู้นี้มาก่อนจึงได้กล่าวถึงรูปโฉมของนางได้เหมือนเห็นมาด้วยตาตัวเอง”อุปราชหนุ่มรับสั่งถามกลับไป
หลี่ซ่านส่งยิ้มเจื่อนๆ ออกมาทันทีเมื่อถูกถามกลับมาเช่นนั้น
“หากจะกล่าวตามจริงแล้วกระหม่อมไม่เคยเห็นพระองค์จริงขององค์หญิงหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่ที่ล่วงรู้ก็เพราะว่าเมื่อครั้งที่พระองค์สั่งให้กระหม่อมไปสืบค้นความเป็นมาของพระชายาจากแคว้นจ้าวที่ฝ่าบาททรงเลือกให้มาอภิเษกกับองค์ชายรัชทายาทว่ามีความเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงข้อตกลงระหว่างฝ่าบาทและฮ่องเต้แคว้นจ้าวที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
คำกล่าวของหลี่ซ่านทำให้อุปราชแห่งเทียนจินหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อคนสนิททบทวนความทรงจำแต่หนหลัง พระองค์มองหลี่ซ่านด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น
“ครั้งนั้นข้าสั่งให้เจ้าไปสืบเรื่องขององค์หญิงแคว้นจ้าวย่อมจำได้ดี แต่เจ้าไปล่วงรู้รูปโฉมองค์หญิงผู้นั้นได้อย่างไร”อุปราชหนุ่มรับสั่งถามด้วยความสงสัยก่อนจะได้ยินเสียงของหลี่ซ่านอธิบายกลับมา
“ครั้งนั้นกระหม่อมไม่ได้มีเฉพาะข่าวสารความคืบหน้ากลับมารายงานเพียงอย่างเดียวเสียที่ไหนกันเล่าพ่ะย่ะค่ะ แต่นำภาพวาดขององค์หญิงแคว้นจ้าวกลับมาถวายให้ทรงทอดพระเนตรด้วยแต่พระองค์กลับไม่สนพระทัยบอกว่าจะให้กระหม่อมเอาไปทำอะไรหรือเอาไปทิ้งก็สุดแล้วแต่ พอได้ยินรับสั่งเช่นนั้นจึงคลี่ภาพวาดขององค์หญิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้ล่วงรู้รูปโฉมอันแท้จริงพ่ะย่ะค่ะ”
คำอธิบายของหลี่ซ่านทำให้อุปราชหนุ่มย้อนทบทวนความทรงจำเมื่อหนึ่งปีก่อนขึ้นมาทันใด พลางพยักพระพักตร์ขึ้นลงเมื่อทรงย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นจริงดั่งคนสนิทเล่ามาทุกอย่าง
“จริงสิ! ข้าจำได้แล้วว่าเจ้ากลับมาพร้อมกับภาพวาดขององค์หญิงแคว้นจ้าว เมื่อหนึ่งปีก่อนนางอายุครบสิบห้าปีพอดี ฝ่าบาทจึงทรงทาบทามสู่ขอนางให้มาเป็นพระชายาของอี้หานเพื่อได้เป็นฮองเฮาของเทียนจินต่อไป นางกับอี้หานมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเพียงแค่เกิดหลังอี้หานไม่กี่เดือนเท่านั้น ถ้านับจากวันนั้นจนถึงวันนี้นางก็เพิ่งจะมีอายุสิบหกปีแต่กลับต้องมาพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย มิหนำซ้ำยังเป็นฝีมือของพระสวามีตัวเองเสียด้วย”อุปราชหนุ่มรับสั่งพลางยกถ้วยชาขึ้นเสวยจนหมดพร้อมมีรับสั่ง
“เดี๋ยวข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาไม่รู้ว่าทรงเป็นอย่างไรบ้าง ของขวัญที่ข้าเลือกเฟ้นให้นำไปถวายส่งไปเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”รับสั่งถามกับองครักษ์คนสนิท
“กระหม่อมนำของขวัญของพระองค์นำไปถวายฮองไทเฮาที่พระตำหนักเป็นที่เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลี่ซ่านรายงานกลับไปอย่างไม่ชักช้า
รอยยิ้มแย้มเยือนปรากฏขึ้นบนพระพักตร์หล่อคมเข้มเมื่อได้ยินรายงานกลับมาเช่นนั้น
“ทรงมีรับสั่งอะไรถึงข้าบ้างไหม”รับสั่งถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้
หลี่ซ่านเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันใดครั้นถูกถามกลับมาเช่นนั้น ก่อนจะเหลือบสายตามองหลัวอี้เซิงซึ่งทั้งสองเป็นผู้นำของขวัญไปมอบให้กับฮองไทเฮาตามคำพระบัญชา และถึงแม้ว่าจะไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของคนสนิททั้งสอง อุปราชแห่งเทียนจินก็ล่วงรู้จากท่าทีดังกล่าวอย่างรู้แจ้งก่อนจะหัวเราะอยู่ในลำคอแผ่วเบา
“พวกเจ้าไม่ต้องทำท่าทีเช่นนั้นหรอก ข้าชินแล้วกับการกระทำของฮองไทเฮา”รับสั่งแม้ว่าจะไม่คิดอะไรแต่น้ำเสียงกับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าน้อยพระทัยในการกระทำของพระมารดา
เฮ้อ! เสียงถอนพระทัยออกมาอย่างแรงพลางลุกขึ้นจากตั่งที่ประทับเต็มความสูง เสด็จลงจากตั่งเพื่อเข้าเฝ้าพระมารดาพร้อมเสียงของหลัวอี้เซิงดังแทรกขึ้น
“พระองค์จะเสด็จไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาในเวลานี้อย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งจะเสด็จกลับมาจากแคว้นทางใต้มิสู้พักผ่อนพระวรกายจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ ต่อเมื่อวันรุ่งขึ้นค่อยเดินทางไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาจะดีกว่า”หลัวอี้เซิงถามกลับไปด้วยความหวังดี
“แค่ออกไปตรวจแคว้นทางใต้ปีกว่าไม่ได้ไปทำสงครามดั่งที่แล้วมา จะไปพักผ่อนให้มันมากมายทำไมกัน ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาแล้วจะเลยไปเยี่ยมพระอาการฝ่าบาทว่าเป็นอย่างไร เพราะแน่นอนว่าพรุ่งนี้เช้าในท้องพระโรงมีราชกิจรอให้ข้าไปสะสางกองท่วมหัวไม่รู้ตั้งเท่าไร”อุปราชหนุ่มรับสั่งกับคนสนิทพร้อมเสียงของหลี่ซ่านเอ่ยขึ้น
“พระองค์กลับมาจากตำหนักฮองไทเฮาครั้งใดจะต้องมีสีพระพักตร์เศร้าหมองตลอด พวกกระหม่อมจึงเป็นห่วงไม่อยากเห็นพระองค์ต้องสะเทือนใจกลับมา ดูรึจนปีนี้พระชนมายุเข้าปีที่ 27 แล้วแต่ฮองไทเฮาไม่คิดที่จะเลือกเฟ้นหาพระชายาให้แก่พระองค์แม้แต่น้อย ทรงเป็นถึงมหาอุปราชจะให้อยู่เช่นนี้โดยไร้สิ้นคู่ครองตลอดไปได้อย่างไรกันกระหม่อมไม่เข้าใจ”หลี่ซ่านบ่น
“หลี่ซ่าน!”อุปราชหนุ่มรับสั่งชื่อคนสนิทเสียงเข้ม
และนั่นทำให้องครักษ์เพิ่งจะสำนึกตนว่ากำลังใช้คำพูดที่ก้าวล่วงจนเกินไป สองมือรีบยกประสานเข้าหากันทันที
“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะที่พูดอะไรไม่รู้จักคิด”หลี่ซ่านรีบกราบทูลขออภัยอย่างรวดเร็ว
“แม้ว่าฮองไทเฮาจะหมางเมินและไม่โปรดข้าก็ตามที แต่ถึงอย่างไรเสียก็ทรงเป็นพระมารดา ข้าทนได้ทุกอย่างขอเพียงสิ่งนั้นทำให้พึงพอพระทัย ซึ่งข้าไม่มีวันจะโกรธ เกลียดและกระทำตนอกตัญญูอย่างเด็ดขาด พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องความรู้สึกของข้าหรอกนะเพราะว่าข้าไม่เคยนำมาคิดให้ทุกข์ใจตัวเองแม้แต่น้อย”รับสั่งพร้อมเสด็จออกจากพระตำหนักส่วนพระองค์ไปอย่างรวดเร็ว
“บรรณาการจากทางแคว้นทางใต้ ข้าเพิ่งจะคัดเลือกเสร็จด้วยตัวเองเพื่อนำไปถวายให้กับเสด็จแม่เพิ่มเติม ให้ทหารขนตามหลังข้าไปด้วย”รับสั่งพลางก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางสายตาของหลัวอี้เซิงและหลี่ซ่านต่างพากันทอดสายตามองแผ่นหลังอันกว้างใหญ่ของอุปราชผู้ลือนาม
เฮ้อ! เสียงถอนหายใจดังออกมาจากคนสนิททั้งสองเมื่อพระวรกายใหญ่เดินออกไปจากห้องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย
“ข้าสงสารพระองค์จริงๆ เลย พยายามเอาอกเอาใจ ฮองไทเฮาทุกอย่างและเทิดทูนพระมารดาเหนือสิ่งอื่นใด แต่ทำไมฮองไทเฮาจึงทรงไม่โปรดเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากเปรียบเทียบเรื่องความหล่อเหลาองอาจ องค์อุปราชสิริโฉมงดงามมากช่างแตกต่างจากฝ่าบาทอย่างสิ้นเชิง ที่แสนจะธรรมดารวมไปถึงองค์ชายรัชทายาทก็เช่นกันยังไม่ได้ครึ่งของเสด็จอาแม้แต่น้อย”
หลี่ซ่านบ่นพึมพำเสียยืดยาวพร้อมเสียงของหลัวอี้เซิงเอ่ยขึ้น
“หากบอกว่ารูปโฉมขององค์อุปราชที่แตกต่างไปจากพี่น้องคนอื่นๆ กันอย่างลิบลับถึงเพียงนี้ ถ้าบอกว่าพระองค์ไม่ใช่สายพระโลหิตของฮองไทเฮาข้าก็เชื่ออย่างสนิทใจเลยเชียวนะ”หลัวอี้เซิงพูดตามความคิดของเขา
และคำพูดของหมอหนุ่มทำให้หลี่ซ่านนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองสหายรักที่คอยถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดมาด้วยกันตลอด
“ที่ท่านพูดเมื่อครู่ทำให้ข้าเปรียบเทียบจนเห็นภาพจริงๆ หากสิ่งที่ท่านพูดเกิดเป็นจริงขึ้นมา เฉิงเฉียนกงจะต้องพินาศเป็นแน่หรือท่านว่าอย่างไง”หลี่ซ่านถามกลับไปอย่างร้อนรน
คำกล่าวของหลี่ซ่านทำให้หลัวอี้เซิงหันกลับไปมองประตูทางออกที่อุปราชแห่งเทียนจินเพิ่งจะเสด็จออกไปเมื่อครู่ที่ผ่านมาพลางส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“คำพูดของข้ากล่าวเพียงเลื่อนลอยออกมาเท่านั้นจากความรู้สึกส่วนตัวและการกระทำของฮองไทเฮาที่ปฏิบัติต่อองค์อุปราชที่ผ่านมา แต่ถ้าหากเป็นจริงตามคำกล่าวของข้า ดูท่าเฉิงเฉียนกงจะต้องพังพินาศเกินกว่าจะคาดคิดเป็นแน่ พระองค์ไม่มีทางอยู่เฉยและจะต้องเสียพระทัยเป็นที่สุดเพราะเจ้าและข้าต่างก็ล่วงรู้ดีว่าทรงรักและเทิดทูนฮองไทเฮาเหนือสิ่งอื่นใด และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้พระองค์ใหม่กันเลยทีเดียว”
คำกล่าวของหลัวอี้เซิงทำให้หลี่ซ่านยืนเงียบงัน เพราะเขาก็มีความคิดตรงกับสหายรักเช่นกัน องค์อุปราชทรงมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สิ่งที่ไม่มีเหมือนกับผู้อื่นคือความรักและความอบอุ่นจากพระมารดาที่ทรงต้องการและโหยหามาโดยตลอด แม้จะทรงน้อยพระทัยที่ฮองไทเฮาไม่เคยโปรดปรานพระองค์ก็ตามที และปฏิบัติแตกต่างกับพระเชษฐาแต่ก็ไม่เคยนำมาใส่พระทัยแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้ามหากสิ่งที่คิดนั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมา เฉิงเฉียนกงจะต้องสั่นสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัยและที่สำคัญฮองไทเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิมราวฟ้ากับเหว รวมไปถึงราชบัลลังก์แห่งเทียนจินจะต้องสั่นสะเทือน!!!