การคบชู้ของสองชายา
ณ โรงละครทิศตะวันออกเมืองฝาง
รั่วตงอวิ๋นเดินเข้าลึกเข้าไปด้านใน หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางตั้งใจ ด้วยได้ยินว่าที่โรงละคร มีนักเล่านิทานหนุ่มหล่อมาเปิดการแสดงได้พักใหญ่ ตอนนี้เขารับเฉพาะงานพิเศษในห้องพักส่วนตัว
แขกส่วนมากหากไม่ใช่แม่ม่าย ก็เป็นเหล่าคุณหนูที่ชอบฟังเรื่องสัปดน นอกจากเล่านิทาน ยังมีการวาดภาพ เขียนตัวอักษร บนร่างกาย แน่นอนทั้งหมดเพื่อกระตุ้นกามราคะให้แก่สตรีที่เปลี่ยวใจ อยากพบความสุขด้วยการเอาอกเอาใจจากบุรุษที่พวกนางสามารถใช้เงินซื้อหาความสุขได้
แล้วเหตุใดนางถึงอยากพบนักเล่านิทานผู้นั้น สาเหตุเพราะ นิทานเรื่องเอกที่อีกฝ่ายใช้เล่าก็คือ เพลิงราคะนางงูขาว มันเป็นเรื่องเดียวกันที่ คนชั่วแซ่จิ่ง หลอกล่อนางให้มาถึงเมืองหลวง จนสุดท้ายก็กลายเป็นนางโลม
รั่วตงอวิ๋นมิใช่คนชอบถ้ำมอง แต่หูนางได้ยินเสียงหวีดแหลมรอดออกมา ผสมเสียงคำรามต่ำๆ อย่างมีความสุขของบุรุษ เสียงนั้นคุ้นหู ทั้งชวนให้ขยะแขยง ใจหนึ่งอยากผละจากเสีย ทว่าการใช้ภาษาหยาบคาย สลับการพลอดด้วยคำหวานๆ ฟังแล้วก็ชวนให้อยากหัวเราะ เมื่อก่อน นางคงเหมือนเด็กสาวคนนั้น ที่หลงคำลวงบุรุษที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม
“อื้อ อร๊าย! นะ นี่ จะ เจ้ากล้าแทงมันเข้ามาเช่นนี้เลยหรือเป็นแค่นักเล่านิทาน ไฉนถึงใช้ขาที่สาม ทำร้ายสตรีสกุลใหญ่โต โอ้ว... อ๊ะ... อ๋า ข้าจุก อื้อ... อย่านะ มันลึกเกินไปแล้ว”
“โอ้ คุณหนู ผู้น้อยขออภัย สมควรตายจริงๆ หรือท่านอยากให้หยุดมือ แต่หากทำเช่นนั้น เราอาจไม่ได้พบกันอีก เนื่องจากข้าต้องเดินทางไปต่างเมือง ไม่รู้อีกนานเท่าใดถึงจะหวนคืนมาพบหน้ากัน”
“อ๊า อี้... ใหญ่ ขะ ข้า ไม่รู้... ตะ แต่ เจ้าใช้ส่วนนั้น ฝังเข้ามาแล้ว จะไม่รับผิดชอบเลยหรือ คิดดูเถิด แม้แต่สามีข้า.. ขะ ข้าก็ยังไม่เคยถูกเขาทำรุนแรงเช่นนี้ เขาไม่เคยเข้ามาในตัวข้า จนสุดโคนสักครั้ง อ๊า น้ำกามเจ้า จะแตกใส่ข้างในหรือไม่!”
แม่นางผู้นั้นหลุดพูดถึงสามีตน ยิ่งทำให้รั่วตงอวิ๋นสนใจจนต้องขยับเข้าไปใกล้ๆ ผนังห้องฝั่งที่อยู่ลับสายตาคน และเหมือนโชคจะเข้าข้าง มันมีช่องเล็กๆ พอให้มองลอดเข้าไปได้ นั่นเป็นเพราะโรงละครแห่งนี้ มีจุดไว้เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยนั่นเอง แต่ยามนี้ผู้คนขวักไขว่ในส่วนการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ พื้นที่บริเวณนี้จึงไม่มีใครอยู่ และสตรีน้อยนางนั้นคงต้องการความเป็นส่วนตัว ด้วยฟังจากคำพูด นางคงลักลอบมาพบบุรุษผู้นี้
ดวงตากลมโตมองเข้าไปในห้อง ที่มีแสงจากเทียนไข ส่องให้เห็นเงาของบุรุษที่ขึ้นคร่อมสตรีอยู่
นางเห็นเพียงโครงหน้าด้านข้าง ใจพลันเดือดดาล หึงหวงรึเปล่าเลย นางแค้นใจที่เขายังมีชีวิตอยู่ต่างหาก
“คุณหนู ทะ ท่านมีสามีแล้ว เช่นนี้ผู้น้อย จะถูกจับส่งทางการหรือไม่”
ฝ่ายปิงจือจือเงียบไปประเดี๋ยวเดียว นางก็เอ่ยว่า
“อย่าได้ถามถึงเรื่องอื่น จะ เจ้าอยากกินเนื้อหงส์ ก็จงรีบทำเสีย ปล่อยน้ำวิสุทธิ์มาให้หมดตัว ขะ ข้าอยากกลืนมัน เอามาทาที่หน้า และอาบรดร่างกายนี้”
จู่ๆ ปิงจือจือก็กล่าวสิ่งสัปดนเหลือเกิน นั่นเป็นเพราะนางคิดถึงคนที่ตนแต่งงานด้วย นางคาดหวังว่าจะมีความสุข หากสุดท้ายสตรีน้อยเช่นนาง เป็นได้แค่ชายารองของคนผู้หนึ่ง ที่ใบหน้าอัปลักษณ์ยังไม่พอ จิตใจยังบิดเบี้ยว และยังมีแต่ความเย็นชาให้แก่นาง
“หากคุณหนูต้องการเช่นนั้น ผู้น้อยก็จะมอบความสุขให้อย่างที่สุด” นักเล่านิทานบอก จากนั้นเขาก็เคลื่อนเอวสอบ เข้าใส่ร่างที่นอนอยู่บนตั่งกว้าง สตรีผู้นั้น ไม่ได้มีความเจ็บปวดอย่างที่นางกล่าว หากแยกขาเต็มที่ และเรียกร้องให้ชายหนุ่มจูบนาง และส่งลิ้นเข้าไปกวาดในโพรงปากเพื่อรับความหวานฉ่ำ
ปิงจือจืออยากลืมความทุกข์ใจจากครอบครัวเดิม และความโดดเดี่ยวในตำหนักใหญ่โต นางเป็นสตรีที่น่าสงสาร ร่ำรวยมาก แต่ไม่เคยมีใครเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงในใจ นางก็แค่โหยหาความรัก และการได้พบนักเล่านิทาน ได้ยินเสียงเขา ทำให้นางราวกับอยู่กับความฝันที่แสนเร่าร้อน
“นางงูขาว... อยากให้บัณฑิตทึ่ม ใช้ท่าสุนัข เจ้าทำเช่นนั้นกับข้าได้หรือไม่”
หญิงสาวบอกอีกฝ่าย หลังจากที่ทั้งคู่ถอนจูบออกจากกัน
รั่วตงอวิ๋นแม้อยากรู้หลายสิ่งมากกว่านั้น แต่นางไม่อาจปล่อยให้หมางจูและผู้อื่นที่มาด้วยกันรอได้ ยามนั้นเลยหมุนตัวแล้วเตรียมกลับไปด้านนอก นางก้าวขารีบลงมายังชั้นล่างซึ่งเป็นโถงยาวๆ อึดใจต่อมา รั่วตงอวิ๋นก็ถูกสตรีนางหนึ่งชนอย่างแรง นอกจากไม่มีคำกล่าวขอโทษ สาวใช้อีกฝ่ายยังหมายจะตบใบหน้าหญิงสาวอีกด้วย
“เดินเยี่ยงไร ถึงไม่ดูทาง รู้หรือไม่ นายข้าเป็นผู้ใด...สตรีผู้นี้ อีกไม่นานทั้งใต้หล้าต้องก้มหัวให้!”
นางมองไปยังอีกฝ่าย สตรีนางนั้นสวมหมวกตาข่ายทั้งที่อยู่ในโรงละครแห่งนี้
“ฮึ มองสิ... แต่เป็นนายของเจ้ามากกว่า ท่าทางลุกลี้ลุกลน หรือว่า นัดพบใครเพื่อทำเรื่องระยำ เลยกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้า”
ปากของรั่วตงอวิ๋นยังแรง และสาดคำพูดเผ็ดร้อนออกมาไม่หยุดเช่นเดิม
ฝ่ายคนสวมหมวกตาข่าย โกรธจัด แต่นางเก็บอารมณ์เอาไว้ นั่นเป็นเพราะมีบุคคลที่อยากพบหน้ายิ่ง นางหลงใหลเขา ชอบฟังเสียงทุ้มๆ และเรื่องราวหลากหลายที่เขาเล่าให้ฟัง โลกของนางนับแต่เด็ก กระทั่งเติบใหญ่ จนออกเรือนไปเป็นของคนผู้นั้น นางก็เหมือนนกที่อยู่ในกรงขัง พร้อมรอรับคำสั่งจากบิดา ที่ต้องการให้นางทำเรื่องชั่วช้ามากมาย กระทั่งนางได้พบเขา ได้ยินเสียงน่าฟัง หัวใจสตรีผู้นี้ก็เหมือนได้น้ำทิพย์มาชโลมไว้
เหยาเหอซานใช้หางตามองรั่วตงอวิ๋น ก่อนล้วงเข้าไปในอกเสื้อ และโยนถุงเงินเล็กๆ หวิดถูกใบหน้างามล้ำของรั่วตงอวิ๋น
“เอาไป และไสหัวไปให้พ้นจากที่นี่ มิเช่นนั้น เจ้าจะได้รู้ว่า ข้าผู้นี้สามารถสั่งการสังหารเจ้า รวมถึงคนทั้งตระกูลได้”
รั่วตงอวิ๋นยกยิ้มที่มุมปาก สตรีที่ร้ายกาจ เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาผู้นี้ ช่างน่าสนใจยิ่ง และนางเป็นผู้ใดกัน องค์หญิงเยี่ยงนั้นหรือ... คงไม่ใช่ เพราะเหล่าองค์หญิงถูกจับแต่งงานกับต่างเมืองไปจนหมดสิ้น เช่นนั้นคงเป็นชายาขององค์ชายสักพระองค์ที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นใหญ่
“ขอบคุณน้ำใจคุณหนู และเงินนี้สำหรับข้ากับพี่น้องสำคัญยิ่ง ส่วนชีวิตนั้น ใครๆ ก็รัก เอาเป็นว่า ข้าถอยให้ก้าวหนึ่งในวันนี้ แต่วันข้างหน้า ขอเตือนเอาไว้ว่า ข้าจะเหยียบท่านให้จมดิน”