ชายหนุ่มเดินเข้ามาดูกองเอกสารที่วางเรียงรายบนโต๊ะทำงาน แววตาหรี่ลงด้วยประกายสุกใสเล็กน้อย ความจริง แพรพิศก็ทำงานนี้ได้ดีนะ และยอมรับว่าบางวันเขาก็จงใจให้บททดสอบเธอไปบ้าง เช่น การเอาข้อมูลเก่าๆ มาให้เธอช่วยย่อความให้สั้นกระซับได้ใจความ อัคราจึงได้เห็นว่าเธอมีทักษะทางด้านนี้ดีมาก สามารถทำได้ดีไม่มีตกหล่นเลย นึกว่าการที่เขาให้เธอไปเรียนต่างประเทศ กลับมาจะกลายเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่ได้เสียอีก โดยเฉพาะทักษะการอ่านไทย แล้วนำมาเขียนย่อความเสียใหม่ให้ได้ใจความสำคัญแบบนั้น
ชายหนุ่มหลุบมองแผ่นกระดาษที่เกลื่อนกลาดตรงหน้าอีกครั้ง ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่สายตาดันไปเห็นสิ่งหนึ่งที่ตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะทำงานนี้ เป็นลูกแก้วกลมๆ ใสๆ เขารู้สึกสะดุดตามากกับเจ้าลูกแก้วที่ข้างในมีภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
มือหนาเลยยกมันขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเผลอเขย่าเบาๆ ตาม จึงได้เห็นเกร็ดหิมะที่ตกตะกอนด้านล่างลอยฟุ้งเปล่งกระกายวิ้งวับขึ้นมา
และหัวคิ้วเข้มข้างหนึ่งของชายหนุ่มก็กดลงตาม เมื่อเห็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือเธอเองติดตรงฐานเจ้าลูกแก้วนี้
'ภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิค'
'อะไรของเธอ เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นภูเขาหิมะแท้ๆ'
แต่อัคราไม่ได้ติดใจอะไรมากไปกว่านั้น เขารีบวางลูกแก้วลงที่เดิมก่อนที่เจ้าของมันจะเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วเห็นเขาแอบหยิบของเธอขึ้นมาดูเสียก่อน
"วันนี้แพรยังไม่ว่าง ติดค้างคุณพีทเอาไว้ก่อนนะคะ"
แพรพิศกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับพิมานที่โต๊ะทำงาน ตอนนี้แม้จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่เมื่อเห็นว่างานที่มาลินีให้เธอช่วยทำยังไม่เสร็จ และใกล้จะเสร็จแล้ว แพรพิศจึงขอนั่งทำต่อให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับ แล้วพิมานก็ได้โทร.มาชวนเธอไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เนื่องจากเธอติดค้างเรื่องที่จะไปฉลองที่เธอได้งานทำแล้วกับเขาอยู่
พิมานถามกลับว่า "แพร มีนัดแล้วเหรอ"
เธอเงยหน้าขึ้นมาแผ่นกระดาษที่มีข้อความเรียงรายเป็นระเบียบตามแบบฟอร์ม เธอครุ่นคิดแล้วว่าจะตอบพิมาน "ก็ไม่เชิงว่ามีนัด เป็นมีธุระสำคัญต้องไปทำน่ะค่ะ"
ใช่ เป็นธุระสำคัญที่เธอต้องไปทำ
"งั้นว่างเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันนะ"
ขณะนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องทำงานของอัคราเปิดออกมาพอดี หญิงสาวเห็นร่างสูงกำลังก้าวออกมา จึงแกล้งพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณพีท เอาไว้แพรว่างแล้วเราค่อยไปทานข้าวเย็นด้วยกันอีก"
แล้วกดวางสาย ทำท่าจะก้มอ่านงานที่มาลินีให้ช่วยดูตัวสะกดอีกรอบ
"คุณลินกลับแล้วหรือ"
เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบ "ค่ะ คุณอัครอยากให้ทำอะไรหรือเปล่าคะ"
เขาโบกมือทำนองว่าไม่ต้องการอะไรแล้ว ก่อนจะถามร่างบางที่ยังนั่งตรงนี้ด้วยความสนใจ "แล้วนี่จะกลับหรือยัง"
"ยังค่ะ แพรว่าจะขอทำงานนี้ให้เสร็จ เหลืออีกนิดเดียว" แล้วทำท่ากลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ
"เธอขับรถเป็นหรือยัง"
เสียงของอัคราถามอีกครั้ง ทำให้แพรพิศเงยหน้าขึ้นมาส่ายหน้าเป็นคำตอบ "ยังค่ะ"
"งั้น ถ้าว่างก็ไปเรียนขับรถให้เป็นซะ งานเลขาฯ จะต้องมีรถใช้ถึงสะดวกคล่องตัว"
"แต่แพรยังไม่มี..." เธอจะบอกว่าเงินเก็บที่เธอมีอยู่ตอนนี้ไม่พอจะไปดาวน์รถหรือซื้อรถใช้หรอกนะ
"ฉันจะให้รถ... หมายถึงให้เธอเอาไปใช้ก่อน เพราะที่บ้านมีอยู่หลายคัน บางคันพี่สาวฉันซื้อไว้ก็จอดทิ้งไว้เฉยๆ แล้วฉันจะหาคันที่เหมาะกับเธอให้"
ในเมื่อเกี่ยวกับหน้าที่เธอจำต้องรับไปก่อนสินะ "ค่ะ"
อัคราพยักหน้าเบาๆ เขาจะกลับเข้าไปหยิบของในห้องแล้วเตรียมตัวกลับบ้าง ทว่า ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจพูดให้เขาได้ยินชัดๆ หรือเปล่า
"เอาไว้ให้คุณพีทสอนขับรถให้ดีกว่า"
อัคราหมุนตัวกลับไป เจ้าของคำพูดนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานตามเดิมแล้ว
เขาเอียงหน้าเล็กน้อย แต่คิดว่า ช่างเถอะ เรื่องของพวกเขานี่พิมานก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ ส่วนแพรพิศก็โตพอที่จะดูแลรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ถ้าสองคนนี่เขาจะคบหาดูใจกันก็ไม่แปลก
อัครารีบปัดความคิดวกวนที่เข้ามาก่อกวนในหัวนั่นทิ้งไปเสีย จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในภายในห้องทำงานทันที
ทางขึ้นที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เธอกำลังเห็นอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ จะถูกกันเอาไว้ให้เฉพาะคนในตระกูลที่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ใช้เท่านั้น
โดยปกติจะมีป้ายกั้นเอาไว้ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า แต่เมื่อมีคนของตระกูลจะใช้ ร.ป.ภ.ของห้างฯ ที่ยืนประจำแถวนี้จะรีบมาเลื่อนที่กั้นออกให้
ใจของเธอเต้นแรง เกิดมาไม่เคยต้องลงทุนทำอะไรแบบนี้มาก่อน ทั้งการดักซุ่ม และเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม เธอคำนวณแล้วว่า ยามที่รถขับลงมาและเลี้ยวออกมา ตรงนี้จะไม่ได้ใช้ความเร็วอะไรมากนักหรอก แต่กระนั้นก็อดที่จะตื่นเต้น และกังวลไม่ได้อยู่ดี
และแล้วเวลาที่เธอรอคอยก็มาถึง ร.ป.ภ. คนนั้นเดินมาเลื่อนที่กั้นออก แล้วปอร์เช คันสีน้ำเงินที่มีเพียงไม่กี่คันในประเทศนี้ก็แล่นลงมาช้าๆ โดยภายในรถมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งขับอยู่ เธอจึงตัดสินใจทันที
ภัทรกำลังขับรถลงจากที่จอดสำหรับบุคคลพิเศษ และเขาก็เห็นอยู่ว่าทางข้างหน้าไม่มีรถ และไม่มีใคร เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางเบาะข้างๆ มา ครั้นเงยขึ้นมาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดหน้ารถอย่างรวดเร็ว เธอหมุนตัวกลับมาดูอย่างตกใจ เขารีบเหยียบเบรก แล้วร่างบางนั้นก็ทรุดฮวบลงกับพื้น
"ชนมั้ย? แล้วโผล่มาจากไหนวะ!" ชายหนุ่มตกใจ รีบเปิดประตูลงไปดู พบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งก้มหน้าอยู่บนพื้น ผมยาวนั้นปกปิดใบหน้าทั้งหมด สภาพข้าวของที่ซื้อมาจากในห้างฯก็กระจายออกจากถุงผ้าเป็นบางส่วน
"เป็นอะไรมั้ยคุณ"
เธอส่ายหน้า ก่อนจะเงยหน้ามาดูข้าวของที่กระจัดกระจาย ส่วนมากเป็นอาหารแบบสำเร็จรูป ส่วนโทรศัพท์มือถือที่เธอถือหลุดจากมือแล้วตกกระเด็นไปอยู่ใต้ท้องรถหรู
ร.ป.ภ.ที่ยืนประจำตรงนี้รีบวิ่งเข้ามาดู
"คุณภัทรครับ"
"โทรศัพท์ค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับชี้ไปยังโทรศัพท์เครื่องนั้น ร.ป.ภ.จึงถอยกลับก้มลงมุดตัวไปหยิบเอาโทรศัพท์ของเธอให้
"คุณบาดเจ็บตรงไหนมั้ย"
"นิดหน่อยค่ะ" เธอตอบ เริ่มเก็บข้าวของที่กระจายตรงหน้าลงในถุงผ้า จากนั้นก็ลุกขึ้นมา แล้วปัดตรงหัวเข่าที่กระแทกกับพื้น พบว่ามีแผลถลอกไม่มาก มีเลือดไหลเล็กน้อย
ร.ป.ภ.ยื่นโทรศัพท์คืนให้ หญิงสาวรับมาพบว่าหน้าจอมีรอยร้าวที่เกิดจากแรงกระแทก
ภัทรเห็นวงหน้านั้นถนัดชัด ดวงตากลม ดวงหน้าเรียวเล็กได้รูป จมูกสวยได้รูป รับกับริมฝีปากบาง ผิวพรรณผุดผ่องในเดรสสีดำลายดอกกุหลาบสีแดง ที่ช่วยขับผิวเธอให้ดูกระจ่างขึ้นไปอีก
"ฉันต้องขอโทษคุณด้วยค่ะ เป็นความผิดฉันเองค่ะ ที่วิ่งออกมาไม่ดูรถให้ดีๆ" หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษเขา ชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวจัด หน้าตาแบบคนไทยที่มีเชื้อสายจีนผสมอยู่ เขาอยู่ในสูทหรูสีกรม ตอนนี้กำลังจ้องหน้าเธอแบบตาไม่กะพริบทีเดียว
ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วรีบบอกบ้าง "ผมเองก็ผิดที่มัวแต่ก้มหาของไม่เห็นคุณกำลังเดินข้าม" ก่อนจะเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
"เอาอย่างนี้" แล้วเขาก็เดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ของเขาที่อยู่ในรถมา
"เดี๋ยวคุณไปตรวจร่างกาย หรือทำแผลอะไรก็ได้เลย แล้วผมจะออกค่ารักษาพยาบาลให้"
"ไม่ต้องหรอกค่ะแผลเล็กน้อยมาก อีกอย่างฉันก็ผิดเอง" เธอปฏิเสธ ทำท่าทางเกรงใจเขาไปในตัว
"ไม่ได้หรอก เกิดคุณเอาเรื่องผมไปบ่นลงโซเซียลทีหลังว่าผมไม่รับผิดชอบ ผมเสียหายนะครับ ผมไม่ชอบดราม่าที่จะตามมาทีหลังอีก" เขาเอ่ยพลางทำหน้าเหนื่อยหน่ายเต็มทน สมัยนี้อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นดราม่าให้คนในสังคมรุมตัดสินหรือรุมประนาม ยิ่งได้มาอยู่ในฐานะคนมีชื่อเสียงในสังคมเช่นเขาด้วยแล้วมักจะเป็นเป้าได้ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไป เขาไม่ชอบเลยจริงๆ
แล้วภัทรก็ตัดสินใจแทนเธออีก "เอาแบบนี้แหละ เพราะผมจะรีบไปงานต่อ ขอเบอร์โทรศัพท์คุณด้วย"
เขาเอ่ย พร้อมกับให้เธอเห็นว่าเขาอยู่ในชุดสูทหรูทั้งตัวเพื่อเตรียมจะไปงานเลี้ยงที่แห่งหนึ่ง
"คะ?"
"ผมจะได้โทร.ถามว่าอาการคุณไม่เป็นอะไรมาก และค่าเสียหายของโทรศัพท์ที่แตกนี่เท่าไหร่ ยังไงล่ะครับ" ภัทรอธิบายอีก ก่อนจะเร่งเธออีกครั้ง "รีบๆ หน่อย ผมมีงานตอนสองทุ่มนะ"
"ค่ะ" แล้วหญิงสาวจำต้องให้เบอร์โทรศัพท์ไป และเขาก็กดตามอย่างรวดเร็ว
เมื่อเรียบร้อยก็เงยหน้ามาถามเธออีกว่า "คุณชื่ออะไร"
"แพรพิศค่ะ หรือจะเรียกว่าแพรก็ได้" เธอตอบ
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากน้อยๆ ทำการบันทึกทุกอย่างไว้เรียบร้อย "เอาไว้ผมจะติดต่อกลับเรื่องค่าเสียหายนะ"
แพรพิศพยักหน้ารับ เมื่อตกลงกันได้ดีแล้วเธอก็ขยับตัวออกไป
ชายหนุ่มก็กลับขึ้นไปนั่งบนรถอย่างรวดเร็ว ขณะขับผ่านหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยคนนี้ เขาก็เหลียวมองเธออีกครั้งพร้อมกับยิ้มตรงมุมปากไปด้วย
คล้อยหลังรถหรูคันดังกล่าว หญิงสาวหันกลับมายกมือไหว้ลุง ร.ป.ภ.ที่อุตส่าห์มุดเข้าไปหยิบโทรศัพท์ใต้ท้องรถออกมาให้เธอ
แล้วหันกลับไปมองท้ายทรงสปอร์ตคันนั้นอีกครั้งอย่างไม่กะพริบตาบ้าง เธอว่า ที่เธอลงทุนลงแรงในครั้งนี้คงไม่สูญเปล่าหรอกนะ แล้วก้มมองสภาพโทรศัพท์มือถือที่มีรอยร้าว กับหัวเข่าที่เริ่มมีอาการปวดระบมตามมา
ต้องไม่สูญเปล่าสิ เพราะเธอเดิมพันเอาไว้แล้ว