“จริงๆ แล้วคุณเกริกก็ยังเป็นห่วงคุณฟ้านะคะ”
“เป็นห่วงเหรอ ไม่มีหรอกจ้ะ เมตตาเข้าใจผิดแล้ว” ฟ้าลดาไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาจะเป็นห่วงเป็นใยอะไรเธอ
“ก็ก่อนที่นทีจะออกไปรับคุณฟ้า คุณเกริกโทร. มาบอกดิฉันว่าให้คนออกไปรับคุณฟ้าค่ะ แล้วก็ห้ามไม่ให้บอกคุณฟ้า ดิฉันก็เลยออกไปบอกนที แต่นทีเขาก็จะไปรับคุณฟ้าอยู่แล้วละค่ะ” เมตตาเล่าทุกอย่างให้เจ้านายสาวฟัง
“จริงเหรอจ๊ะ” ฟ้าลดาลุกจากเตียงมาเอ่ยถามเมตตา กลัวอีกฝ่ายจะพูดโกหก
“จริงค่ะ ดิฉันให้นทีออกไปรับ คิดว่าจะให้ไปรับที่บ้านคุณเกริกเสียอีก แต่นทีกลับไปเจอคุณฟ้าอยู่ระหว่างทาง เดินกลางฝนอยู่ จนเป็นลมน่ะค่ะ”
“แสดงว่าเกริก ก็ยังเป็นห่วงฟ้าอย่างนั้นเหรอจ๊ะ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะ” เมตตาไม่อยากให้ความหวังเจ้านายสาว แต่มันก็มีความจริงอยู่ว่าเกริกโทร. มาให้คนไปรับฟ้าลดาจริง ๆ
“คราวนี้คุณฟ้าก็กินข้าวกินปลาเสียเถิดค่ะ ล้มป่วยขึ้นมาจะมีคนเป็นห่วงคุณฟ้าอีกหลายคนเลยนะคะ”
“จ้ะ ฉันจะกิน” ฟ้าลดารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เมตตามองแล้วส่ายหน้าไปมา ไข้ใจรักษาได้ด้วยใจ หากเกริกไม่ได้คิดอะไรกับฟ้าลดา ก็ไม่ควรแต่งงานกันตั้งแต่แรก ฟ้าลดาถูกเลี้ยงมาเป็นคุณหนู ทำอะไรไม่เป็นเลย เธอเลยยังดูไม่โต อัคคีทั้งตามใจ ทั้งประเคนของทุกอย่างที่อยากได้ให้น้องสาว เกริกเองก็คงรำคาญความไม่เอาไหนของภรรยา
แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่อีกอย่างก็คือ หากเกริกรักฟ้าลดาจริง ความไม่ดีหรือข้อบกพร่องต่าง ๆ พวกนี้ จะถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง เกริกจะมองไม่เห็นข้อเสียของฟ้าลดาเลยแม้แต่น้อย เกริกจะมองแต่ข้อดีที่ฟ้าลดามี และฟ้าลดาเองก็มีข้อดีอยู่บ้าง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้หญิงคนอื่นบนโลกใบนี้
ฟ้าลดารีบลุกมาแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อเดินทางไปที่บ้านของบิดามารดาสามี เธออยากเห็นหน้าเกริกสักครั้ง แล้วขอบคุณเขา
“เกริกกลับไปแล้วจ้ะหนูฟ้า ไม่ได้คุยกันเหรอ” ประโยคของนางนงเยาว์ ผู้เป็นแม่สามีทำให้ฟ้าลดาต้องกัดปากตัวเอง
เขาห่วงเธอจริง ๆ หรือแค่ไม่อยากรู้สึกผิดที่ไล่เธอลงจากรถข้างทาง ปล่อยเธอเอาไว้แบบนั้น
“คุณฟ้าครับ” นทีเรียกเจ้านายสาวที่เอาแต่นั่งซึมอยู่ในรถ
“จ้ะ ว่ายังไงเหรอ” ฟ้าลดาปาดน้ำตาทิ้ง พลางเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของพี่ชายที่คอยตามดูแลเธอไม่เคยห่าง อัคคีไว้วางใจนทีมากกว่าลูกน้องคนอื่น ๆ ให้คอยเฝ้าตามดูแลเธอ
“คุณฟ้าจะไปไหนต่อไหมครับ หรือว่าจะกลับบ้านเลย” นทีเอ่ยถามพลางมองเจ้านายสาวทางกระจกมองหลัง
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ” ฟ้าลดาตอบอย่างเลื่อนลอย
“ทำไมถึงได้รักคุณเกริกมากล่ะครับ” นทีเอ่ยถาม ฟ้าลดากัดปาก นั่นสิ เธอรักเขามากเพราะอะไรนะ เพราะเขาเคยช่วยเอาไว้ หรือเธอแค่อยากเอาชนะ หรือเพราะอะไร
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ”
“ถ้าเป็นผม ผมรักใครสักคนผมจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องเสียใจอย่างเด็ดขาด”
“ก็เพราะว่าเขาไม่ได้รักฉันอย่างไรล่ะ”
“เขาไม่รักทำไมถึงยังทนล่ะครับ”
“ฉันคิดว่าจะลองดูอีกสักครั้ง ถ้ามันมาถึงทางตันแล้ว ฉันจะถอย” ฟ้าลดาแอบเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่บอกให้ใครรู้ แม้กระทั่งพี่ชาย เธอขับรถแอบตามเกริกไปดูเขาทำงาน ไปแอบดูบริษัทโฆษณาของเขาแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ขับรถตามเขาอยู่หลายวันก็เห็นว่าเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอีกคน ไม่ใช่คนที่พาไปที่บ้านพ่อแม่
หล่อนเป็นเจ้าของร้านกาแฟ และท่าทีของหล่อนก็ทำให้ฟ้าลดารู้สึกหึงหวงขึ้นมาอีกครั้ง
เกริกสนิทสนมกับหล่อนถึงขนาดว่าไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน แทบจะตัวติดกันเลยก็ว่าได้
หัวใจของฟ้าลดาสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าเธอโดนนอกใจอีกครั้ง หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองว่าเธอจะคอยมาขับรถตามเขาอยู่ทำไมกัน เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอไร้ค่าแค่ไหน ตอนเข้าหอเขายังพาผู้หญิงคนอื่นไปนอนอีกห้องหนึ่ง ทิ้งเธอเอาไว้ให้นอนกินน้ำตาอยู่ในห้องหอคนเดียว
ฟ้าลดารู้สึกเหนื่อยล้าพอสมควรเมื่อคิดว่าตัวเองต้องไปตามหึงหวงเกริก ตบตีกับผู้หญิงคนอื่น เธอต้องทำตัวไร้ค่าขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรามันก็มากมายก่ายกอง
ฟ้าลดาตัดสินใจเดินเข้าไปถามหญิงสาวคนนั้นทันทีว่าหล่อนเป็นอะไรกับเกริก
“สวัสดีค่ะ” ฟ้าลดาเอ่ยทักทายหญิงสาวที่เธอเห็นว่าหล่อนไปไหนมาไหนกับสามีตัวเองมาตลอดหลายวัน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” รสาเอ่ยถามก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ท่าทีของหล่อนเหมือนรู้จักเธอ ทำให้ฟ้าลดาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ดิฉันเป็นภรรยาของเกริกน่ะค่ะ” ฟ้าลดาแนะนำตัวเอง
“ค่ะ ดิฉันรู้จักคุณแล้วละค่ะ” รสายิ้มอีก รอยยิ้มของรสาทำให้ฟ้าลดารู้สึกหัวใจสั่นรัว สัญชาตญาณบอกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ
“คุณรู้จักดิฉันด้วยเหรอคะ” ฟ้าลดาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“รู้จักสิคะ เกริกเขาเคยเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังน่ะค่ะ” รสายิ้มเหมือนรู้อะไรหลายอย่าง ท่าทีมีเลศนัยนั้นทำให้ฟ้าลดาหน้าร้อนผ่าว ถ้าคนตรงหน้าไม่ได้สำคัญจริง เกริกคงไม่เล่าอะไรให้หล่อนฟัง
หล่อนเป็นใครกันนะ ฟ้าลดาเฝ้าถามตัวเอง มองหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าที่กำลังยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าและหันมายิ้มให้เธออยู่เช่นนั้น
“เล่าว่าอย่างไรเหรอคะ”
“อยากรู้จริง ๆ เหรอคะ” รสาเอ่ยถามเหมือนหยั่งเชิง
“ค่ะ คุณพอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหมคะว่าเขาพูดอะไรบ้าง” คนสมองตื้อเอ่ยออกไปแบบนั้น ประโยคของเธอคงสร้างความขบขันแก่คนตรงหน้าไม่น้อย
“งั้นเชิญด้านหลังค่ะ” รสาผายมือไปด้านหลังร้าน น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว ฟ้าลดาก็เดินตามไปอย่างไม่เกี่ยงงอน
ผู้หญิงตรงหน้าเห็นเธอก็ทำท่าทีว่ารู้จักกัน ไม่ได้เอ่ยถามหรือเชื้อเชิญเหมือนลูกค้าคนอื่น ก็เหมือนกับรู้ว่าเธอจงใจมาหา ไม่ได้มาเป็นลูกค้า
เหมือนหล่อนรู้เรื่องของเธอทุกอย่าง แต่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย
“ฉันชื่อรสานะคะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของเกริกน่ะค่ะ” รสาแนะนำตัวเอง
“คุณกับเขามีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษเหรอคะ” ฟ้าลดาเอ่ยถาม และรสาก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
“มีอะไรน่าขำเหรอคะ”
“คุณทำเหมือนเมียหลวงพยายามจับผิดผัวและหาตัวเมียน้อยให้เจอน่ะค่ะ” รสาพูดขำ ๆ แต่ฟ้าลดาหน้าตึง
“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นเมียน้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นเมียน้อยหรอกค่ะ เพราะฉันไม่เคยคิดแย่งสามีใคร” ประโยคหนักแน่นนั้นทำให้ฟ้าลดาโล่งใจไม่น้อย แต่ก็โล่งใจได้แค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“เพราะสำหรับฉันแล้วจะมีแฟนทั้งทีก็ต้องให้เขาเลิกกับเมียของเขาก่อนค่ะ ฉันไม่ยอมเป็นเมียน้อย เมียรอง เมียเก็บหรือเป็นสองรองใครแน่นอนค่ะ”
“คุณกับเกริกคบกันเหรอคะ” ฟ้าลดากลั้นใจถาม หัวใจเต้นรัวเร็วราวกลองเพล หวาดกลัวคำตอบแต่ก็อยากรู้คำตอบ จะได้ตาสว่างเสียที เขาหายไปนานนับเดือน ทิ้งเธอเอาไว้ที่บ้านไร่เหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตน หรือไม่ได้เป็นเมียแต่งของเขา เพียงเพราะว่าเขาอาจจะมีคนอื่น เธอก็อยากรู้จะได้ตาสว่าง หลอกตัวเองมานานไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว