“อะไรนะ!! นี่คุณจะแต่งงานเหรอคะ? เอมมี่เสียใจเลยที่คุณจะสละโสด แล้วเจ้าสาวของคุณเป็นใครเหรอคะ เอมมี่รู้จักใหม” คำถามยาวเป็นชุดอย่างนี้ จะไม่ให้คนฟังอารมณ์เสียได้ยังไง
เอมมี่นางแบบดังที่อีธานคั่วเล่นเป็นบางครั้ง ไหน ๆ เธอก็โทรหาเขาแล้ว ก็รีบบอกเธอเสียเลย จะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที
“ตอนนี้คุณอยู่คอนโดมั้ยค่ะ? เดี๋ยวเอมมี่ไปหา”
“ผมจะไปหัวหิน คุณไม่ต้องไปหรอก” อีธานสั่งให้คนขับรถไปส่งเขาที่บ้านพักตากอากาศของผู้เป็นบิดาของเขา เพื่อที่จะคุยกับบิดาเรื่องงานแต่งงาน
เมื่อถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงไปคุยกับผู้เป็นบิดาที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ จนผู้บิดาต้องรีบวางสายที่กำลังคุยอยู่
“แล้วทำไมถึงได้รีบร้อนแต่งงานนักล่ะ เล่นเร็วซะขนาดนี้ใครจะไปเตรียมตัวทัน” เอกภพถามลูกชาย
“ก็ ผมอยากแต่งนี่ครับ” อีธานตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่มองหน้ากันไปมา
“เฮ้อ ไอ้ลูกชายคนนี้นี่” เอกภพส่ายหน้ากับลูกน้อง
“ดูมันสิ! อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่งเร็วก็คงจะหย่าเร็วล่ะมั้งงานนี้ เฮ่อ!”
อีธานเดินขึ้นห้องมาแล้วล้มตัวนอนบนเตียง ความหอมจากผมยาวสลวยกับร่างนุ่มนิ่มน่ากอดนั่น ทำให้ เขาอยากจะลิ้มลองอีกสักครั้งว่ามันจะตรึงตาตรึงใจแค่ไหน...อีกแค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นแต่เขาแทบทนรอไม่ไหว
รุ่งเช้าวันต่อมาบนโต๊ะอาหารนิรุตถามลูกสาวที่ทำหน้าเซ็ง ๆ ขึ้นมา
“ตกลงจะเอายังไง?” นิรุตถามเอ่ยถามลูกสาวของเขา
“มุกไม่แต่งค่ะ”
“ป้าก็ไม่ยอมให้หนูมุกแต่งด้วยเหมือนกัน” เพ็ญศรีเสริม
“แล้วพ่อจะไปบอกบ้านโน้นเขายังไง?” นิรุตถามลูกสาวอีกครั้ง
“หนูไม่รู้ แล้วแต่คุณพ่อสิคะ หนูไม่ได้เป็นคนตกลงกับคุณเอกภพ” มุกไหมตอบผู้เป็นบิดาแล้วก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารเช้า
ด้วยความกังวลใจนิรุตเลยต่อสายไปคุยกับเอกภพซึ่งเมื่อคุยกันแล้ว เอกภพบอกเพียงแค่ว่าให้ลูกชายมาคุยเรื่องหมั้นหมายตามที่ตกลงกันไว้ และไม่เคยบอกให้เร่งรัดหนี้สินหรือทวงถามแต่อย่างใด
เมื่อนิรุตพูดคุยกับเอกภพแล้ว เขาใจชื้นขึ้นมาเพราะไม่ต้องบังคับลูกสาวสักเท่าไหร่ เอกภพไม่เคยเร่งรัดเรื่องหนี้สิน และไม่เคยบอกจะยึดบ้านของเขาเลยสักนิด
“แต่ว่าเจ้าลูกชายผมเนี่ยสิ มันบอกจะแต่งงานท่าเดียวเลยครับ”
“ไม่เป็นไรครับท่าน เดี๋ยวผมจะกล่อมลูกสาวของผมเองครับ แต่ของเวลาท่านสักหน่อยนะครับ”
“ได้สิ!!.. ไม่เป็นไรเลย มีอะไรก็มาบอกกันได้นะ ไอ้ลูกชายผมมันคนใจร้อน”
เมื่อวางสายจากนิรุต เอกภพก็เข้ามาปลุกลูกชายที่กลับมาถึงก็รีบนอน
“ไอ้อิฐ ตื่นโว้ย!..” อิฐคือชื่อเล่นของเขาที่พ่อใช้เรียก เพราะว่าเอกภพเป็นคนไทย ส่วนชื่อจริงนั้นภรรยาเขาเป็นคนตั้ง ซึ่งเอกภพได้เลิกรากับภรรยาไปตั้งแต่อีธานยังเด็ก ๆ เขาเลยกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เพราะเอกภพนั้นเอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาอบรมลูกแบบคนอื่นเขา ตอนนี้เขาและภรรยายังติดต่อกันอยู่ เพราะมีธุรกิจร่วมกันโดยจะให้อีธานดูแลกิจการบางส่วนอยู่ที่ต่างประเทศ
ไม่นานมานี้อีธานได้ขอกลับมาเมืองไทย เพราะอยากจะทำเกาะส่วนตัวไว้เป็นที่พัก เอกภพได้เปิดบ่อนที่เมืองนอกเขามีกาสิโนอย่างถูกกฎหมายอยู่ที่ลอนดอนโดยฝ่ายภรรยาเป็นคนดูแล จะให้อีธานไป ๆ มา ๆ ระหว่างไทยและอังกฤษเป็นประจำ
เช้าวันนี้อีธานรีบแต่งตัวหล่อออกจากบ้าน โดยไม่สนคนขับเลย เขาต้องการซิ่งรถสปอร์ตคู่ใจไปที่บ้านนั้นต่างหาก ขืนรอรถลีมูซีนก็คงชักช้าอืดอาด ไม่ทันใจเขาเป็นแน่
“เดี๋ยวอิฐ นี่!..แกจะรีบไปไหนวะ”
“เดี๋ยวผมกลับมาค่อยคุยกันอีกทีนะครับ..พ่อ” สิ้นเสียงที่ตะโกนบอกกับผู้เป็นบิดา อีธานก็รีบบึ่งรถออกไปทันที ผู้เป็นบิดาสั่งให้ลูกน้องรีบเข้าไปขวาง จากนั้นเขาจึงขึ้นไปนั่งรถกับลูกชาย และให้บอดี้การ์ดที่เหลือขับรถตามไป
“แกไปไหนฉันไปด้วย แกจะแต่งงานแล้วจะมาทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ ไม่ได้
“ไร้สาระอะไรกันครับพ่อ ผมก็จะไปหาว่าที่ภรรยาอยู่นี่ไง”
“ดีเลยฉันไปด้วยจะได้สู่ขอให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป”
เขาขับรถมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาไม่นาน ด้วยรถสปอร์ตคันหรู ทำเอาเอกภพที่นั่งมาด้วยใจหลุดไปอยู่กับตาตุ่ม
เขารีบขับรถไปที่คฤหาสน์หลังงามบ้านของว่าที่เจ้าสาว อีธานเดินเข้าบ้านไปอย่างคนที่คุยเคย แล้วทุกคนที่รับประทานอาหารกันอยู่ ต่างตกใจที่เห็นหน้าอีธาน และเอกภพ นิรุตเชิญให้อีธานและเอกภพร่วมโต๊ะด้วยกัน
“ตกลงตามนี้นะครับ หวังว่าคุณคงพอใจ” เอกภพพูดปิดท้ายหลังจากตกลงเรื่องสินสอดทองหมั้น กับผลประโยชน์ที่ครอบครัวของนิรุตจะได้รับ ระหว่างนั้นมุกไหมจึงเอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอนั่งเงียบมานาน
“คุณลุงคะ เห็นใจหนูเถอะค่ะหนูยังไม่พร้อมตอนนี้” มุกไหมพูดขึ้นมา เรียกความตกใจจากคนในบนโต๊ะอาหารและอีธานที่กำลังเสียหน้า
“ไม่พร้อมยังไงยัง เธอไม่กลัวท้องไส้ขึ้นมาเหรอ” อีธานรีบขู่ และบ่งบอกความเป็นเจ้าของ ซึ่งนิรุตก็เห็นด้วย คงจะไม่งามนักถ้าลูกสาวของเขาจะท้องโดยไม่มีพ่อ หรือว่าท้องก่อนแต่งก็ยังอับอายอยู่ดี
“ถ้าคุณยืนยันแบบนั้น อาทิตย์หน้าฉันไปตรวจแล้วไม่ท้องคุณก็ล้มเลิกงานแต่งไปได้เลย อะไรที่เสียไปแล้วก็แล้วกันไป สมัยนี้เขาไม่ถือกันหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องเอาข้อเสนอเรื่องหนี้สินที่คุณเอามาอ้างด้วยนะคะ ยังไงดิฉันก็ต้องทำงานใช้หนี้ครอบครัวคุณให้เร็วที่สุดให้ได้”
อีธานได้ยินดังนั้นก็หน้าชาเหมือนโดนน้ำเย็นสาด เขาไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อนและไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าจะพูดอย่างนี้ด้วย
“หึ เธอไม่ต้องทำมาพูดดีไปหรอก ถ้าเธอไม่แต่งฉันก็จะยึดทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวเธอให้หมดรวมถึงคฤหาสน์หลังนี้ด้วย แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ คนอย่างฉันพูดจริงทำจริงเสมอ” อีธานพูดขู่แบบไม่เกรงใจนิรุตที่นั่งหัวโต๊ะเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วล่ะค่ะ คุณอีธาน” มุกไหมไม่ยอมแพ้เหมือนกัน วาจาเชือดเฉือนของเธอทำให้ความอดทนของอีธานหมดลง
“นี่..เธอ!!!”
“ทำไม!!!”
ทั้งสองคนลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีใครยอมใคร เกรชที่นั่งฟังอยู่พอใจยิ่งนักที่อีธานเสียหน้า คงจะรู้จักเพื่อนของเขาน้อยเกินไปเสียแล้ว
“พอ หยุดได้แล้ว” แล้วเสียงห้ามก็ดังมาจากปากนิรุต ที่นั่งหัวโต๊ะ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอสรุปเลยแล้วกันนะครับ ยังไงผมก็จะต้องขอลูกสาวคุณให้ได้ แล้วผมก็มีสิทธิ์ที่จะยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของมงคลวิเศษรุ่งเรือง ถ้าคุณไม่ตกลงตามเงื่อนไข ว่าไงครับ...ค่าสินสอดห้าสิบล้านที่ผมเสนอไปพร้อมสิทธิที่ผมจะยืดระยะเวลาใช้หนี้อย่างไม่มีกำหนดแลกกับสัญญาฉบับนี้” อีธานบอกแล้วก็ยื่นสัญญาก่อนแต่งงานให้มุกไหมหยิบขึ้นมาอ่าน
นี่มันเป็นสัญญาเกี่ยวกับการหย่า ถ้าเธอและเขาหย่ากัน เธอจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของเขาเลยแม้แต่นิด ยกเว้นสินสอดห้าสิบล้าน ‘แล้วคิดว่าฉันอยากจะได้นักหรือไง’
เอกภพปวดหัวกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่าเจ้าลูกชายเขาจะมัดมือชกอย่างนี้ แล้วคนอย่างเขาก็ขัดใจลูกไม่เป็นเสียด้วย
“สรุป ถ้ามุกไม่แต่งงานกับลูกชายคุณ คุณก็จะยึดทุกอย่างไปใช่ไหมคะ?” มุกไหมหันถามเสียงเรียบกับเอกภพ
“ใช่” อีธานตอบแทนบิดา
มุกไหมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าเธอไม่แต่งงานคนที่บ้านก็จะลำบาก ในเมื่อเขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ตั้งแต่เกิดจนโตเธอสุขสบายมานานแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรจะเสียสละสักที
“ได้ ถ้าอย่างนั้นมุกก็จะแต่งงาน...พอใจแล้วใช่ไหม?” ประโยคสุดท้ายเธอจงใจพูดประชดอีธาน พร้อมกับหยิบปากกาข้างโทรศัพท์ขึ้นมาเซ็นชื่อแล้วยื่นให้อีธานรับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้ชนะ
“ดี ถ้าอย่างนั้นเราไปดูชุดกันตอนนี้เลย” แล้วอีธานก็ดึงมือมุกไหมออกไปทันที
“นี่ เดี๋ยวก่อน” เกรชจะห้ามไว้ แต่ก็ไม่ทัน เมื่ออีธานดันตัวเพื่อนของเขาขึ้นรถไปแล้ว อีธานสตาร์ทรถออกอย่างรวดเร็ว