ตอนที่ 2 / 1

2259 คำ
เมื่อพูดคุยต่ออีกชั่วครู่ อัคราและพิมานก็พากันเดินออกจากบ้านมา พิมานกำลังจะกลับ ส่วนอัครามีธุระจะออกไปข้างนอกพอดี สองหนุ่มจึงเดินเคียงกันมา แต่แล้วทั้งสองก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะสินีกำลังเดินพร้อมทำท่าทางเหมือนมองหาอะไรตามสุมทุมพุ่มไม้อย่างนั้นแหละ  "ป้านีหาอะไร เหมือนกำลังมองหาลูกหมา ลูกแมวอย่างนั้นเชียว" พิมานเย้าอย่างคนอารมณ์ดีเป็นนิจเมื่อเห็นป้าแม่บ้านของที่นี่ทำท่าก้มๆ เงยๆ เหมือนก้มมองหาลูกหมาลูกแมวสักตัวตามพุ่มไม้                 สินีเงยหน้าขึ้นจากพุ่มไม้ ค้อนใส่คนหนุ่มตรงหน้าเสียหนึ่งทีตามประสาคนรู้จักและสนิทสนมกัน เพราะพิมานมาที่นี่บ่อยๆ เนื่องจากเป็นญาติสนิทของเจ้านายตน อีกอย่างบุคลิกของพิมานนั้นเข้าถึงง่ายกว่าอัครา ตรงที่เขาเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นอยู่เป็นนิจ  "หาลูกคนนี่แหละค่ะคุณพีท ลูกหมาลูกแมวบ้านนี้มีที่ไหน"          "อ้าว แล้วหาลูกใครล่ะนั่น" พิมานยังถามอีกด้วยความไม่เข้าใจนัก                                                                                                   "ก็ตามหาเด็กนั่นสิคะ ป้าจะเรียกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน เมื่อกี้ไปเคาะเรียกที่ห้องก็ไม่อยู่"                                                                        "เล่นอยู่แถวนี้รึเปล่า" พิมานถามแทนใครอีกคนข้างๆ           "ไม่มีค่ะ ป้าเดินหาแล้ว แต่เอะ ก่อนหน้าเด็กนั่นยังบอกป้าอยู่เลยว่าจะไปพบคุณอัคร เห็นว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณอัครอยู่นะคะ คุณอัครไม่เจอเหรอคะ"                                                                                 อัคราส่ายหน้า "ไม่นี่" แล้วหันไปสบตากับพิมานที่อยู่ข้างๆ            "หรือว่าเด็กจะได้ยินที่เรื่องที่เราสองคนคุยกัน" พิมานถามกลับ          แทนคำตอบ อัคราจึงเดินไปที่ห้องพักของแพรพิศ ตามด้วยพิมานและสินี ครั้นมาถึง เขาได้เคาะประตูสลับกับเรียกเธอ "แพร เธออยู่ข้างในมั้ย" "แพรพิศ"                                                                                   เมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ อัคราจึงเปิดประตูเข้าไปดูในห้องตามลางสังหรณ์      สินีเองก็รีบเดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วก็พบว่าเสื้อผ้าของแพรพิศที่เคยมีอยู่ในตู้ดูบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด                                                "เอ๊ะ ป้าจำได้ว่าเสื้อผ้าของหนูแพรมีมากกว่านี้นะคะคุณอัคร คุณพีท" จากนั้นรีบปิดตู้ แล้วหันมาถามเจ้านายอย่างขอความเห็น "หรือว่า...หนูแพรจะไม่อยู่ภายในบ้านหลังนี้แล้วคะ"                                           อัคราหันหลัง กึ่งวิ่งกึ่งเดินยังไปโรงรถทันที ตามด้วยพิมานที่รีบบอกตามหลังเขาด้วย                                                                     "ฉันจะขับรถวนดูแถวๆ นี้ให้ เผื่อเด็กนี่ยังอยู่แถวนี้"                          อัคราหันไปพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยตอบ "ชอบใจนายมากนะพีท" จากนั้นรีบวิ่งไปซุกตัวลงในรถยนต์ของตนโดยทันที     อัครารู้สึกหัวเสียมาก ตั้งแต่มีเด็กนี่เข้ามาในชีวิต ชีวิตของเขาก็พบแต่ความวุ่นวาย อย่างในคืนนี้ แทนที่เขาจะได้ออกไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนฝูง กลายว่าเป็นต้องมาขับรถตามหาเธอไปตามท้องถนนแทน           นึกแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมเด็กคนนี้ช่างใจกล้าทำอะไรบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ หนีออกจากบ้านไปโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ เลย  และระหว่างขับรถเขาก็คอยประสานงานกับพิมานตลอด จึงทราบว่า ทางนั้นเองก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ของเธอเช่นกัน                                    คิดผิดจริงๆ ที่ให้อรพิมเข้ามาพักในบ้านในคืนนั้น ไม่นึกเลยว่าจะนำมาซึ่งความปั่นป่วนเข้ามาในชีวิตถึงเพียงนี้ อยู่ดีๆ ก็ทำท่าว่าจะได้เลี้ยงลูกคนอื่นเฉย                                                                               เธอจะไปไหน ไปหาใคร ในเมื่อเธอก็ไม่พบใครอีกแล้วที่นั่น นึกพลางเขาก็ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดพลาง และตอนนี้อัคราก็นึกถึงดวงหน้าแห้งตอบของหญิงสาวอีกคน                                                  พิมพ์ ถ้าคุณยังอยากให้ลูกสาวตัวเองปลอดภัย ก็ช่วยมาบอกผมหน่อย ว่าลูกคุณจะอยู่ที่ไหนได้บ้าง                                        อัคราก่นว่าไปถึงหญิงสาวผู้หาชีวิตไม่คนนั้น ขณะที่นึกในใจ ภาพตรงสะพานข้ามแม่น้ำที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเขาก็ผุดขึ้นมา หัวคิ้วเข้มทั้งสองของเขาขมวดเข้าด้วยกันทันที หรือว่า แพรพิศกำลังจะไปที่นั่น  ว่าแล้ว อัครารีบทำการเปลี่ยนเส้นทางทันที ไปตามลางสังหรณ์บางอย่างที่ปรากฏขึ้นมาในเวลาคับขันนี้ แพรพิศกำลังเดินกอดกระเป๋าเป้ใบเล็กที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้สองสามชุด พร้อมกับคอยกวาดสายตามองรอบๆ ตัวด้วยความหวาดระแวง อีกไม่ไกลเธอจะไปถึงสะพานที่แม่ของเธอใช้จบชีวิตที่นั่นแล้ว                                                                      หลังจากออกจากบ้านหลังนั้นมา แพรพิศยังไม่ได้ไปไหนไกลนัก เพราะเด็กหญิงนึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนได้อีก เนื่องจากเธอไม่รู้จักใครในกรุงเทพฯ อีกแล้ว                                                         ขณะนั้นก็นึกถึงแม่ คิดถึงท่านขึ้นมาอย่างจับใจ และนึกได้ว่าสะพานที่แม่ของเธอใช้กระโดดน้ำอยู่ไม่ห่างจากที่นี่เลย จากนั้นแพรพิศก็เริ่มต้นเดินไปที่สะพานนั้นทันที                                                 ขณะที่เดินด้วยความหวาดกลัวอยู่ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังใกล้เข้ามา เด็กหญิงรีบหันกลับไปดูด้วยความตกใจกลัว         แต่ไม่ทันจะดูว่าเป็นใคร มือข้างหนึ่งของเธอถูกใครคนนั้นมากระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาก่อน                        เด็กหญิงช้อนสายตามองอย่างตกตะลึง เป็นเวลาเดียวกับดวงหน้าคมคายและเต็มไปด้วยความถมึงทึงโน้มต่ำลงมาถามเธอทันที                      "ทำไมถึงทำแบบนี้!"                                             "คุณอัคร!"                      แพรพิศอุทาน ไม่ทันจะถามว่าเขามาได้อย่างไร ตัวบางๆ ของเธอก็ถูกเขาลากไปยังรถยนต์ที่เขาจอดเอาไว้ริมทางไม่ห่างจากจุดนี้                "เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่! "                                              อัคราลากตัวเด็กดื้อมาถาม เกือบจะเป็นตะคอกถามแล้ว เธอหนีออกมา สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด แล้วนี่ถ้าเขาตามหาตัวไม่เจอล่ะ นี่กะจะสร้างตราบาปให้เขาทั้งแม่ทั้งลูกเชียวหรือ                       "ก็คุณจะพาหนูไปส่งให้พ่อนี่ หนูไม่ไปค่ะ"                               อัคราปล่อยแขนเด็กลงเมื่อมาถึงรถ เขาไม่ฟังเสียงเล็กๆ นั่นอธิบายอะไร รีบเปิดประตูรถออก สีหน้าแววตายังเต็มไปด้วยความโกรธดุจเดิม แพรพิศมองไปภายในรถที่เขาจะให้เธอขึ้นไปนั่ง เธอหวาดกลัวว่า เขาจะพาเธอไปที่บ้านของพ่อแทน จึงไม่ยอมก้าวขึ้นไปนั่งในรถอย่างง่ายๆ เด็กหญิงรีบบอกด้วยน้ำเสียงอันร้อนรนอีกครั้ง                            "ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำแบบนั้นได้มั้ยคะ แพรไม่อยากไปอยู่กับพวกเขา พวกเขาไม่ได้มองแพรเหมือนคนรู้จักกันเลย เขามองแพรกับแม่ด้วยสายตาดูถูก คุณเคยถูกใครมองแบบดูถูกมั้ยคะ ถ้าเคยคุณจะรู้ว่ามันเจ็บปวดมาก แพรไม่ต้องการ ถ้าคุณจะทำอย่างนั้น งั้นก็ส่งแพรกลับไปอยู่ที่บ้านสวนเสียดีกว่า"    "อย่างไรพวกเขาก็เป็น..." อัครากัดฟันเอ่ยบ้าง หลังจากฟังคนตัวเล็กเอ่ยอยู่นาน                                                             "แต่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงแพรมานี่คะ พวกเขาก็เหมือนคนที่แพรไม่รู้จัก พวกเขาคือคนแปลกหน้า แพรอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ"                "ฉันก็เป็นคนแปลกหน้าของเธอนะ" อัครารีบแย้งเสียงเข้ม         แพรพิศพูดไม่ออก ดวงตาเด็กหญิงเศร้าสลดลง แล้วค่อยๆ หลุบมองดูพื้น น้ำตาคลอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะนึกอะไรได้ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาแย้งเขาอีก "แต่คุณก็ไม่ได้ใจร้ายกับแพรเหมือนพวกเขานี่คะ"      "รู้ได้ยังไง ว่าฉันไม่ใจร้าย"                                      "เพราะถ้าคุณใจร้าย คงไม่ออกมาตามหาแพรอย่างนี้หรอก คงปล่อยให้แพรตายข้างถนนไปแล้ว"                                       อัคราเท้าสะเอว ถอนหายใจพรืด อรพิมเลี้ยงลูกสาวมาอย่างไรให้กลายมาเป็นคนที่ช่างต่อปากต่อคำได้ดีเหลือเกิน เขาไม่พูดอะไรอีก ขี้เกียจยืนต่อปากต่อคำกับเธอ ยามนี้ใครผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองเขาและเด็กนี่ด้วยสายตาแปลกๆ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นกวักมือเรียกให้เธอขึ้นรถไป "ขึ้นรถ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"    "คุณก็สัญญากับแพรมาก่อนสิคะ ว่าจะไม่คิดพาแพรไปส่งให้คนบ้านนั้นอีก"                                                                    อัคราปากหนัก เขาหันหน้าหนี ไม่ยอมมองหน้า ไม่สบตากับเด็กที่ทำหน้าม่อย แววตาสลดตรงหน้า                                 "งั้นหนูก็ไม่ไปกับคุณค่ะ"                                                  "อะๆ ก็ได้ ขึ้นรถ ฉันไม่พาเธอไปอยู่กับคนบ้านนั้นก็ได้ พอใจหรือยัง" อัคราเริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้แล้ว จึงยอมตกลงกับเด็กนี่ไปก่อน                   แพรพิศยิ้มกว้าง ดีใจจนแทบจะกระโดดไปกอดเขาด้วยความลืมตัว เด็กหญิงรีบก้าวขึ้นไปนั่งในรถ พร้อมกับจับตามองชายหนุ่มที่เดินอ้อมไปอีกด้านก่อนจะกระชากประตูเข้ามานั่งในรถตาม                        "ให้หนูอยู่ที่บ้านคุณ ให้หนูทำงานบ้าน หนูทำได้หมด รีดผ้าซักผ้า หนูก็ทำได้"                                                                พอเขาเข้ามานั่งในรถ เด็กนี่ก็เริ่มทำการต่อรองอีก แต่ดีที่มีสายโทร.เข้ามาเสียก่อน แพรพิศเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารีบกดรับโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงห้วนๆ ตาม  "พีท ฉันเจอแล้ว" ก่อนจะเหลือบมาดูหน้าเด็กหญิงแวบ แล้วหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ                                                               " นายไปเจอที่ไหน"                                                       "ที่เดียวกับที่แม่ของ..." อัคราเว้นไว้ พิมานก็เข้าใจว่าเป็นที่เดียวกับที่แม่ของเด็กคนนี้เลือกจะจบชีวิตตรงนั้น                                       "ค่อยโล่งอก งั้นฉันจะได้กลับบ้าน"                             "อืม ขอบใจนายมาก ไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ ที่เหลือฉันจะจัดการเอง"                                                                                     "งั้นแค่นี้นะ" จากนั้นพิมานก็กดวางสายไป อัคราเหลียวมองหน้าตาของเด็กแวบ ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะรีบขับรถออกไป "หนูทราบว่า แม่เอาโฉนดที่ดินให้คุณแล้ว"                                  จู่ๆ เธอก็พูดถึงเรื่องโฉนด ทำให้อัครายอมละสายตาจากทางข้างหน้า แล้วหันไปมองเธออีกแวบหนึ่ง "เธอรู้เรื่องโฉนดที่ดินพวกนั้นได้ยังไง หรือว่าแม่ของเธอบอกเรื่องโฉนดที่ดินไว้หรือ"                              แพรพิศส่ายหน้าปฏิเสธก่อน แล้วอธิบาย "หนูได้ยินที่พวกคุณคุยกันหมดแล้วค่ะ แสดงว่าแม่ก็ไม่ได้ให้คุณเลี้ยงหนูฟรีๆ นี่คะ แลกกับโฉนดพวกนั้น คุณเอาโฉนดไป แล้วให้หนูอยู่กับคุณต่อนะคะ"                    อัคราถอนลมหายใจอีกพรืด เขาไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับเธออีกแล้ว จากนั้นก็ตั้งใจขับรถมุ่งหน้าพาเด็กคนนี้กลับเท่านั้น      แพรพิศเองก็รู้ว่าเขาไม่สบอารมณ์กับเธอ จึงยอมสงบปากสงบคำ แล้วนั่งรถกลับบ้านไปกับเขาท่ามกลางความเงียบงันที่ปกคลุมคนทั้งสองแทน      เมื่อแพรพิศกลับมาถึงบ้านก็พบว่า ข้าวของของเธอถูกย้ายขึ้นมาไว้ห้องชั้นบนของบ้าน ไม่ใช่ห้องนอนคนใช้เหมือนเดิมอีกแล้ว และทันทีที่เห็นป้าสินีที่ยืนรอเธอกลับมา เธอก็ตรงเข้าไปยกมือไหว้ขอโทษ ที่ทำให้ป้าสินีเป็นห่วง และอีกฝ่ายก็ไม่โกรธเด็กหญิงหรอก เพราะเข้าใจว่าเธอเพิ่งเจอเรื่องสะเทือนใจมา คงรู้สึกอ้างว้าง หวาดกลัวต่อชะตาชีวิตที่ไม่มีแม่คอยปกป้องอีกแล้วนั่นเอง                                                                  ส่วนอัคราก็ไม่พูดอะไรเช่นเดิม ท่าทางเขาหัวเสียไม่หาย เพราะตลอดเวลาที่หยุดพูดกันตั้งแต่นั่งในรถ ชายหนุ่มก็แทบไม่มองหน้าเด็กหญิงคนนี้ด้วยซ้ำ ครั้นเดินเข้ามาในบ้านก็เพียงสั่งให้สินีหาผ้าเย็นกับน้ำแข็งเพื่อให้เขาใช้ประคบหน้าผากแก้ปวดหัว แล้วเดินผ่านเด็กหญิงแบบไม่ยอมมองหน้าเหมือนเดิม                                                        สินียิ้มอ่อน ที่เจ้านายหนุ่มร้องขอน้ำแข็งกับผ้าเย็นแก้ปวดหัว ก่อนจะเดินตรงไปยังสาเหตุคนที่ทำให้อาการปวดหัวของเขากำเริบ บอกแพรพิศว่า "ต่อไปนี้หนูก็ย้ายขึ้นไปอยู่ห้องชั้นบนแล้วนะ"     แพรพิศรู้สึกตื่นเต้น เอ่ยปากถามทันที "แสดงว่าคุณอัครยอมให้หนูอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ยคะ คุณอัครไม่คิดจะพาหนูกลับไปหาพ่อแล้วใช่มั้ยคะ"                                                                                                           สินีส่ายหน้าเป็นคำตอบแรก ดวงหน้าเรียวเล็กที่เพิ่งดูมีความสุขขึ้นพลอยสลดลง "ป้าก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าคุณอัครบอกให้ย้ายข้าวของของหนูไปเก็บไปที่ห้องชั้นบนก่อนน่ะ"                                                แพรพิศถอนหายใจ พร้อมกับก้มหน้าลง เขาจะใจแข็งกับเธอไปอีกนานเท่าไหร่กัน                                          
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม