ตอนที่ 10 เด็กในปกครอง (3)

1854 คำ
คืนนั้นในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ที่ปาร์ตี้หน้าบ้าน ในขณะที่เธอนั้นต้องเดินไปเอาของหวานในห้องครัวมาเติมเพิ่ม ร่างเล็กจึงเดินกลับไปที่ห้องครัว โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนตามเธอเข้ามาตั้งแต่ในงานแล้ว และในระหว่างนั้นภายในครัวไม่มีใครอยู่ สักพักอีกฝ่ายที่บอกว่ามาเอาเครื่องดื่ม จู่ ๆ ก็เข้ามาประชิดตัวเธอทำท่าจะโอบกอดเธอ หากแต่มาลินีก็หลบได้อย่างหวุดหวิด ‘คุณณรงค์จะทำอะไรคะ?’ มาลินีนิ่วหน้าถามคนทำหน้ากรุ้มกริ่มหลังพาตัวเองหลบจากอีกฝ่ายได้สำเร็จ ใบหน้าของณรงค์ในยามมองเธอเวลานี้ มาลินียอมรับว่ากลัว ‘คืนนี้มะลิน่ารักจัง’ ณรงค์ไม่พูดเปล่าแต่ขยับร่างใหญ่เข้าไปหาเธอ ‘อย่าเข้ามานะ!’ มาลินีรีบตั้งการ์ด ทว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะชอบใจ ‘ตัวเล็กแค่นี้จะทำอะไรได้’ หนุ่มใหญ่ว่าพลางเอื้อมมือบีบพวงแก้มเธอเบา ๆ ‘ถ้าขืนคุณเข้ามาอีกก้าวมะลิจะร้องให้คนช่วย’ ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ มาลินีจึงขู่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงห้วน สายตากลอกมองไปที่หน้าห้องครัว ภาวนาให้มีคนเข้ามาสักคนด้วยเถอะ ‘ร้องไปเถอะ ไม่มีใครได้ยินหรอก’ ณรงค์ท้าทายด้วยรอยยิ้มไร้ซึ่งความเกรงกลัว หมายจะเข้าไปกอดร่างเล็กที่ยืนนิ่งแต่ดูเกร็ง ๆ พร้อมจะต่อยเขาเต็มที่ ซึ่งเขาไม่กลัวอยู่แล้วกับอีกแค่กำปั้นเล็ก ๆ นี้ ‘ทำอะไรน่ะ!’ เสียงของใครบางคนที่ดังมาจากประตูห้องครัว ทำให้หนุ่มใหญ่ที่เตรียมวาดแขนจะโอบกอดมาลินีชะงักงัน ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาทางดารณีด้วยใบหน้าดุดัน แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มใหญ่จะได้พูดอะไร ดารณีรีบชิงพูดขึ้นมาว่า ‘ตาเจจะเป่าเค้กแล้ว เชิญคุณอาออกไปหาหลานเถอะค่ะ’ ดารณีบอกแล้วก็เดินเข้าไปหามาลินี ‘มะลิจ้ะ ช่วยยกขนมออกไปทีจ้ะ’ ‘ค่ะคุณดา’ มาลินีรีบพยักหน้า จากนั้นคว้าถาดบนเคาน์เตอร์ออกไปด้วยความเร็วจี๋ ‘ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณอา ทำอะไรให้ระวังหน่อย’ ดารณีเองก็กล่าวทิ้งท้ายก่อนออกไปเช่นกัน ทิ้งให้หนุ่มใหญ่วัยกลางกำหมัดแน่น “ขอไวน์ให้อาแก้วหนึ่งสิจ้ะสาวน้อย” กระทั่งเสียงของณรงค์ดังขึ้น ดึงให้มาลินีที่ตกอยู่กับห้วงความคิดกับเรื่องเมื่อปีก่อนได้สติ มาลินีมองคนที่ส่งรอยยิ้มกว้างมาให้แล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนจนไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้เลย แต่ก็ฝืนทักทายแล้วรินเครื่องดื่มส่งให้เขาอย่างมีมารยาท “นี่ค่ะคุณปู่” เคยได้ยินจิรายุเรียกอีกฝ่ายว่าปู่เธอก็อยากจะเรียกอย่างนั้นบ้างคงไม่เป็นไรหรอกนะ “เรียกปู่เลยเหรอ ขอบใจจ้ะ” ณรงค์เลิกหน้าเล็กน้อยกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกเขา หากแต่สีหน้ากลับกรุ้งกริ่ง เอื้อมมือไปรับแก้วไวน์จากมาลินีแสร้งแตะปลายนิ้วเธออย่างจงใจ แต่มาลินีรีบดึงมือออก เห็นคนแก่คราวรุ่นปู่หลีใส่ ทำเอารู้สึกรังเกียจจนอยากจะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดมือ ล้างคราบร่องรอยสัมผัสนั้นราวกับเป็นเชื้อโรคร้ายแรง “ไวน์นี้หวานจัง อยากรู้จังว่าหนูจะหวานเหมือนน้ำในแก้วนี้ไหมนะ อาว่าหนูน่าจะหวานกว่าอีกว่าไหม” ณรงค์เอ่ยคำพูดชีกออย่างไม่คิดว่ามันจะน่ารังเกียจไหม พร้อม ๆ กันนั้นก็ไล่สายตามองต้นแขนกลมกลึงของสาวน้อย ก่อนจะปรายมองต่ำตรงตำแหน่งล่อตาล่อใจอย่างไม่ให้เกียรติ แม้มาลินีจะเป็นแค่คนใช้ แต่เด็กสาวไม่เหมือนสาวใช้ทั่วไป ผิวพรรณผุดผ่องยองใย ดวงหน้าน่ารักสมวัยน่าทะนุถนอม ถึงจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้ แต่เด็กสาวกลับมีบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากครอบครอง คิดแล้วรอยยิ้มหยักลึกฉายชัดบนมุมปากคล้ำ ขณะที่คนถูกมองตอนนี้อยากจะข่วนหน้าคนแก่คราวปู่เต็มประดา แต่ก็พยายามควบคุมมือไว้เปลี่ยนเป็นถามว่า “คุณปู่ต้องการรับน้ำอะไรอีกไหมคะ?” “แล้วถ้าอาอยากได้หนูแทนเครื่องดื่มล่ะ หนูมะลิจะให้ไหม?” จบประโยคชีกอ มาลินีอยากจะกลอกตามองบนสักร้อยรอบให้คนแก่คราวปู่ เธอไม่มีคำตอบอะไรทั้งนั้น แต่ณรงค์กลับขยับเข้ามาใกล้ “สนใจมาเป็นอีหนูของอาไหม รับรองว่าถ้าหนูอยากได้อะไรอายอมทุกอย่างเลย” เมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหนุ่มวัยหกสิบกว่า มาลินีกระถดถอยไปหลายก้าวด้วยความรู้สึกขยะแขยงเช่นกัน มณีรัตน์ที่ยืนตักอาหารเห็นภาพนั้นเข้าพอดี หล่อนแสยะยิ้มราวกับพอใจที่เห็นณรงค์ก้อร่อก้อติกเด็กรับใช้ จึงคิดแผนการจะสร้างโอกาสให้มาลินีและณรงค์ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ในจังหวะที่กำลังจะเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ มณีรัตน์จำต้องหยุดฝีเท้าทันควัน เพราะเห็นดนุนัยเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนเสียก่อน ดนุนัยเข้ามาทันหยุดมือหยาบโลนที่จะเอื้อมไปจับพวงแก้มของมาลินี แม้ตอนนี้อยากจะตะบันหน้าไอ้เ*******ูนี่เต็มแก่ แต่การแสดงอารมณ์ วาจาและท่าทางที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ดูวุฒิภาวะทางอารมณ์ดูต่ำ ซึ่งดนุนัยจะไม่ทำเช่นนั้น คนอย่างณรงค์ถ้าต้องเล่นเกมกับเขา การไม่เปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด “อาหารเป็นไงบ้าง ถูกปากไหมครับ?” การที่เขาพูดดีกับอีกฝ่ายใช่ว่าจะรู้สึกอย่างที่แสดงออก “ถูกปากสิหลานนิก” ณรงค์ตอบพร้อมควงแก้วในมือเบา ๆ ในขณะเดียวกันสายตาก็ชำเลืองมองที่หญิงสาวข้างกายดนุนัยตลอดอย่างไม่ปิดบัง จนดนุนัยต้องขยับกายเพื่อบังร่างเล็กจากสายตาหื่นกามของคนเฒ่าตัณหากลับ “ขอไวน์ให้ฉันสักแก้วสิมะลิ” ชายหนุ่มก้มบอกสาวน้อยที่ยืนหลบอยู่ข้างเขาราวกับจะหาที่พึ่ง มาลินีรับคำก่อนจะรีบรินไวน์ใส่แก้วแล้วเสิร์ฟดนุนัยด้วยสีหน้าแจ่มใส เขาเข้ามาถูกจังหวะพอดี รู้สึกปลอดภัยไม่น้อยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ “ขอบใจ มะลิไปช่วยป้าอบเตรียมขนมเถอะ” ดนุนัยรู้สึกรังเกียจแววตาที่ณรงค์มองสาวน้อยของเขาเต็มประดา จึงบอกเธอไปหาป้าอบที่ยืนจัดขนมใส่จานบริการแขก “ค่ะคุณนิก” มาลินีผงกแล้วผละออกไป “ช่วงนี้บริษัทนำเข้าอุปกรณ์ไอทีที่คุณอาทำอยู่เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ดนุนัยยกแก้วแสร้งแตะกับแก้วของอีกฝ่ายขณะที่อีกมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกงในท่าสบาย “ไปได้ดีทีเดียวเลย หลานอยากร่วมลงทุนด้วยกันไหมล่ะ” ณรงค์เอ่ยชวนด้วยสีหน้าแช่มชื่น “ไม่ดีกว่าครับ แค่งานที่เดอะวันบิลด์ตอนนี้ก็ล้นมืออยู่แล้ว” ดนุนัยยกขอบแก้วแตะกับริมฝีปากเบา ๆ เขาไม่ชอบทำงานสกปรก ยิ่งงานประเภทหลีกหนีภาษี เขาไม่อยากพาตัวเองเสียหายด้วยเงินไม่เท่าไหร่มันไม่คุ้ม ดนุนัยรู้ว่าคนตรงหน้าลักลอบนำเข้าสินค้าโดยไม่เสียภาษี โดยจิรัตน์เป็นคนช่วยอีกแรง เรื่องนี้เขาเพิ่งรู้หลังจากที่ให้ภักดีไปสืบเรื่องของชายวัยกลางคน เมื่อสามวันก่อน “นั่นสินะ หลานมีงานล้นมืออยู่แล้ว แต่ถ้าหลานเปลี่ยนใจก็มาบอกอาทีหลังก็แล้วกัน” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างมั่นหน้าก่อนเดินกลับไปนั่งกับหลานชายที่มองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ “แกมองฉันแล้วทำหน้าอย่างนี้หมายความว่ายังไงวะ?” “อานี่ก็แปลกคนนะ กล้าไปจะชวนน้องนิกไปทำงานด้วยไม่กลัวเรื่องที่อาทำอยู่หรือไง” จิรัตน์ตวัดเสียงเคร่ง เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่พวกเขาช่วยกันหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าทั้งทางน้ำและทางบกที่ทำอยู่บ่อย ๆ ณรงค์หัวเราะก่อนจะตบบ่าหลานชายเบา ๆ จากนั้นก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ขณะที่ตายังคงจดจ่ออยู่ที่สาวน้อยในชุดเดรสสีหวานที่ตอนนี้กำลังยืนช่วยงานแม่บ้าน และข้าง ๆ สาวน้อยยังมีหนุ่มรุ่นเดียวกันยืนคุยด้วยอย่างสนิทสนม “เจมันชอบนังสาวใช้นั่นเหรอ?” ถึงแม้จิรัตน์จะรู้สึกไม่ชอบคำสรรพนามที่คนเป็นอาเรียกมาลินีแบบนั้น หากแต่ไม่ได้ต่อว่า เพราะรู้จักณรงค์ดีว่าเป็นประเภทไม่ค่อยจะให้เกียรติผู้ที่อยู่ในฐานะต่ำกว่าอยู่แล้ว “อาถามทำไม?” จิรัตน์ถามอย่างสงสัย ก่อนปรายสายตาไปทางที่บุตรชายและมาลินียืนคุยกันแล้วยังมีณภัทรอีกคน เห็นหนุ่มสาวหัวเราะหยอกล้อกันแล้วก็หันกลับมาทางผู้เป็นอา ซึ่งตอนนี้ดวงตาฉายชัดความปรารถนาที่มีต่อมาลินีล้นทะลัก ชวนให้คิดถึงเรื่องที่ภรรยาเคยบอกไว้เมื่อปีก่อนว่าเห็นณรงค์จะลวนลามมาลินี และเขาเองที่ขอภรรยาไว้ไม่ให้เป็นคนบอกดนุนัย “ให้มันเลิกเสีย ฉันสนใจสาวใช้คนนั้น” “คงไม่ได้ครับ นั่นมันเด็กรุ่นหลานของอาเลยนะ อีกอย่างผมคิดว่าน้องนิกคงไม่ยอมให้อาทำอะไรเด็กในบ้านของเขาหรอก ถึงมะลิจะเป็นเด็กทำงานในบ้าน แต่ทุกคนในบ้านไม่ได้คิดว่าเธอเป็นสาวใช้เลย ทุกคนคิดกับเธอเหมือนหลานสาวคนหนึ่ง สมัยที่คุณแม่ยังอยู่ ท่านรักของท่านมาก ผมยังเคยคิดเลยว่าหากท่านยังอยู่ ไม่แน่ท่านอาจจะให้เจ้าเจแต่งงานกับเธอก็ได้” ณรงค์ฟังหลานชายพร่ำพรรณนาเวิ่นเว้อแล้วทำเสียงฟืดฟาดในจมูกอย่างไม่พอใจ จากนั้นยกแก้วไวน์กระดกลงคอจนหมดแก้ว ก่อนจะกล่าวอย่างมั่นหน้า “แกน่าจะรู้นะว่าคนอย่างฉันลองอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้” คนเป็นหลานส่ายหน้ากับความบ้ากามของคนเป็นอา ซึ่งจิรัตน์ชินแล้วล่ะเพราะเคยเห็นณรงค์เป็นแบบนี้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แต่เขาเชื่อหนึ่งอย่างว่าณรงค์ไม่มีทางทำสำเร็จแน่ เพราะมาลินีไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่ใครจะทำอะไรได้ง่าย ๆ ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้อาณาจักรของเจริญภิวัฒน์ สาวน้อยก็จะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เพราะดนุนัยคงไม่ยอมให้ใครแตะต้องเธอแน่! *********** โหขนาดพี่เขยของคุณนิกมั่นใจขนาดนี้ เชื่อแล้วจ้าว่าคุณนิกหวงขอเค้าจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม