ตอนที่ 6 : หลานสะใภ้คนเก่ง
วันนี้เป็นวันที่คุณคณกรเข้ามาตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาล เพลงขวัญเลยทำหน้าที่เป็นคนตรวจและดูแลท่านอย่างใกล้ชิด อาจจะด้วยการที่เธอเคยเจอกับท่านมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้เธอสนิทกับท่านไม่ต่างจากที่สนิทกับปู่แท้ๆ ของตนเองอีกคน
คีรินเองที่วุ่นอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโต พยายามเร่งมือเพื่อที่จะมีเวลาไปหาคุณปู่ และคอยดูแลท่านตอนที่ท่านมาใช้บริการในโรงพยาบาลด้วยตนเองในฐานะหลานชายเพียงคนเดียว และกว่าจะเร่งงานเสร็จเกือบจะเที่ยงวันเสียแล้ว
เมื่อคีรินเดินมาถึงห้องตรวจก็พบว่าปู่ไม่อยู่ในห้องนั้นแล้ว ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหมายจะถามหมอ หรือ พยาบาลสักคนที่เดินผ่านมาแถวนี้ว่าตอนนี้คุณปู่ของเขาอยู่ไหนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถามก็ต้องชะงักนิ่งกับภาพตรงหน้า ก่อนจะยืนมองด้วยความรู้สึกที่หลักหลาย
คุณหมอคนสวยในชุดเสื้อกาวน์กำลังคุกเข่าลงตรงหน้าชายชราที่นั่งอยู่บนรถแขนและพูดคุยกันอย่างถูกคอ เสียงหัวเราะของทั้งสองคนและรอยยิ้มที่ระบายไปด้วยความสุขนั้นทำให้นัยน์ตาคมกริบไม่สามารถละจากทั้งสองคนไปได้
คีรินไม่เคยเห็นรอยยิ้มกว้างๆ และเสียงหัวเราะที่มีความสุขของคุณปู่มานานแล้วนับตั้งแต่ท่านได้สูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวซึ่งเป็นพ่อของเขาไป กระทั่งมาวันนี้ ผู้หญิงคนนี้ทำให้คุณปู่ของเขาหัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุขได้ ราวกับท่านได้ลืมเลือนความทุกข์ใจทั้งหมดไป
เพราะแบบนี้สินะคุณปู่ของเขาถึงอยากจะให้เขาแต่งงานกับเธอนักหนา จากที่เคยมองเจ้าหล่อนในแง่ลบวันนี้เขาก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเธอ มุมที่มีรอยยิ้มสดใสชวนใจสั่น มุมที่น่ารักจนน่าหวงแหน จนอยากจะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้ดูเพียงคนเดียว
“คุณปู่สุขภาพดีมาก อยู่ได้จนเห็นหลาน หลน แหลนแน่ๆ ค่ะ”
“อย่ามาพูดเอาใจหน่อยเลยหนูเพลง ปู่รู้ตัวดีว่าคนแก่ๆ อย่างปู่คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
“ถ้าคุณปู่ไม่เชื่อหมอแล้วจะมาให้หมอตรวจทำไมละคะ หมอบอกแล้วไงว่าคุณปู่แข็งแรงก็ต้องแข็งแรงสิ ไว้เพลงจะนัดวันร้องคาราโอเกะพิสูจน์พลังปอดและสุขภาพกันอีกทีดีไหมละคะ”
“ฮ่าๆๆๆ หนูเพลงนี่ก็ช่างรู้ใจปู่จริงๆ เลยนะ รู้ได้ยังไงว่าปู่อยากจะร้องเพลงคาราโอเกะ”
“แค่เห็นสเต็ปแดนซ์ของคุณปู่ในงานวันเกิดเพลงก็รู้แล้วค่ะว่าคุณปู่ชอบแดนซ์ และชอบร้องเพลงที่สุด เดาได้เลยว่าก่อนที่คุณปู่จะหยุดเคยสุดมาก่อน”
“ฮ่าๆๆๆ หนูเพลงพูดถูก สมัยที่ปู่ยังเป็นหนุ่มๆ นะ จีบสาวด้วย สเต็ปแดนซ์ลีลาเร้าใจนี่แหละ”
“สุดยอดมากค่ะคุณปู่ คุณปู่เป็นไอดอลของเพลงเลยนะคะ เห็นทีเพลงต้องขอวิชาแดนซ์จากคุณปู่ไปจีบหนุ่มๆ บ้างแล้วละ”
“ไม่ได้หรอก คนนี้ปู่จองให้หลานชายแล้ว ไม่อนุญาตให้ไปจีบหนุ่มๆ คนอื่นอีกเป็นอันขาด”
“แบบนี้ก็น่าเสียดายแย่เลย”
เพลงขวัญแสร้งพูดและทำน่าเสียดายเหลือประดา ก่อนที่ทั้งสองต่างวัยจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน เป็นการคุยเล่นที่สนุก ไม่ซีเรียส แถมยังทันกันเสียทุกเรื่อง จนคนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ถึงกับหลุดอมยิ้มออกมากับความน่ารักของทั้งสองคนอย่างไม่รู้ตัว
จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาพูดคุยและดูแลคุณปู่เอง แต่เมื่อพบว่ามีคุณหมอคนสวย แถมยังพูดกันถูกคอคอยดูแลท่านอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว คีรินก็เปลี่ยนใจ กลับเข้ามานั่งทำงานในห้องต่อ
………………………………………..
หลังทานมื้อกลางวันกับคุณปู่ของคู่หมั้นหนุ่มในโรงอาหารของโรงพยาบาลเสร็จ เพลงขวัญก็กลับมาทำงานต่อ ซึ่งการทำงานช่วงบ่ายของเธอก็ได้พบกับเด็กหญิงวัยสี่ขวบที่ไม่ยอมให้หมอคนไหนรักษาหรือดูอาการ ไม่มีหมอคนไหนเอาอยู่กระทั่งเด็กถูกส่งมาให้กับเธอ
เพลงขวัญใช้ประสบการณ์ และจิตวิทยาเด็กทั้งหมด พูดคุยกับเด็กน้อยอยู่พักใหญ่กระทั่งเด็กยอมที่จะบอกชื่อ และให้ความร่วมมือ ท่ามกลางเสียงชื่อชมของพยาบาลสาวและผู้ปกครองเด็กที่คอยลุ้นอยู่ข้างๆ
“เก่งมากจ๊ะหนู”
หญิงสาวเอ่ยชมหลังจากที่ฉีดยาให้กับเด็กเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะมอบกิ๊ฟติดผมลายน่ารักให้กับเด็กที่เธอได้เตรียมเอาไว้ เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจให้กับเด็กๆ ที่มารับการรักษา
“ขอบคุณค่ะพี่หมอคนสวย”เด็กน้อยยิ้มแก้มปริขณะที่รับรางวัลคนเก่งจากคุณหมอ
“ขอบคุณ คุณหมอมากนะคะที่อดทนกับลูกของดิฉัน ถ้าไม่ได้คุณหมอนี่แย่เลย”
ผู้ปกครองเด็กกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ เพลงขวัญเพียงพยักหน้ายิ้มให้ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายอย่างเข้าใจ
“ตอนเด็กๆเพลงก็กลัวหมอและเข็มฉีดยาค่ะ เพลงถึงรู้ว่าต้องปลอบน้องยังไงให้ยอมฉีดยา”
หญิงสาวอธิบาย ก่อนที่ผู้ปกครองจะกล่าวขอบคุณเธออีกครั้ง แล้วพาลูกน้อยวัยน่ารักออกจากห้องตรวจ
“คุณหมอเพลงคะ สัปดาห์หน้าจะมีค่ายอาสาของโรงพยาบาลจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คุณหมอจะให้มะลิลงชื่อไปค่ายให้ด้วยไหมคะ”
มะลิพยาบาลสาวเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเพลงขวัญเอ่ยถาม อย่างคนมีน้ำใจ ทำให้เพลงขวัญใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะย้อนถาม
“แล้วมะลิล่ะ จะไปร่วมค่ายนี้ด้วยหรือเปล่า”
“ไปสิคะคุณหมอ ช่วงปลายเดือนธันวาคมอากาศที่เชียงใหม่หนาวเย็นสบาย แถมยังมีทะเลหมอกสวยๆให้ดูอีกด้วย ถ้าคุณหมออยากหนีจากความวุ่นวายสักพักเพื่อไปแบ่งปันรอยยิ้มให้กับเด็กๆ บนดอยก็ลองไปลงชื่อดูนะคะ”
“เอาสิ ถ้ามะลิไปลงชื่อ ฝากลงเผื่อฉันด้วยก็แล้วกัน”
แค่ได้ยินคำว่าทะเลหมอกสวยๆ เพลงขวัญก็ไม่รอช้าที่จะตอบตกลงในทันที เพราะเธอเองก็เบื่อกับความวุ่นวายในเมืองกรุงเช่นกัน ถึงการไปค่ายจะไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมืองกรุง แต่ก็ถือว่าเป็นการไปพักผ่อนและเติมพลังให้กับตัวเองก็แล้วกัน
“ได้เลยค่ะคุณหมอ เดี๋ยวมะลิจัดการให้ค่ะ”
"ขอบใจมาก"
…………………………………………
ก๊อก… ก๊อก… ก๊อก…
เสียงเคาะประตูทำให้คีรินต้องละสายตาจากกองเอกสาร เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่กำลังเข้ามาในห้อง ก่อนที่เสียงทักทายจากชายชราจะดังขึ้น
"งานยุ่งขนาดที่ไม่คิดจะมาต้อนรับปู่เลยเหรอ ตาคีย์"
"ผมคงดูแลคุณปู่ ได้ไม่ดีเท่าว่าที่หลานสะใภ้คุณปู่หรอกครับ"
คีรินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยประชด เพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นว่ามีคนดูแลคุณปู่ได้ดีกว่าตน และนั่นก็ทำให้ชายชราถึงกับต้องหลุดยิ้มออกมาบางๆ
“อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นเด็กขี้งอน ขี้อิจฉาไปได้นะ”
“ก็เวลาที่คุณปู่อยู่กับผมไม่เห็นจะยิ้มจะหัวเราะเหมือนอยู่กับเธอเลย ผมคงทำให้คุณปู่มีความสุขเหมือนเพลงขวัญไม่ได้สินะครับ”
เพราะเป็นหลานคนเดียวที่ถูกตามใจมาแต่เด็กๆ พอเห็นว่ามีคนจะมาแย่งความรักของคุณปู่ไปก็อดที่จะหวงไม่ได้
“แกเป็นหลานของฉันนะ ทำไมจะทำให้ฉันมีความสุขไม่ได้ ถ้าอยากให้ฉันมีความสุขมากๆ ก็รีบแต่งงานกับหนูเพลงเขาซะสิ”
“นั่นไง สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องนี้อยู่ดี”
คีรินว่าพลางถอนหายใจออกมาแรงๆ ทำให้ผู้เป็นปู่ที่รู้จักนิสัยของหลานชายดี จำต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ปู่ไม่คุยเรื่องนี้แล้วก็ได้ ว่าแต่สัปดาห์หน้าได้ข่าวว่าแกจะขึ้นไปเชียงใหม่ใช่ไหม”
“ครับ ผมมีแผนไปดูโรงพยาบาลสาขาเชียงใหม่ คุณปู่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่า แค่ถามดูเฉยๆ ถ้าไปก็อย่าลืมเอาของฝากจากไร่ชาลงมาให้ปู่ด้วยก็แล้วกัน”
ไร่ชาที่ว่านั้น คือไร่ที่ปู่ได้ซื้อไว้ที่เชียงใหม่สมัยที่ยังหนุ่มๆ ซึ่งตอนนี้มีคนงานหลายสิบชีวิตคอยดูแลอยู่
“ผมไม่ได้กะจะขึ้นดอยนะครับคุณปู่ แค่จะไปแถวๆ โรงพยาบาลในตัวเมืองแล้วก็กลับเลย แต่ถ้าคุณปู่อยากได้ชาผมไปเอามาให้เองก็ได้”
“ขอบใจมากตาคีย์”
คุณคณกรเดินมาตบไหล่หนาของหลานชายเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้นแต่อย่างใด