เถียนลู่ฟางทั้งโมโห ทั้งฉุนเฉียว แต่แรกนางมั่นใจว่าคงเข้ามาที่หอบรรพชนเพียงสองสามชั่วยาม แต่ตอนนี้เกือบสามวันแล้วที่ถูกกักบริเวณ แต่หากกล่าวให้ถูกต้อง นางถูกขังเสียมากกว่า กระนั้นหนันฮูหยินยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ด้วยมีข้าวสวยกับน่องไก่ส่งมาให้ทางช่องเล็กๆ เพียงวันละหนึ่งครั้ง ภายในหอบรรพชนนี้อากาศเย็น ไม่ร้อน ทว่าบรรยากาศชวนให้นางหวาดกลัวมิน้อย ตกกลางคืนมีเสียงสุนัข และเงาแมวดำวิ่งไปมา แม้ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เถียนลู่ฟาง ทั้งเครียด และยากควบคุมตนไม่ให้คิดมากไม่ได้ เมื่ออยากออกไปข้างนอก เสียงของคนที่ยืนเฝ้าประตูก็ตอบว่า หากไม่มีคำสั่งหยวนจื่อ ให้ไฟไหม้หอบรรพชน เถียนลู่ฟางก็มิอาจก้าวออกไป “มารดาคนสกุลหนันเถิด... ข้าเป็นถึงฮูหยินห้า ไป ไปเชิญสามีข้า มารับกลับเรือนเดี๋ยวนี้” เถียนลู่ฟางร้องโวยวายอย่างคนขาดสติอยู่นานทีเดียว กระทั่งมีกลิ่นธูปหอมจัดลอยเข้าจมูก นางเลยผ่อนคลายลงก่อนจะค่อยๆ