Chapter 3. ลูกชายของเพื่อนแม่

1385 คำ
“แมวหางเจ็บต้องหาหมอไหม” เขาถาม ถึงไม่ชอบแมวแต่จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้ “ค่ะ...” เธอพูดเสียงเบาแล้วลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย “แล้วก็ต้องซื้อกระบะทรายแมวกับทรายแมวแล้วก็อาหารแมวด้วย” “อื้ม บอกก่อนแบบนี้ก็ดีจะได้ซื้อของก่อนเข้าบ้าน” เขาขับรถออกพ้นเขตของมหาวิทยาลัยแล้ว ถนนเป็นปกติดี แต่อ้อมเส้นนอกเมืองแบบนี้ใช้เวลาชั่วโมงเศษ หากใช้เส้นทางปกติก็เพียงแค่ยี่สิบนาที แต่เพื่อเลี่ยงน้ำท่วมเขาจึงมาเส้นทางนี้ “ถึงแม่จะอนุญาตให้เอาแมวมาอยู่ด้วยได้ แต่ห้ามปล่อยแมวเดินไปมานะ ห้ามปีนป่ายทำผ้าม่านพังไม่ได้เด็ดขาด” “เข้าใจแล้วค่ะ คุณน้าบอกว่ามีกรงพับได้อยู่ในห้องเก็บของค่ะ” “อืม น่าจะยังอยู่นั้นแหละ มันเคยเป็นกรงหมามาก่อน แต่หมาตายไปนานแล้วล่ะ” ตุลามองเห็นร้านอาหารข้างหน้าก็เอ่ยปากถาม “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม หรือมีอะไรที่กินไม่ได้หรือเปล่า” “ไม่แพ้อาหารค่ะ พี่ตุลย์กินอะไร ข้าวจี่ก็กินแบบเดียวกันได้ค่ะ” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย เขาเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดรถที่ร้านอาหารริมทางแต่บรรยากาศดี “ก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้อร่อยมากนะ” “แต่ข้าวจี่อยากกินข้าว...” “แล้วเมื่อกี้บอกว่าพี่กินอะไรก็กินเหมือนพี่ไง” “ก็นึกว่าจะจอดร้านที่เพิ่งผ่านมานี่...” “แล้วจะกินไหม ก๋วยเตี๋ยวนะ” “เลือกได้ไหมล่ะคะ” “ข้าวเปล่ากับเกาเหลาล่ะ” “ได้ค่ะ” “งั้นร้านนี้แหละ” ตุลาดับเครื่องรถทันทีที่สรุปได้ลงตัว ขวัญข้าวไม่กล้าทิ้งเจ้าแมวไว้ในรถจึงหิ้วตะกร้าตามร่างสูงเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มเห็นคนตัวเล็กหิ้วตะกร้าแมวเอียงไปข้างหนึ่งก็นึกสงสาร เขาหยุดรอเธอเดินเข้ามาใกล้แล้วฉวยตะกร้าแมวไปถือเสียเอง “หนักเหมือนกันนะเนี้ย” “สามจุดหกกิโลกรัมค่ะ” “ชั่งน้ำหนักด้วยเหรอ” “จับแมวยืนบนที่ชั่งน้ำหนักของคนไงค่ะ” “เป็นแมวจรยังไงอ้วนจริง” “แมวจรหรือมีเจ้าของก็ไม่รู้” ขวัญข้าวพึมพำแล้วเดินไปนั่งด้านใน “ข้าวจี่ประกาศตามหาเจ้าของแมวอยู่นะคะ แต่ยังไม่มีใครติดต่อมาเลยค่ะ” “อืม” เขาพูดแค่นั้นแล้ววางตะกร้าลงข้างตัวหญิงสาว เขานั่งลงแล้วหยิบกระดาษบนโต๊ะมาเขียนรายการอาหารที่ต้องการโดยไม่ดูเมนู เสร็จแล้วจึงยื่นกระดาษให้อีกฝ่าย “กินอะไรก็เขียนเอา” “มาบ่อยหรือคะ” ขวัญข้าวถามเพราะเห็นเขาดูคุ้นเคยกับร้านนี้ “ก็...มันอร่อยนะ” อร่อยนะเรื่องจริง แต่คนที่เคยคิดว่าเป็นคนพิเศษชอบมากินที่นี่ ต่อให้ไกลจากบ้านเขาเป็นสิบกิโล เขาก็ขับรถพาเธอคนนั้นมากินได้ แต่พอรู้ว่าสถานะของตัวเองเป็นอะไร เขาก็ไม่ได้มาร้านนี้อีก หญิงสาวดูรายการอาหารแล้วจดอย่างไม่เกรงใจ เพราะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหลายวัน เธอเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากหอพัก ยังดีที่มีอาหารแมวอยู่ เธอเองก็ไม่ได้เลี้ยงแมว แต่ซื้ออาหารแมวใส่ถุงเล็กๆ ติดตัวเอาไว้เวลาเจอแมวจรจะได้ให้อาหารได้ ตุลารับกระดาษแผ่นเล็กจากมือหญิงสาว เขาปรายตามองเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปาก คงจะหิวจริงๆ เขาเดินเอารายการอาหารไปให้แม่ครัวด้วยตัวเองแล้วหยิบขนมสองสามถุงและน้ำผลไม้สองขวดติดมือกลับมาด้วย “รองท้องหน่อยไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ รอกินข้าวทีเดียวเลยดีกว่า” “เรียนปีไหนแล้ว ทำไมยังอยู่หอในอีก” “ปีสองแล้วค่ะ ก็คิดอยู่ว่าปีหน้าจะย้ายไปอยู่หอนอก” “แล้วทำไมมีผู้ชายอยู่ล่ะ” “ผู้ชาย? อ้อ...สองคนนั้นเหรอคะ เขาก็อยู่หอชายนั้นแหละค่ะ แต่พี่ๆ หน่อยกู้ภัยให้เรามารอที่จุดเดียวกัน ข้าวจี่จะไปหอชายก็ลำบาก สองคนนั้นเลยมารอที่นี่เป็นเพื่อนกัน” “สรุปว่าไม่ได้รู้จักกัน” “ใช่ค่ะ” ไม่รู้ทำไมตุลาถึงรู้สึกโล่งใจชอบกล ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งก๋วยเตี๋ยวและเกาเหลารวมถึงข้าวเปล่าก็ถูกยกมาวางตรงหน้า ขวัญข้าวสั่งลูกชิ้นลวกจิ้มมาเพิ่ม เธอกินอาหารอย่างหิวโหยราวกับท้องไม่เคยย่อยเม็ดข้าวมาหลายวัน “ค่อยๆกินเดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก” “ก็หิวนี่คะ กินแต่มาม่าตั้งหลายวัน” ได้ยินแบบนี้แล้วตุลาเลยเข้าใจได้ ทำไมเธออยากกินข้าว เขาก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เขาปล่อยให้เธอกินอาหารของตัวเองและไม่ได้ชวนคุยอะไรอีก ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง คนตัวเล็กก็กวาดอาหารตรงหน้าเกลี้ยง “แวะซื้อของใช้ของแมวแล้วเข้าบ้านก่อน ใกล้ๆ บ้านพี่มีคลินิกรักษาสัตว์ค่อยพาแมวไปหาหมอ” “ได้ค่ะ” ได้กินอิ่มก็อารมณ์ดีขึ้น ใบหน้าสวยจึงระบายยิ้มกว้าง ลูกชายของเพื่อนแม่คนนี้ ปากร้ายไปสักหน่อย แต่จริงๆ ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยค่ะ พออารมณ์ดีขึ้นขวัญข้าวจึงได้มองเขาเต็มตา เขาอายุมากกว่าห้าปี ตัดผมรองทรงดูเรียบร้อยแต่ยังเห็นต่างหูเล็กๆ ที่ข้างซ้าย จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณน้ารัศมีเปิดรูปในมือถือให้เธอดู เขาเคยทำผมสีขี้เถ้าขัดใจผู้เป็นแม่นัก อืม ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยเจาะคิ้วด้วยนี่นะ “จ้องหน้าพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามแล้วเรียกพนักงานมาคิดเงินค่าอาหาร ขวัญข้าวรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแต่ชายหนุ่มโบกมือห้ามไว้ก่อน “มื้อนี้พี่เลี้ยง เก็บตังค์ไว้เลี้ยงแมวก็แล้วกัน” “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” เอาเถอะ เพื่อแมวแล้วต้องทำหน้าหนาไว้ก่อน ยังไงต้องรบกวนเขาอยู่ดี ไม่รู้ว่าน้ำท่วมรอบนี้จะกี่วันกันนะ. เส้นทางที่เคยใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีกลับต้องเวลาถึงสองชั่วโมงเศษกว่าจะมาถึงที่หมาย ซึ่งรวมถึงการแวะซื้อของใช้สำหรับแมวตัวอวบอ้วนที่หญิงสาวเรียกมันว่า ‘น้องฟูฟู’ ‘น้องไม่อ้วนนะคะ น้องแค่ตัวฟู’ ตุลาคร้านจะต่อปากต่อคำกับหญิงสาว และเขาเองก็ไม่รู้ว่าแมวหนัก 3.6 กิโลกรัมเรียกว่าอ้วนได้ไหม แต่ที่เขาช่วยถือตะกร้าแมวให้ก็รู้สึกว่ามันหนักไม่น้อย หรือตาชั่งที่เธอใช้มันไม่ตรงกับความเป็นจริง ขวัญข้าวมองบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้เบื้องหน้า เธอเรียนที่จังหวัดนี้ได้ สองปีแล้วแต่ไม่ค่อยได้ไปไหนนัก ส่วนใหญ่ก็รอบบริเวณมหาวิทยาลัย บ้านในเมืองที่เธอคิดในใจว่าเป็นภาพบ้านค่อนข้างหรูหรา แต่ที่เห็นคือบ้านไม้กึ่งปูนสองชั้นที่อายุราวๆสิบปี แต่ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ “พออยู่ได้ไหม” เขาถามเมื่อเห็นเธอยืนมองนิ่งงันไป “ได้ค่ะ” ขวัญข้าวตอบแล้วยิ้มกว้าง “ชอบบ้านแบบนี้มากเลยค่ะ” “ทำความสะอาดห้องกับเตรียมกรงแมวก่อนแล้วกัน” ตุลาพูดแล้วพาหญิงสาวเข้ามาในบ้าน เขาไขกุญแจแล้วเปิดบ้านให้เธอเข้าไปด้านใน “ขนของลงจากรถเองได้ใช่ไหม พี่จะไปเอากรงออกมาก่อน แมวจะได้ออกมาจากตะกร้า” “ค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้ววางเป้เสื้อผ้าลงบนโซฟาก่อนจะหมุนตัวเดินเร็วๆ ไปหยิบของท้ายรถ มันคือกะละมังใบย่อมสำหรับเป็นกระบะทรายแมว,ทรายแมว,ที่โกยขี้แมว และอาหารสำหรับแมว ขวัญข้าววิ่งไปวิ่งมาหลายรอบกว่าจะขนทุกอย่างที่เป็นของแมวลงมาหมด เป็นจังหวะเดียวกับที่ตุลาเอากรงที่พับไว้มากางออก เขาผิวปากออกมาเมื่อเห็นว่ามันยังพร้อมใช้งานได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม