"แพร นั่นหัวเข่าไปโดนอะไรมา"
มาลินีเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นหญิงสาวเดินกะเผลกๆ เล็กน้อยมาที่โต๊ะทำงาน ครั้นเลื่อนสายตาลงไปดูอีก ตรงเข่าข้างหนึ่งของเธอมีรอยซ้ำ ยิ่งหญิงสาวมีผิวขาวจัดด้วยยิ่งสังเกตเห็นได้ไม่ยากเลย
"เอ่อ อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แพรเดินสะดุดร่องเลยล้มแล้วเข่าก็ไปกระแทกพื้น" เธอตอบ
"ระวังๆ หน่อยนะ ฟุตบาทกับถนนของประเทศเรามันมีแต่หลุมแต่อะไรก็ไม่รู้"
"ค่ะ" แพรพิศรับคำพร้อมกับหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของอีกฝ่ายไปวูบ
ขณะนั้น ชายหนุ่มที่ยิ้มกระจ่างเหมือนดวงตะวันในเทเลทับบี้กำลังเดินออกจากลิฟท์มาพร้อมกับอัครา เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เขาก็เรียกชื่อเธอด้วยความคุ้นเคยตาม
"แพร"
หญิงสาวหมุนตัวกลับไปตามเสียงเรียกอันคุ้นหู ดวงตะวันยิ้มแฉ่งแห่งเทเลทับบี้กำลังเดินเคียงคู่มาพร้อมกับภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิค
ผู้ชายสองคน แต่คนละความรู้สึกอย่างเห็นได้ชัด อะไรจะพากันคีพคาแรคเตอร์ได้ดีถึงขนาดนี้ คนหนึ่งไม่หวงรอยยิ้มเลย ยิ้มเรี่ยราดแจกจ่ายได้ไปทั่ว ส่วนอีกคนก็ทำราวกับท้องผูกอยู่ได้ทุกวัน หน้าตาเรียบเฉยมาก แววตานิ่งกระด้างดุจเดิม
ก็สมดีกับฉายาภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคที่เธอมอบให้จริงๆ เธอคิดพร้อมกับเบือนหน้าหลบหนีสายตาของผู้ชายคนนี้เล็กน้อย
แล้วสายตาของพิมานก็หลุบมองตรงเข่าข้างหนึ่งของหญิงสาว ก่อนจะถามเหมือนที่มาลินีถามเธอ
"แล้วนั่น เข่าไปโดนอะไรมา "
"เอ่อ อุบัติเหตุหลังเลิกงานน่ะค่ะ"
"คงไม่เกี่ยวกับที่หนีไปทำธุระสำคัญเมื่อวานตอนเย็นหรอกนะ”
พิมานถามยิ้มๆ เหมือนกึ่งแซวมากกว่า แต่ก็สะดุดหูอัคราที่เดินผ่านเธอไปหยุดตรงหน้าห้องทำงาน ให้หันกลับมามองทั้งสองคุยกัน
แพรพิศรีบหลบสายตาและพูดอึกอัก "ก็ ค่ะ ก็แพรรีบไปทำธุระค่ะ เลยสะดุดแล้วล้มเข่ากระแทกพื้น"
"ธุระอะไรเหรอคะคุณพีท" มาลินีถามด้วย
พิมานหันไปเอ่ยกับมาลินี ทำนองจะแซวหญิงสาวเล่นเท่านั้น "ก็เมื่อวานเหมือนมีคนติดค้างมื้อเย็นที่จะไปฉลองเพราะได้งานทำแล้ว ผมโทร.มาชวน ก็บอกว่าติดธุระสำคัญขึ้นมา สงสัยน่ากลัวว่าจะเอาธุระมาอ้างเพราะไม่อยากให้ผมเลี้ยงฉลองให้ล่ะมั้ง"
"โธ่! ใช่ที่ไหนล่ะคะ แพรมีธุระต้องไปทำจริงๆ" เมื่อเหมือนโดนคาดคั้นมากๆ เข้าเธอเลยรีบบอกว่า "งั้นเย็นนี้ไปทานเย็นกันค่ะ พี่ลินก็ไปด้วยกันนะคะ ให้คุณพีทกระเป๋าฉีกไปเลย"
"ไม่ดีกว่าจ้ะ ตอนนี้พี่เลิกงานแล้วก็ต้องรีบกลับไปดูแม่ต่อ" มาลินีปฏิเสธ เพราะที่บ้านก็มีคนดูแลอยู่ แต่เป็นแบบจ้างให้ดูแลในรายวัน พอเลิกงานแล้วจึงเป็นหน้าที่ของมาลินีต้องไปรับหน้าที่แทน ก็จนกว่าแพรพิศจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้เอง เธอถึงจะได้ออกไปดูแลท่านแบบเต็มเวลาเสียที
"เย็นนี้ไม่ได้แล้วล่ะ" พิมานพูดขึ้นบ้าง เขาล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ท่าทางบอกว่าจริงจังขึ้น
"ทำไมล่ะคะ"
"วันนี้ตอนบ่าย ฉันต้องบินไปเวียดนาม และอาจจะอยูที่นั่นสักพักจนกว่าโปรเจ็กต์สร้างสีสอร์ทของที่นั่นจะลงตัว"
แพรพิศแกล้งทำหน้าม่อยลงแสดงออกให้เขารู้ว่าเธอเสียดาย พิมานจึงหัวเราะอีก วางฝ่ามือข้างหนึ่งแตะลงศีรษะของเธอ ขยี้เบาๆ อย่างอ่อนโยน และแพรพิศก็รู้สึกว่าเป็นสัมผัสอบอุ่นเหมือนเขาเอ็นดูเธอราวกับเด็กที่ยังไม่โตมากกว่า
"เอาไว้ฉันกลับมา แล้วค่อยไปก็ได้"
เธอยิ้มแทนคำตอบ ขณะนั้นพิมานก็วางดึงมือกลับ แล้วขอตัว"ฉันไปคุยกับนายอัครก่อนนะ"
จากนั้นก็ส่งสายตาไปยังคนที่กำลังทำท่าเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปพอดี
ผ่านไปเกือบสัปดาห์แพรพิศคิดว่าสิ่งที่เธอลงทุนลงแรงทำไปคงเสียเปล่าแล้ว เพราะชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้ติดต่อเธอกลับมาตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้
หญิงสาวนอนมองโทรศัพท์มือถือในมือด้วยแววตาละห้อย ยากมากจริงๆ กับการที่จะตกปลาตัวใหญ่เช่นทายาทของห้างสรรพสินค้าดังได้ หรือเหยื่อเช่นเธอที่ใช้ตกนั้นก็ไม่ได้เป็นเหยื่อที่มีความพิเศษแต่อย่างใด
จริงสินะ หญิงสาวโนเนม ท่าทางก็ไม่ประสีประสา จะมีแรงดึงดูดให้ชายหนุ่มร่ำรวยและที่มีชื่อเสียงในสังคมปานนั้นให้กลับมาสนใจได้อย่างไร
หญิงสาวในชุดนอนพลิกตัวลุกขึ้นมาครุ่นคิดซ้ำอีก หรือเธอจะส่งข้อความไปหาทางอินสตาแกรมของเขาเอง ไม่ได้สิ ถ้าจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง เธออย่าเพิ่งใจร้อนดีกว่าอาจจะรอให้พ้นสัปดาห์นี้ไปจริงๆ แล้วค่อยกลับมาคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรกับชายหนุ่มคนนี้
แพรพิศวางโทรศัพท์ ลุกและเดินไปเข้าห้องน้ำ ครั้นกลับมาที่เตียงอีกครั้งก็หยิบโทรศัพท์มาดูสักรอบเผื่อจะได้ตัดใจแล้วเข้านอนไปเลย
ทว่า เมื่อสายตาได้แลเห็นสองสายที่ไม่ได้รับปรากฏขึ้นตรงหน้าจอก็ทำให้ดวงใจเธอเต้นแรงขึ้นมา
หญิงสาวรีบกดดูเบอร์ ก็เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักเสียด้วย หรือจะเป็นเขา ขณะที่ลังเลว่าจะเป็นฝ่ายโทร.กลับเจ้าของเบอร์นี้ดีหรือไม่ เผื่อจะเป็นชายหนุ่มที่มีนามว่าภัทรโทร.มา แต่แล้วเบอร์นี้ก็โทร.กลับมาอีกรอบ หญิงสาวตื่นเต้น จนไม่อาจระงับได้ เธอต้องขอเวลาตั้งตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำเสียงสั่น และให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นการกดรับสายทันทีเหมือนรอคอยเขาโทร.กลับมาอีก
และเมื่อทุกอย่างเข้าที่ เรียบร้อยเธอก็กดรับสายทันที
"สวัสดีค่ะ"
"คุณแพร"
"ค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ" ถามออกไปทั้งๆ ที่เธอจดจำน้ำเสียงของเขาได้
"ผม ภัทรที่เราเจอกันวันนั้นยังไงล่ะครับ ผมจะโทร. ถามเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับค่าเสียหายของโทรศัพท์ของคุณด้วย"
เขารีบแนะนำทันที แล้วเอ่ยอีก "ผมขอโทษจริงๆ ที่เพิ่งติดต่อกลับ คุณคงไม่คิดว่าผมจะเบี้ยวหรือปัดความรับผิดชอบอะไรหรอกใช่มั้ย"
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงกรี๊ด เพราะสิ่งที่เธอลงทุนทำไป เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางแห่งความสำเร็จแล้ว!
"อ๋อ คุณภัทรนั่นเอง จริงๆ แพรไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ วันนั้นแพรไม่ได้ไปหาหมอ ส่วนโทรศัพท์หน้าจอมีรอยแตกร้าว แพรก็เปลี่ยนใหม่แล้ว ตัวเครื่องไม่ได้รับความเสียหายอะไรหรอกนะคะ"
"แต่ยังไงผมก็อยากจะแสดงความรับผิดชอบนะครับ โดยเฉพาะโทรศัพท์ของคุณ"
"แต่ว่า..." เธอทำท่าจะปฏิเสธ
"นะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่สบายใจ"
เธอแกล้งถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะบอกเขาว่า "แพรเปลี่ยนหน้าจอไปด้วยเงินแค่หลักพันเองค่ะ"
"บอกเลขที่บัญชีคุณมาสิครับ ผมจะได้จ่ายให้เรียบร้อย"
หญิงสาวจึงบอกเลขบัญชีให้เขาไป
จากนั้นไม่นานเธอก็เห็นข้อความแจ้งว่ามีเงินจำนวนสองหมื่นบาทเข้ามา
เธอจึงรีบบอกเขาว่า "มากไปนะคะคุณภัทรแบบนี้แพรซื้อเครื่องใหม่ได้เลยนะคะ"
"ไม่มากหรอกครับ ให้ถือว่าเป็นค่าทำขวัญคุณด้วย เพราะวันนั้นผมจำได้ว่าคุณตกใจกลัวน่าดู" ภัทรพยายามให้เหตุผลให้เธอรับเงินก้อนนี้ของเขาไปอย่างไร้เงื่อนไข
"ค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ"
"งั้นฝันดีนะครับ"
"ค่ะ"
ก่อนที่เขาจะวางสายไป เขาบอกว่าเห็นไอดีไลน์ของเธอขึ้นมาที่เครื่องของเขา อย่างไรขอให้เธอช่วยรับแอดไอดีไลน์ของเขาไว้เป็นเพื่อนเธอด้วย
แพรพิศรู้สึกว่าการลงทุนของเธอไม่สูญเปล่า เมื่อรับแอดเขาเป็นเพื่อนทางไลน์เรียบร้อย ชายหนุ่มยังส่งสติ๊กเกอร์ฝันดีกลับมาอีก คนพวกนี้ร่ำรวยล้นฟ้าจริงๆ!
แพรพิศดูจำนวนเงินที่ภัทรโอนมาให้แววตานิ่งเฉย เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับจำนวนเงินเท่านี้เลย เนื่องจากเป้าหมายของเธอมันไม่ใช่เรื่องเงินแม้แต่น้อยนั่นเอง
วันนี้เป็นวันหยุด แต่เจ้านายผู้แสนจะเย็นชาของเธอก็ยังอุตส่าห์โทร.ตามให้เธอมาพบเขาที่บ้านตั้งแต่เช้า
แม้จะอิดออดไม่อยากลุกจากเตียงง่ายๆ เพราะเธออยากนอนตื่นสายสักวัน เนื่องจากการตื่นเช้าทุกวันร่างกายมันย่อมเกิดความเหนื่อยล้าสะสม แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเขา เธอก็จำต้องตื่น แล้วฝ่าการจราจรที่แน่นหนาในทุกวันมาพบเขาที่บ้านสุทธินาทจนได้
เมื่อมาถึง เขาไม่พูดอะไร พาเธอเดินตรงไปยังโรงเก็บรถที่มีนับสิบคัน ก่อนจะมาพาหยุดตรงหน้ารถเก๋งคันสีขาวคันหนึ่งแล้วบอกเธอเรียบๆ
"รถ ที่ฉันจะให้เธอเอาไปใช้ก่อน"
"คะ" เธออ้าปากค้างน้อยๆ สภาพของรถยังดูใหม่กริบเหมือนเพิ่งออกมาจากโชว์รูมรถได้ไม่นาน ยังไม่ทันจะถามอะไรเพิ่ม เสียงกังวานของเขาก็ถามด้วยความสนใจอีก
"แล้วเธอไปเรียนขับรถมาหรือยัง" เ
เธอละสายตาจากรถตรงหน้ามาตอบคำถามเขา "ยังค่ะ แพรยังไม่มีเวลา ทีแรกกะว่าจะให้คุณพีทช่วยสอน แต่คุณพีทก็..."
"ทำไมต้องรอแต่นายพีท โรงเรียนสอนขับรถมีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ลงเรียน"
ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการตำหนิตรงๆ เธอจึงไม่เถียง แล้วเขาก็ถอนหายใจ เอ่ยอีกว่า "งานของฉันรอไม่ได้นะแพรพิศ งานเลขาฯของฉันส่วนหนึ่งก็ต้องออกไปติดต่อผู้คนนอกสถานที่ด้วย เธอไม่มีรถใช้จะลำบาก ไม่เห็นหรือว่าบางวันคุณลินก็หายไปครึ่งค่อนวันก็มี"
เห็นไม่ใช่เธอไม่เห็น แพรพิศกลืนคำตอบนี้ลงไป แล้วเถียงเขาอ่อยๆ ว่า "แพรยังไม่มีเวลานี่คะ คุณเพิ่งมาบอกแพรไม่นานเองนะคะ"
อัคราถอนหายใจ "วันนี้เธอว่างมั้ย มีนัด หรือจะไปที่ไหนอีกมั้ย"
"ไม่ค่ะ"
"งั้นฉันจะสอนเธอขับรถเอง" เขาบอกเสียงขรึมๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นเขาอยู่ดี เพราะขืนรอให้เธอไปหาโรงเรียน กว่าจะได้ กว่าจะลงเรียนก็ช้าไปมาก เขาไม่อยากให้งานของเขาเกิดอาการสะดุดกับปัญหาเรื่องเพียงแค่นี้ อีกอย่างถ้าแม่ของมาลินีเกิดอาการไม่ดีไปกว่าเดิม สัปดาห์หน้า มาลินีอาจจะหยุดงานยาวไปเลย แล้วแพรพิศก็ต้องทำหน้าที่ทั้งหมดแทน