ข้าก็เป็นเพียง...คนยบาปผู้หนึ่งเท่านั้น

3199 คำ
และในค่ำคืนก่อนวันเดินทางไปรับตัวเจ้าสาวจากบ้านเดิมของใต้เท้าอู๋…ที่หอมวลบุปผานับหมื่น…ยังแคว้นฉางโจว...อาณาจักรเทียนหนิง...อีกสามวันข้างหน้า  บัดนี้ภายในห้องชั้นสองซึ่งเอาไว้ต้อนรับแขกกระเป๋าหนักจ่ายงาม บัดนี้มีสามบุรุษในอาภรณ์เรียบง่ายทว่าดูหรูหรา ถึงไร้เครื่องประดับใดทว่าพวกเขาทั้งสามกลับดูมีสง่าราศี จนเหล่าสาวงามยังหอพันบุปผาอยากจะถูกเรียกหาให้ไปปรนนิบัติกันแทบตายแล้ว แต่ที่ดูสะดุดตาโดดเด่นกลับเป็นบุรุษผมขาวที่ดูเช่นไรก็หล่อเหลามิได้แก่เฒ่าดังสีของเส้นผมแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามสีผมนั้นกลับยิ่งส่งให้เขาดูสุขุมชวนค้นหากว่าสหายอีกสองคนของเขาเป็นอย่างยิ่ง  “เจ้าดูว่างงานเกินไปหรือไม่คุณชายเซี่ยจอมเสเพล จึงได้หาเรื่องนัดข้ากับเหล่าเหล่ยมาจิบสุราดอมดมบุปผาไกลจนถึงแคว้นฉางโจวเช่นนี้...ช่างสมกับเป็นเซี่ยจอมเสเพลเสียจริง”  เป็นหูเตี๋ยนผู้ครอบครองสมญานาม 'จิ้งจอกเฒ่าเจ้าสำราญ' เหล่าหูท่านรองบัญชาการหน่วยพยัคฆ์ดำ ซึ่งกำลังนัวเนียกับดรุณีหุ่นอรชรผิวขาวผ่องสองนาง ผู้หนึ่งป้อนสุรา ส่วนอีกนางป้อนกับแกล้มเอ่ยถามสหายรุ่นน้องน้ำเสียงเนิบนาบ  “เปล่า…ข้าเพียงเหม็นความรัก…เบื่อพวกคลั่งภรรยาเด็ก!”  ยิ่งเอ่ยคนอยากถูกท่านลุงบังคับแต่งภรรยา ก็ให้เดือดดาลยิ่งนักที่ตาเฒ่าเซี่ยผู้นั้นเอาแต่หลงมัวเมาแต่กับเหล่าชายบำเรอ จนถึงกับหลงลืมเรื่องที่จะจัดหาว่าที่ภรรยาให้หลานชายสุดประเสริฐเช่นตนเองไปเสียได้  ...ช่างสมควรตายโดยความละอายสักหมื่นครั้ง! ...  เพียงนึกภาพของหย่งจงหวางที่วันทั้งวันหากไร้ราชกิจ ก็มักไปออดอ้อนหย่งจงหวางเฟย คิดแต่จะปั้นลูกหมูน้อยมาเพิ่ม คนไม่อยากโสดทว่ากลับยังหาสตรีที่พึงใจมาร่วมห้องหอมิได้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งพาล อารมณ์หงุดหงิดจนหน้าตามืดครึ้มไปเกินสิบส่วน ก็พลันยิ่งแค้นใจต่อโชคชะตารักอันอาภัพของตนเองเสียนักที่มิอาจคาดเดาได้เลยว่า…ว่าที่มารดาของบุตรตนเองนั้นโกรธเคืองอันใดเขานัก จึงไม่มาถือกำเนิดเสียที!  ครั้นพอเขาคิดอยากหลบไปหาสุราดื่มให้จิตใจสงบเลิกฟุ้งซ่านยังไร่ชิงสุ่ยของสหายรักเช่นหวงอี้จือ  กลับยิ่งช้ำใจเพิ่มพูน หมอนั่นกำลังประคบประหงมหวงฮูหยินน้อยที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด จนมิใส่ใจสหายรักเช่นเก่าก่อนเสียแล้ว  …หึ๊ย…นั่นก็อีกหนึ่งผู้มันช่าง…น่าตายนัก! ...  ยิ่งคิดคนอยากมีภรรยามาอวดโฉมโชว์ความหวานกับเขาบ้างก็ยิ่งช้ำใจ!  “แล้วมันมาเกี่ยวข้องอันใดกับต้องมาหาสุราดื่มไกลจนถึงฉางโจวหรือเหล่าจั๋ว”  คนที่ชาตินี้ตั้งปณิธานมั่นคงว่าจะอยู่เป็นชายโสดเสพสุขกับสุราผสานนารีไปเช่นนี้ จวบจนลงโลงศพถูกฝังนั่นเลย พอได้ฟังคำตอบวกวนเช่นนั้น จึงไม่เข้าใจเจ้าคนอารมณ์แปรปรวนเช่นใต้เท้าเซี่ยจอมเสเพล  ...หรือเจ้าจอมเสเพลจะเข้าสู่วัยใกล้หมดรอบเดือนไปเสียแล้วนะ...  "ก็ที่นี่มีเพียงชายโสด ข้าจึงอารมณ์ดีมิเหม็นความรักเช่นไรเล่าเหล่าหู"  กล่าวแล้วเซี่ยเสิ่นจั๋วก็อ้าปากรับเอากับแกล้มเคี้ยวกร้วม ๆ คล้ายมีแค้นกับเจ้าเป็ดอบน้ำผึ้งมาหลายสิบชาติก็มิปาน หูเตี๋ยนจึงขบขันจอมเสเพล  "เจ้าอาจไม่เหม็นความรัก แต่เกรงว่าข้าคงได้เหม็นกลิ่นคาวความใคร่ของพวกเจ้าแทนกระมัง"  คนที่ศีรษะมีผมขาวโพลน ยกจอกสุราขึ้นดื่มหลังจากกล่าวจิกข่วนสองสหายพอหอมปากหอมคอ ก็ย่อมรู้ หากมาพบกันยังสถานที่เช่นหอนางโลมเช่นนี้ ราตรีที่เหลือก็ล้วนยาวไกลไปจนหากท้องฟ้าไม่สว่างย่อมมิได้มุ่งหน้ากลับจวนกันทั้งสามเป็นแน่  "ว่าแต่เมื่อสามวันก่อน ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าไปเยี่ยมเยียนอดีตคู่หมั้นมา...คิดอันใดอยู่ ก็มิใช่เจ้ารู้มาแต่แรกแล้วมิใช่หรือ ที่สตรีมากรักนางนั้นสวมเขามากว่าสามหนาว ไยจึงกลับไปหานางอีกกันเล่าเหล่าเหล่ย"  เซี่ยเสิ่นจั๋วนั้นนับว่าสนิทกับอู๋เหล่ยมากที่สุดแล้วในสหายทั้งสี่แห่งหน่วยพยัคฆ์ดำ เรื่องราวน่าละอายเช่นนี้เขาจึงรู้แจ้งมากกว่าทั้งหวงอี้จือและหูเตี๋ยน ที่ไม่ใช่พวกชมชอบยุ่งเรื่องใต้เตียงชาวบ้านเช่นเขานั่นเอง  "แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่าเหล่าจั๋ว"  นอกจากไม่ตอบคำถามเจ้าก้อนหินพูดได้ กลับย้อนถามเสียอย่างนั้น เซี่ยเสิ่นจั๋วให้ระอาใจต่อมนุษย์ผู้นี้เสียจริง  …จะไร้อารมณ์เกินไปหรือไม่…  "เช่นนั้นเจ้าก็คงจะไปคิดบัญชีแค้นกระมัง...สังหารสามีนางจากนั้นก็จับนางมาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงหึ…หึ…หึ…"  อู๋เหล่ยกลอกตาเบื่อหน่ายเจ้าคนชอบไปฟังนิทานประโลมโลกยังโรงงิ้ว แล้วเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังเช่นจอมเสเพลแห่งหน่วยพยัคฆ์ดำตรงหน้าอย่างยิ่ง  "เจ้าเสียสติหรือ สตรีที่มีบุตรแล้วตั้งสองกับยังอยู่ในครรภ์อีกหนึ่ง รถม้าทั้งขบวนวิ่งผ่านได้เช่นนั้น...ยี๊...ขนลุก…"  เหล่าสาวงามถึงกับแอบมองหน้ากัน ด้วยมิคาดเหล่าคุณชายรูปงามทั้งสามในยามอยู่ในที่รโหฐานกลับปากร้ายยิ่งกว่าพวกนางที่เป็นหญิงนางโลมเสียอีก  ...บุรุษเหล่านี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว...  "ข้าเพียงไปเป็นคนบาปเท่านั้น หาใช่คนเถื่อนมากราคะเช่นเจ้านะเหล่าจั๋วเอ๋ย"  ...พรวด...  ...พรืด...  ...แค๊ก...แค๊ก...แค๊ก...  สองสหายถึงกับสำลักสุราหน้าตาแดงก่ำ เพราะคาดไม่ถึงคำตอบจะน่าขวัญผวาถึงเพียงนั้น  "นี่เจ้า...คงมิใช่ทำเช่นที่เซี่ยจอมเสเพลคาดเดาใช่หรือไม่เหล่าเหล่ย…ไม่นะ…"  หูเตี๋ยนไม่คิดว่าคนที่บัดนี้เป็นถึงหนึ่งท่านอาจารย์อาวุโส สำนักฝึกสอนองครักษ์หลวงยังค่ายฉางโจว แห่งนี้ และดำรงตำแหน่งผู้บังคับการหน่วยองครักษ์หลวงฝ่ายเสนาธิการ จะสิ้นคิดหน้ามืดตาบอดไปแย่งชิงสตรีที่มีสามีและบุตรไปแล้วไปได้ แต่ว่า...อันใดคือไปเป็นคนบาปกันเล่า...  "สตรีเช่นจ้าวอ้ายฉีมิมีค่ามากถึงเพียงนั้น...ที่ข้าบอกว่าไปเป็นคนบาปก็เพียงเอาเกี้ยวเจ้าสาวไปขัดขวางคนที่กำลังคิดจะหันหน้าเข้าสู่อารามซือไท่6 ก็เท่านั้น"  "ห๊า!”  “ฮ๊ะ! "  ทั้งหูเตี๋ยนและเซี่ยเสิ่นจั๋วถึงกับผลักสาวงามที่กำลังลูบไล้และทั้งควักทั้งล้วงจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง เมื่อได้ฟังว่าเจ้าก้อนหินเดินได้มันจะถึงกับก้าวหน้าไปถึงขนาดคิดสึกซือไท่ ล้ำหน้าพวกพ้องเช่นนี้ย่อมยากจะยอมกันได้!  ...ปัง! ...  ...ปัง! ...  "เป็นอารามใดกัน!”  “เป็นอารามซือไท่ที่ใดกันเล่า?"  สองเสียงประสานดูจริงจังอย่างยิ่ง   ...เรื่องทำดีสร้างกุศลอย่าได้ไปชวนเจ้าสองคนนี้เป็นอันขาด ทว่า...เรื่องทำชั่วสร้างบาปมิต้องเอ่ยปากชวนเจ้าจอมเสเพลแห่งเฮยหู่ และจิ้งจอกเฒ่าเจ้าสำราญนามหูเตี๋ยนล้วนอาสาแข็งขัน...  "นางหาใช่ซือไท่...นางเพียงจะไปอาศัยอารามแห่งนั้น ถือศีลสร้างกุศลให้แก่บิดาและมารดาผู้ล่วงลับเพื่อไว้ทุกข์หนึ่งหนาว แต่พวกเจ้าก็ย่อมรู้หากข้าพึงใจสตรีใด เจ้าคิดว่าข้าจะยินดีรอนางให้ไว้ทุกข์จนครบหนึ่งหนาวหรือไรเล่า"  เอ่ยเนิบนาบแล้วก็ยกจอกสุราขึ้นจิบมิยินยอมให้เหล่าสาวงามเข้ามานัวเนียพัวพัน ซึ่งนี่คือส่วนเดียวที่ไปคล้ายกับหวงอี้จือคือหากต้องการปลดปล่อยก็ทำเพียงเสร็จกิจเท่านั้น ทว่าก่อนหรือหลังจากปลดปล่อยกำหนัดไปแล้ว เขาและหวงอี้จือจะไม่ชอบอย่างยิ่งที่สตรีเหล่านั้นจะมาลูบไล้ล้วงและควักและสัมผัสร่างกายตนเองเช่นที่เซี่ยเสิ่นจั๋วกับหูเตี่ยนนิยมชมชอบ  "ว๊า...ว่าแต่...แม่นางผู้นั้นเป็นผู้ใด...เป็นบุตรสาวตระกูลใดแล้วนาง...คงงดงามมากใช่หรือไม่เจ้าถึงกับยินยอมเป็นคนบาปเช่นนั้นน่ะเหล่าเหล่ย"  ย่อมสมกับเป็นเซี่ยเสิ่นจั๋วผู้รู้ทุกเรื่องใต้เตียงของชาวบ้าน จะนิ่งเฉยไม่ไต่ถามเอาความจริงไปได้  "นางมิใช่สาวงาม...ที่ข้าพึงใจเพราะนางดูคล้ายหวงฮูหยินน้อย...หมายถึงรูปร่างน่ะ"  สองสหายถึงกับตาโตเท่าไข่เป็ดทันที  "นี่เจ้า?! ...มิใช่ว่าไปแอบพึงใจต่อภรรยาของสหายเช่นนั้นหรือเหล่าเหล่ย!? "  หูเตี๋ยนเร่งพยักหน้าหงึกหงักว่าเขาก็อยากถามคำถามนี้ต่ออู๋เหล่ยเช่นกัน  "เปล่า...เพียงแต่หนาวนี้ท่านย่าของข้าก็เจ็ดสิบสองหนาวเข้าไปแล้ว...ท่านย่าของข้ามาบ่นทุกวันที่พบหน้าว่าต้องการเหลนเอาไว้ชื่นชมก่อนจะลาจากโลกนี้ไป แล้วข้าก็เห็นว่าหวงฮูหยินน้อยนางเป็นสตรีซึ่งมีรูปกายอวบอัด เพียงตกแต่งให้แก่หวงอี้จือยังมิทันครบ 2 หนาว นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ข้าจึงคิดว่าคุณหนูเก้าสกุลกู้เหมาะจะมาเป็นแม่พันธุ์ให้ข้าผลิตทายาทสกุลอู๋ ทดแทนคุณท่านย่าและบรรพบุรุษก็เท่านั้น"  ….จ้องเขม็ง….จ้องแน่วแน่….จับจ้องเอาตาย!...  พอได้ฟังคำกล่าวที่แสนจะเนิบนาบ ฟังคล้ายกับว่าที่ใต้เท้าอู๋เอ่ยมาทั้งหมด มันเป็นเพียงเรื่องแสนจะธรรมดาเช่นกินข้าวกับสิ่งใด หรือกำลังเล่าว่าเมื่อหลายวันก่อนอากาศในฉางโจวเป็นเช่นไรบ้างอย่างไรอย่างนั้น สองสหายจึงมองเจ้าก้อนหินเดินได้แน่วแน่  ก็ขนาดบุรุษกร้าวแกร่งเช่นจอมเสเพลเซี่ยเสิ่นจั๋วและจิ้งจอกเฒ่าเจ้าสำราญเช่นหูเตี๋ยน ได้ฟังยังรู้สึกว่าสตรีซึ่งถูกอู๋เหล่ยกล่าวถึง นางช่างโชคร้ายอย่างยิ่ง แต่ด้วยรู้จักคุ้นเคยกันดีจึงสงสัยทุกคำของสหายทว่าไม่ไต่ถามอันใด  …ก็เจ้าก้อนหินเฒ่ามันเคยเป็นหลานกตัญญูเช่นนั้นเมื่อใดกัน หากมันคิดได้เกรงว่าดวงตะวันคงได้ย้ายที่เริ่มต้นเสียเป็นแน่…  หากแต่ผู้ย่อมไม่รู้แจ้งเรื่องภายหลังจวนของใต้เท้าอู๋เช่นนั้นแล้ว เหล่าสาวงามที่มีโอกาสได้มาฟังเหล่าคุณชายทั้งสามพูดคุย จึงถึงกับต้องมองคุณชายผมสีเงินยวงเจิดจรัสงดงามนี้เสียใหม่ ว่าเขาช่างน่ากลัวอย่างยิ่งเพราะทั้งฝีปากร้ายและใจทมิฬเกินจะต้านจริงแท้  ...กล่าวมาได้เช่นไรกันว่าคิดนำนางมาเป็นเพียงแม่พันธุ์ผลิตทายาทรุ่นต่อไปของสกุลอู๋...  ...ช่างใจเหี้ยมกับสตรีเกินไปแล้ว...  "ข้าขอถามเจ้าอีกคำเถิดก้อนหินเฒ่า...ที่เจ้าคิดจะตกแต่งนางนั้น มีเพียงคิดเอานางมาผลิตบุตรจริงหรือ? ...มิมีพึงใจในกายนางสักน้อยหรอกหรือ...หรือแท้จริงมีเหตุที่มากกว่านั้นกันแน่"  หูเตี๋ยนเอ่ยถามสหายด้วยมีหลายสิ่งติดค้าง เพราะเช่นไรเขาก็ยากจะเชื่อไปได้ว่าคนเช่นเจ้าก้อนหินเฒ่ามันจะคิดตกแต่งภรรยาตามใจของอู๋ฮูหยินผู้เฒ่าไปได้ ต่อให้มันไปอมภูเขาเทียนซานมาพูดทั้งลูกเช่นไรเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ทว่าเรื่องนั้นเขาจะสอบถามอีกที หากแต่จะเช่นไรการตกแต่งภรรยาสักนางหาใช่เรื่องล้อเล่น เอามาสร้างสถานการณ์กับชีวิตสตรีนางหนึ่งเขานั้นไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  เพราะที่เขามิคิดตกแต่งให้สตรีใด มาบัดนี้หูเตี๋ยนนั้นรู้ใจตนเองดีว่าเขานั้นมิอาจหยุดที่สตรีนางเดียวได้เช่นนี้ ใต้เท้าหูเขาจึงตั้งใจว่าจะไม่มีครอบครัวไปจนสิ้นลมหายใจนั่นเลยทีเดียว สาเหตุก็มาจากอดีตของเขามันหาได้สดใสนัก พอมาได้ฟังความคิดของสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมา นับกว่าสิบหนาวกำลังจำลงมือเลือดเย็นต่อสตรีนางหนึ่ง เขาจึงรู้สึกไม่ดีนัก ไม่ว่าสาเหตุแห่งวิวาห์นี้แท้จริงจะเป็นสิ่งใดก็ตามหากไม่ใช่การร่วมเรือนกันด้วยความรัก หูเตี๋ยนล้วนไม่สนับสนุนทั้งสิ้น  "ไม่มีอย่างอื่น...ข้าเพียงพึงใจรูปร่างของนางเท่านั้น และหากภายในหนึ่งหนาว นางมิอาจตั้งครรภ์ได้ ข้าก็จะรับอนุภรรยามาเพิ่ม ส่วนหากนางมิยินดีจะเป็นภรรยาข้าต่อไปอีก จะขอใบหย่าข้าก็ยินดีให้นาง...หรือต่อให้นางตั้งท้องจนคลอดออกมาแล้ว นางสร้างความวุ่นวายต่อข้า เช่นนั้นก็คงต้องมอบหนังสือหย่าขาดให้แก่นางอยู่ดีเช่นกัน ดังนั้นนอกจากรูปร่างของนางเหมาะสมจะเป็นมารดาคนได้ดี ก็ยังเป็นคุณหนูไร้บารมีภายหน้าจะเกิดสิ่งใดข้าล้วน"  หูเตี๋ยนสูดลมหายใจเข้าจนสุดแล้วปล่อยออกมาโดยแรงอยู่หลายครั้ง ดูก็รู้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอกระโดดข้ามโต๊ะไปถีบปากของเจ้าก้อนหินเฒ่าได้มากมายเพียงใด เมื่อได้ฟังถ้อยคำร้ายกาจเย็นชานั้น  "นางคือน้องสาวของเจ้าคนชั่วแซ่กู้ผู้นั้นสินะ...เจ้าจึงเลือกนาง"  เป็นเซี่ยเสิ่นจั๋วที่พอจะจับทางบางสิ่งได้จากที่เมื่อครู่อู๋เหล่ยกล่าวถึงว่านางแซ่กู้ ซึ่งเขาย่อมไม่ลืมบุรุษไร้ยางอายรุ่นพี่ผู้นั้น...กู้หยวนจิ้ง...เจ้าแมวขโมยคู่หมั้นของสหายรักเขาผู้นั้น  "แต่ต่อให้นางเป็นน้องสาวของเจ้าคนชั่วผู้นั้น แต่มันมิสมควรเอาความแค้นส่วนตัวไปลงกับอีกคนหรือไม่เหล่าเหล่ย...นางอาจมิรู้อันใดทั้งสิ้นก็ได้ ในวันที่เจ้าจากมาคาดว่าเด็กสาวผู้นั้นอาจจะแบเบาะด้วยซ้ำ"  มิบ่อยนักที่จอมเสเพลนั้นจะพูดจาจริงจังมีหลักการเช่นนี้ แต่เขาก็เป็นอีกผู้ที่ไม่คิดลงแค้นต่อผู้ไม่รู้ความ ถึงเขาจะเป็นคนบาปเป็นคุณชายเซี่ยจอมเสเพล ทว่าเรื่องรังแกคนที่ตนเองไม่พึงใจมันน่าละอายไปหรือไม่  "ข้ามิได้คิดไกลไปถึงปานนั้น...ก็บอกไปแล้ว...ข้าเพียงต้องการสตรีมาตั้งท้องบุตรสักหนึ่งนางเท่านั้น แล้วกู้เฝิงซีนางคือสตรีผู้เหมาะสมนางนั้นที่สุดสำหรับข้าแล้ว"  คนหน้าตายยังเอ่ยเนิบนาบใจเย็น ใบหน้าก็มิแสดงพิรุธใด ทั้งยิ่งเห็นผู้มีปมบาดแผลใหญ่เช่นเหล่าหูจิ้งจอกเฒ่าเจ้าสำราญก็อยากถีบมากขึ้นอีกเก้าส่วน!  "แต่ก็เป็นสตรีอื่นก็ได้หรือไม่เล่า...เหล่าเหล่ย...ข้าเป็นสหายเจ้ามากี่หนาวแล้ว เจ้าเลิกปั้นหน้าตายมาโกหกดีกว่า หากเจ้าคิดจะเอาเพียงนางมาตั้งครรภ์บุตรเช่นนั้น ข้าหาสตรีที่เพียบพร้อมและเต็มใจมาทดแทนนาง เจ้าจะยินยอมให้ข้าได้ไหม ก็เพียงเอ่ยปากว่าใต้เท้าอู๋อยากเลือกภรรยาสักนาง เกรงว่าคุณหนูถานคงมาถึงกายเจ้าก่อนสตรีใดในเทียนหนิ่งเป็นแน่"  เขาเองถึงจะเป็นบุตรชายโทนแต่ก็ยังมีญาติผู้น้องที่เป็นสตรี การตกแต่งสตรีมาเพียงให้นางอุ้มท้องแล้วคลอด จากนั้นคิดส่งนางไปจากบุตรมันใจร้ายใจอำมหิตเกินไป เขาเองรับไม่ไหวหากเจ้าบุรุษสารเลวผู้นั้นจะเป็นดังพี่น้องเช่นนี้  "เจ้ามิได้เป็นผู้ถูกสวมเขา เจ้าย่อมจะพูดจาให้สวยหรูงดงามเช่นไรก็ได้...แต่ข้า...ต้องอับอายเพียงใดเจ้าเคยรับรู้หรือไม่! "  ... เพล้ง! ...  "ว้าย! "  จอกสุราถูกปาออกไปสุดแรงแตกกระจาย จากนั้นกายสูงใหญ่กำยำก็ลุกขึ้นไปคว้าข้อมือของสาวงามนางหนึ่งที่ตกใจนั่งตัวสั่นยังมุมห้องพุ่งออกไปทันที เห็นเช่นนั้นทั้งสองที่เหลือก็ย่อมรู้อู๋เหล่ยจะไปที่ใดเพราะเป็นสหายกันมานาน...นานจนรู้แจ้งต่อกันแทบจะทุกมุมของอารมณ์ต่อกัน วันนี้เจ้าก้อนหินเฒ่ามันอารมณ์ฉุนเฉียวมีหรือพวกเขาจะไม่เข้าใจ  หูเตี๋ยนเมินมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ส่วนเซี่ยเสิ่นจั๋วนั้นกัดกรามแน่น มิบ่อยนักที่การสังสรรค์ระหว่างสหายที่เป็นดังพี่น้องจะจบลงด้วยความขัดเคืองใจต่อกันเช่นนี้  "หากคิดตามที่เจ้าก้อนหินเฒ่ามันกล่าวออกมาก็...บางทีหากเป็นตัวของข้าก็คงเจ็บแค้นเช่นกันบุรุษใดเล่าจะทนทานการทรยศเช่นนี้ไปได้"  สุดท้ายก็เป็นหูเตี๋ยนที่เอ่ยขึ้นมาประโยคแรก หลังจากที่ต่างคนต่างเงียบกันมาครู่ใหญ่ ส่วนเหล่าสาวงามนั้นมิกล้าส่งเสียงทั้งสิ้นเพราะกลิ่นอายอำมหิตดุเดือดกรุ่นไปทั่ว  "ช่างเถิด...บางทีทุกสิ่งอาจมิได้เลวร้ายถึงปานนั้นก็เป็นได้...บางทีแม่นางกู้ผู้นั้นอาจจะเอาชนะความเจ็บแค้นของเจ้าก้อนหินพูดได้ในท้ายที่สุดก็ได้ผู้ใดจะไปรู้...มาเถิดวันนี้ข้าชวนพวกเจ้าออกมาหาความสำราญ...ก็สมควรสนุกสนานอย่าขุ่นใจต่อกันเลย"  เซี่ยเสิ่นจั๋วตัดความขุ่นมัวออกไป เพราะความที่พวกตนคุ้นเคยและร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมเสี่ยงตายมาไม่น้อยมีหรือจะไม่แจ้งใจ เจ้าก้อนหินเฒ่ามันจะต้องมีสิ่งที่พูดมากไม่ได้อยู่เป็นแน่ หาไม่เพียงแค้นมันคงไม่คิดแต่งน้องสาวศัตรูมาร่วมหมอน ก็เจ้านั่นหาใช่พระเอกงิ้วปัญญานิ่ม แต่มันคือพยัคฆ์เฒ่าที่ลงมือกางกรงเล็บเหยื่อย่อมมากค่าไม่ธรรมดา  พอคิดตกเช่นนั้นเขาจึงได้หันมาเสพสุขกับสาวงามทั้งสามนางที่เขาเรียกหา จากนั้นก็ต่างแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน ตามประสาบุรุษโสดที่แม้แต่สตรีอุ่นเตียงในจวนของพวกเขาก็ไม่เคยรับ อาจเพราะหน้าที่ขององครักษ์หลวงหน่วยพยัคฆ์ดำนั้น มิใช่จะอยู่เป็นที่เป็นทาง บางคราวต้องไปทำงานยังต่างแดนต่างแคว้นครั้งหนึ่งก็นานเป็นหนาว พวกเขาจึงสะดวกใจจะซื้อกินภายนอกเสียมากกว่า มิคิดผูกสำรับอาหารประจำให้วุ่นวายด้วยการรับสตรีมาทิ้งร้างให้เฝ้าจวนเช่นคุณชายสกุลอื่น 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม