“แมวหางเจ็บต้องหาหมอไหม” เขาถาม ถึงไม่ชอบแมวแต่จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้
“ค่ะ...” เธอพูดเสียงเบาแล้วลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย “แล้วก็ต้องซื้อกระบะทรายแมวกับทรายแมวแล้วก็อาหารแมวด้วย”
“อื้ม บอกก่อนแบบนี้ก็ดีจะได้ซื้อของก่อนเข้าบ้าน” เขาขับรถออกพ้นเขตของมหาวิทยาลัยแล้ว ถนนเป็นปกติดี แต่อ้อมเส้นนอกเมืองแบบนี้ใช้เวลาชั่วโมงเศษ หากใช้เส้นทางปกติก็เพียงแค่ยี่สิบนาที แต่เพื่อเลี่ยงน้ำท่วมเขาจึงมาเส้นทางนี้ “ถึงแม่จะอนุญาตให้เอาแมวมาอยู่ด้วยได้ แต่ห้ามปล่อยแมวเดินไปมานะ ห้ามปีนป่ายทำผ้าม่านพังไม่ได้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณน้าบอกว่ามีกรงพับได้อยู่ในห้องเก็บของค่ะ”
“อืม น่าจะยังอยู่นั้นแหละ มันเคยเป็นกรงหมามาก่อน แต่หมาตายไปนานแล้วล่ะ” ตุลามองเห็นร้านอาหารข้างหน้าก็เอ่ยปากถาม “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม หรือมีอะไรที่กินไม่ได้หรือเปล่า”
“ไม่แพ้อาหารค่ะ พี่ตุลย์กินอะไร ข้าวจี่ก็กินแบบเดียวกันได้ค่ะ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย เขาเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดรถที่ร้านอาหารริมทางแต่บรรยากาศดี
“ก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้อร่อยมากนะ”
“แต่ข้าวจี่อยากกินข้าว...”
“แล้วเมื่อกี้บอกว่าพี่กินอะไรก็กินเหมือนพี่ไง”
“ก็นึกว่าจะจอดร้านที่เพิ่งผ่านมานี่...”
“แล้วจะกินไหม ก๋วยเตี๋ยวนะ”
“เลือกได้ไหมล่ะคะ”
“ข้าวเปล่ากับเกาเหลาล่ะ”
“ได้ค่ะ”
“งั้นร้านนี้แหละ”
ตุลาดับเครื่องรถทันทีที่สรุปได้ลงตัว ขวัญข้าวไม่กล้าทิ้งเจ้าแมวไว้ในรถจึงหิ้วตะกร้าตามร่างสูงเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มเห็นคนตัวเล็กหิ้วตะกร้าแมวเอียงไปข้างหนึ่งก็นึกสงสาร เขาหยุดรอเธอเดินเข้ามาใกล้แล้วฉวยตะกร้าแมวไปถือเสียเอง
“หนักเหมือนกันนะเนี้ย”
“สามจุดหกกิโลกรัมค่ะ”
“ชั่งน้ำหนักด้วยเหรอ”
“จับแมวยืนบนที่ชั่งน้ำหนักของคนไงค่ะ”
“เป็นแมวจรยังไงอ้วนจริง”
“แมวจรหรือมีเจ้าของก็ไม่รู้” ขวัญข้าวพึมพำแล้วเดินไปนั่งด้านใน “ข้าวจี่ประกาศตามหาเจ้าของแมวอยู่นะคะ แต่ยังไม่มีใครติดต่อมาเลยค่ะ”
“อืม”
เขาพูดแค่นั้นแล้ววางตะกร้าลงข้างตัวหญิงสาว เขานั่งลงแล้วหยิบกระดาษบนโต๊ะมาเขียนรายการอาหารที่ต้องการโดยไม่ดูเมนู เสร็จแล้วจึงยื่นกระดาษให้อีกฝ่าย
“กินอะไรก็เขียนเอา”
“มาบ่อยหรือคะ” ขวัญข้าวถามเพราะเห็นเขาดูคุ้นเคยกับร้านนี้
“ก็...มันอร่อยนะ” อร่อยนะเรื่องจริง แต่คนที่เคยคิดว่าเป็นคนพิเศษชอบมากินที่นี่ ต่อให้ไกลจากบ้านเขาเป็นสิบกิโล เขาก็ขับรถพาเธอคนนั้นมากินได้ แต่พอรู้ว่าสถานะของตัวเองเป็นอะไร เขาก็ไม่ได้มาร้านนี้อีก
หญิงสาวดูรายการอาหารแล้วจดอย่างไม่เกรงใจ เพราะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหลายวัน เธอเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากหอพัก ยังดีที่มีอาหารแมวอยู่ เธอเองก็ไม่ได้เลี้ยงแมว แต่ซื้ออาหารแมวใส่ถุงเล็กๆ ติดตัวเอาไว้เวลาเจอแมวจรจะได้ให้อาหารได้
ตุลารับกระดาษแผ่นเล็กจากมือหญิงสาว เขาปรายตามองเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปาก คงจะหิวจริงๆ เขาเดินเอารายการอาหารไปให้แม่ครัวด้วยตัวเองแล้วหยิบขนมสองสามถุงและน้ำผลไม้สองขวดติดมือกลับมาด้วย
“รองท้องหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ รอกินข้าวทีเดียวเลยดีกว่า”
“เรียนปีไหนแล้ว ทำไมยังอยู่หอในอีก”
“ปีสองแล้วค่ะ ก็คิดอยู่ว่าปีหน้าจะย้ายไปอยู่หอนอก”
“แล้วทำไมมีผู้ชายอยู่ล่ะ”
“ผู้ชาย? อ้อ...สองคนนั้นเหรอคะ เขาก็อยู่หอชายนั้นแหละค่ะ แต่พี่ๆ หน่อยกู้ภัยให้เรามารอที่จุดเดียวกัน ข้าวจี่จะไปหอชายก็ลำบาก สองคนนั้นเลยมารอที่นี่เป็นเพื่อนกัน”
“สรุปว่าไม่ได้รู้จักกัน”
“ใช่ค่ะ”
ไม่รู้ทำไมตุลาถึงรู้สึกโล่งใจชอบกล ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งก๋วยเตี๋ยวและเกาเหลารวมถึงข้าวเปล่าก็ถูกยกมาวางตรงหน้า ขวัญข้าวสั่งลูกชิ้นลวกจิ้มมาเพิ่ม เธอกินอาหารอย่างหิวโหยราวกับท้องไม่เคยย่อยเม็ดข้าวมาหลายวัน
“ค่อยๆกินเดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก”
“ก็หิวนี่คะ กินแต่มาม่าตั้งหลายวัน”
ได้ยินแบบนี้แล้วตุลาเลยเข้าใจได้ ทำไมเธออยากกินข้าว เขาก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เขาปล่อยให้เธอกินอาหารของตัวเองและไม่ได้ชวนคุยอะไรอีก ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง คนตัวเล็กก็กวาดอาหารตรงหน้าเกลี้ยง
“แวะซื้อของใช้ของแมวแล้วเข้าบ้านก่อน ใกล้ๆ บ้านพี่มีคลินิกรักษาสัตว์ค่อยพาแมวไปหาหมอ”
“ได้ค่ะ”
ได้กินอิ่มก็อารมณ์ดีขึ้น ใบหน้าสวยจึงระบายยิ้มกว้าง ลูกชายของเพื่อนแม่คนนี้ ปากร้ายไปสักหน่อย แต่จริงๆ ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยค่ะ พออารมณ์ดีขึ้นขวัญข้าวจึงได้มองเขาเต็มตา เขาอายุมากกว่าห้าปี ตัดผมรองทรงดูเรียบร้อยแต่ยังเห็นต่างหูเล็กๆ ที่ข้างซ้าย จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณน้ารัศมีเปิดรูปในมือถือให้เธอดู เขาเคยทำผมสีขี้เถ้าขัดใจผู้เป็นแม่นัก อืม ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยเจาะคิ้วด้วยนี่นะ
“จ้องหน้าพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามแล้วเรียกพนักงานมาคิดเงินค่าอาหาร ขวัญข้าวรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแต่ชายหนุ่มโบกมือห้ามไว้ก่อน
“มื้อนี้พี่เลี้ยง เก็บตังค์ไว้เลี้ยงแมวก็แล้วกัน”
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ”
เอาเถอะ เพื่อแมวแล้วต้องทำหน้าหนาไว้ก่อน ยังไงต้องรบกวนเขาอยู่ดี ไม่รู้ว่าน้ำท่วมรอบนี้จะกี่วันกันนะ.
เส้นทางที่เคยใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีกลับต้องเวลาถึงสองชั่วโมงเศษกว่าจะมาถึงที่หมาย ซึ่งรวมถึงการแวะซื้อของใช้สำหรับแมวตัวอวบอ้วนที่หญิงสาวเรียกมันว่า ‘น้องฟูฟู’
‘น้องไม่อ้วนนะคะ น้องแค่ตัวฟู’
ตุลาคร้านจะต่อปากต่อคำกับหญิงสาว และเขาเองก็ไม่รู้ว่าแมวหนัก 3.6 กิโลกรัมเรียกว่าอ้วนได้ไหม แต่ที่เขาช่วยถือตะกร้าแมวให้ก็รู้สึกว่ามันหนักไม่น้อย หรือตาชั่งที่เธอใช้มันไม่ตรงกับความเป็นจริง
ขวัญข้าวมองบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้เบื้องหน้า เธอเรียนที่จังหวัดนี้ได้ สองปีแล้วแต่ไม่ค่อยได้ไปไหนนัก ส่วนใหญ่ก็รอบบริเวณมหาวิทยาลัย บ้านในเมืองที่เธอคิดในใจว่าเป็นภาพบ้านค่อนข้างหรูหรา แต่ที่เห็นคือบ้านไม้กึ่งปูนสองชั้นที่อายุราวๆสิบปี แต่ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่
“พออยู่ได้ไหม” เขาถามเมื่อเห็นเธอยืนมองนิ่งงันไป
“ได้ค่ะ” ขวัญข้าวตอบแล้วยิ้มกว้าง “ชอบบ้านแบบนี้มากเลยค่ะ”
“ทำความสะอาดห้องกับเตรียมกรงแมวก่อนแล้วกัน” ตุลาพูดแล้วพาหญิงสาวเข้ามาในบ้าน เขาไขกุญแจแล้วเปิดบ้านให้เธอเข้าไปด้านใน “ขนของลงจากรถเองได้ใช่ไหม พี่จะไปเอากรงออกมาก่อน แมวจะได้ออกมาจากตะกร้า”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้ววางเป้เสื้อผ้าลงบนโซฟาก่อนจะหมุนตัวเดินเร็วๆ ไปหยิบของท้ายรถ มันคือกะละมังใบย่อมสำหรับเป็นกระบะทรายแมว,ทรายแมว,ที่โกยขี้แมว และอาหารสำหรับแมว ขวัญข้าววิ่งไปวิ่งมาหลายรอบกว่าจะขนทุกอย่างที่เป็นของแมวลงมาหมด เป็นจังหวะเดียวกับที่ตุลาเอากรงที่พับไว้มากางออก เขาผิวปากออกมาเมื่อเห็นว่ามันยังพร้อมใช้งานได้