ตอนที่ 11 ทวง…ของขวัญ

2008 คำ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว หลังส่งแขกคนสุดท้าย ดนุนัยไม่ได้กลับเข้าบ้าน แต่เขากลับเดินไปยังหลังบ้าน เพื่อไปหาใครบางคนที่คืนนี้ดูเหมือนเธอจะเสน่ห์แรงกว่าผู้หญิงทุกคนในงาน มีแต่หนุ่ม ๆ อยากให้ปิ้งบาร์บีคิวให้บ้างล่ะ บางคนยังให้เธอรินเหล้าให้บ้างล่ะ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอไม่อาจหลุดรอดจากสายตาคู่คมได้ และคิดว่าหลังเลิกงานแล้วจะต้องมีการจับมาอบรมแม่สาวน้อยเสียหน่อย “คุณนิกมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ?” มาลินีที่ออกจากบ้านเพื่อจะนำของขวัญวันเกิดไปให้เจ้าของวันเกิดสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ ๆ เห็นร่างสูงใหญ่ดำทะมึนยืนอยู่ข้างพุ่มไม้เหมือนคืนนั้นไม่มีผิด “มาหาเธอไงล่ะ รู้สึกว่าวันนี้เธอจะเป็นดาวเด่นกว่าใครทุกคนเลยนะสาวน้อย เห็นหนุ่ม ๆ ต่างเดินตามเธอตลอด และผลัดหมุนเวียนอยู่อย่างนั้นว่าไหม” คำพูดประชดประชันของเขาทำเอามาลินีทำหน้าไม่ถูกจึงได้เถียงกลับไปบ้าง “ก็มะลิทำงานบริการนี่คะ คนอื่นมาขอความช่วยเหลือก็ถูกแล้วค่ะ” ดวงหน้าเล็กเชิดขึ้นราวกับว่าเธอไม่ผิด เพราะคืนนี้เธอมีหน้าที่บริการแขก เธอต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด “รู้จักใช้คำนี่” ดนุนัยหยักริมฝีปาก คืนนี้เขาดื่มไปหลายแก้ว มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับสาวน้อยอย่างชอบใจ “คุณนิกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?” มาลินีเอียงหน้าถาม เมื่อเห็นใบหน้าของดนุนัยฉายแววเข้มจัด จึงค้อนอย่างไม่ชอบใจ “คุณนิกไม่มีเหตุผล มะลิไม่คุยด้วยแล้ว เมื่อกี้มะลิตั้งใจจะเอาของขวัญไปให้ แต่ตอนนี้มะลิคิดว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะ” กล่าวจบแล้วรีบหมุนตัวกลับ แต่เท้าเล็กขยับได้ไม่กี่ก้าว เธอรู้สึกว่าร่างของเธอจมลึกไปอยู่ในวงแขนของคนที่เธอเพิ่งต่อล้อต่อเถียง และเธอรับรู้ถึงแรงกอดที่แน่นเสียจนเธอขยับตัวไม่ได้ “คุณนิกกอดมะลิทำไมคะ ปล่อยค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะคะ” “ไม่ปล่อย” ด้วยแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายกำลังซ่าน ดนุนัยจึงสนุกกับการหยอกล้อกับเธอมากกว่าปกติ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเธอยังไม่พอ ยังฝังปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนใสของสาวน้อยแรงหนัก เล่นเอาคนถูกหอมถึงกับเบิกตากว้างไม่คิดว่าดนุนัยจะกล้าทำแบบนี้ กลัวพี่แจ๋วมาเห็นเหลือเกิน เพราะตอนที่เธอกลับไปเอาของขวัญทุกคนยังเก็บของอยู่ แต่ที่เธอเลี่ยงออกมาก่อนก็เพื่อมาเอาของขวัญให้ดนุนัย ด้วยคิดว่าจะมอบให้ชายหนุ่มหลังจากส่งแขกเรียบร้อยแล้วนั่นเอง “คุณนิกปล่อยมะลินะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะพากันเอาไปนินทาได้นะคะ” มาลินีเว้าวอนเสียงตื่น เธอรู้สึกว่าการที่พวกเธอมายืนในที่มืดอย่างนี้ มันคล้ายกับคนแอบมาพลอดรักกันอย่างไรอย่างนั้น “ไหนล่ะของขวัญของฉัน” ดนุนัยทำหูทวนลมพร้อมทวงถามของขวัญจากแม่สาวน้อยในอ้อมแขน ก่อนจะรั้งร่างแน่งน้อยหันมาเผชิญหน้า มาลินีรีบยื่นกล่องสีแดงให้เขา พร้อม ๆ กับพยายามผลักอีกฝ่ายออกเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่คนที่กอดเธอยิ่งกระชับวงแขน ก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “พรุ่งนี้ฉันจะไปดูงานที่ภูเก็ต ไปกับฉันนะ” ดนุนัยโน้มหน้ามาใกล้ สีหน้าและแววตาอ่อนโยน จนคนมองหัวใจสั่นไหว มาลินีเม้มปากอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “มันจะดีหรือคะ?” ถึงจะดีใจมากแค่ไหนที่เขาชวนเธอไปด้วย แต่อีกใจกลัวคนอื่นจะนินทาว่าลับหลังได้ เพราะปกติเวลาเขาไปทำงานต่างจังหวัดไม่เคยพาเธอไปด้วย “ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เพราะเธอมีหน้าที่ต้องคอยดูแลเสื้อผ้าให้ฉัน พรุ่งนี้เตรียมตัวให้พร้อม หกโมงเช้ามารอฉันที่หน้าบ้านตกลงไหม” จบประโยค ดนุนัยน้าวหน้าลงมาใกล้คล้ายจะอ้อนมากกว่าออกคำสั่ง จนเจ้าของดวงหน้าหวานต้องถอยใบหน้าออกห่าง เพราะตอนนี้ปลายจมูกโด่งโค้งดั่งสันเขาเกือบจะชิดกับดั้งของเธออยู่รอมร่อ “ตกลงค่ะ” มาลินีรีบพยักหน้า เธออยากหลุดพ้นจากพันธนาการนี้เหลือเกิน กลัวคนมาเห็นก็กลัว แต่ที่เธอกลัวยิ่งกว่าคือกลัวใจตัวเอง วันนี้เธอเห็นดนุนัยดื่มไปหลายแก้ว จนตอนนี้เธอได้กลิ่นไวน์จากปากเขาผสมกับกลิ่นนิโคติน แต่ไม่นึกรังเกียจเลย พอเห็นแววตาฉ่ำเยิ้มที่มองมา มาลินีถึงกับวูบไหวในอก “แล้วเราจะไปกันกี่วันคะ?” สาวน้อยรีบถามเพื่อกลบเกลื่อนความตื่นเต้น ขณะที่มือก็พยายามผลักเขาออกเบา ๆ พอชายหนุ่มค่อย ๆ คลายวงแขนออก ทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกหายใจโล่งอกเป็นเปราะ “ไปนอนแค่คืนเดียว เย็นวันอาทิตย์ก็กลับแล้ว” “ค่ะ งั้นมะลิขอไปช่วยงานพี่ ๆ ในครัวก่อนนะคะ” “ไม่ต้องไปทำงานแล้ว กลับไปพักเถอะ ให้พวกเขาทำงานไป เพราะพรุ่งนี้มะลิต้องตื่นเช้า” ดนุนัยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสาวน้อยจะเดินไปที่ห้องครัว ทว่าคนตัวเล็กส่ายศีรษะ “ไม่ได้ค่ะ มะลิต้องไปช่วยป้าอบและทุกคนเก็บของก่อน มะลิไม่อยากเอาเปรียบพวกเขานี่คะ” เธอบอกก่อนจะรีบผละออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ ทิ้งให้คนตัวใหญ่มองตามแล้วยิ้มบาง ก่อนหรี่มองกล่องในมือด้วยความอยากรู้ วันเกิดทุกปีได้เพียงการ์ดอวยพรจากแม่สาวน้อย แต่มาปีนี้พิเศษกว่าเพราะได้ของขวัญเป็นชิ้นเป็นอันจากเธอ ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นอยากรู้ว่าข้างในนี้คืออะไร ….. หลังจากที่ช่วยทุกคนเก็บของแล้ว มาลินีโอบแขนอบรำไพกลับมาที่เรือนหลังน้อย และในระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะเกริ่นเรื่องที่ดนุนัยจะให้เธอไปภูเก็ตกับเขาด้วย “ป้าอบจ้ะพรุ่งนี้คุณนิกจะให้มะลิไปภูเก็ตกับเธอด้วย ป้าอยากได้อะไรไหมเดี๋ยวมะลิจะซื้อมาฝาก” หยุดเดินพลางเอียงหน้าถามหญิงวัยกลางคน แต่เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของคนเป็นป้า มาลินีรีบบอกว่า “ไม่ได้ไปกันแค่สองคนค่ะ มีพี่แหม่มกับคุณผู้ช่วยภักดีไปด้วยนะคะ” “ป้าไม่ได้สงสัยว่าไปกันกี่คน แต่ที่ป้าไม่เข้าใจคือคุณนิกคิดอะไรถึงพาเอ็งไปด้วยต่างหากเล่า” ตอนนี้สีหน้าของหญิงวัยกลางคนฉายแววตรึกตรอง ก่อนจะเดินนำหลานสาวลอดซุ้มอุโมงค์ที่เชื่อมไปยังเรือนหลังเล็กสีขาวซึ่งเจ้านายสร้างให้อยู่มาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว “คุณนิกบอกว่าให้มะลิไปดูแลเรื่องเสื้อผ้า และอาหารให้เธอจ้ะ” มาลินีแอบอ้างเหตุผลเหมือนกับที่ดนุนัยบอกกับเธอ “ป้าว่าช่วงนี้เอ็งใกล้ชิดกับคุณนิกมากเกินไปแล้วนะ วันก่อนก็ให้เอ็งนั่งรถไปทำงานด้วย แล้ววันพรุ่งนี้จะให้เอ็งไปทะเลด้วย เอ็งไม่มีอะไรปิดบังป้าใช่ไหม?” อบรำไพหยุดเดินอีกครั้ง จับจ้องดวงหน้ารูปไข่ของหลานสาวเพื่อค้นหาความผิดปกติ แต่พอเห็นเจ้าหลานสาวส่ายหน้าพาซื่อจึงไม่ได้สงสัยอะไร หากแต่ก็เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า “ป้าไม่อยากให้เอ็งผิดหวัง รู้ใช่ไหมคุณนิกเธอเป็นใครเราเป็นใคร” อบรำไพยกมือลูบเรือนผมของหลานสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยน หากทว่าก็แฝงไปด้วยความเห็นใจและเข้าใจ “มะลิรู้จ้ะป้า” คนที่พยายามกลบเกลื่อนอาการประหม่าพยักหน้าหงึก ๆ นี่ถ้าหากป้าอบรู้เรื่องที่เธอกับดนุนัยทำในห้องหนังสือ ท่านจะดุและตีเธอไหมที่ไม่รักดีใจง่ายแบบนั้น “เป็นอะไรอีกเห็นยืนเหม่ออยู่ตั้งนาน” เสียงของป้าเรียกให้เธอสลัดความคิดออกจากหัว “เปล่าจ้ะ” “ถ้าเปล่าเอ็งก็รีบอาบน้ำเข้านอน พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?” “ค่ะ งั้นมะลิไปนอนก่อนนะฝันดีจ้ะ” บอกพลางฉวยหอมแก้มอวบ ๆ ของผู้เป็นป้าฟอดหนัก ๆ คนถูกหอมรีบส่ายหน้าหัวเราะ “จะหอมอะไรนักหนา หน้าเหม็นแต่เหงื่อและกลิ่นอาหาร” “ใครว่าล่ะป้าอบหอมที่สุด” พูดแล้วก็แนบพวงแก้มกับแขนอวบ ๆ ของคนเป็นป้าอย่างออดอ้อน “ไปนอนได้แล้ว” อบรำไพหัวเราะชอบใจกับท่าทางเหมือนเด็กน้อยของหลานสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือแต่อ้อนแต่ออก หล่อนก็ห่วงและหวงของหล่อนนะ “จ้ะ” มาลินีพูดเสียงอ้อนเสียงหวานใส่ผู้เป็นป้า ก่อนจะเดินยิ้มอารมณ์ดีเข้ามาในห้องนอนโทนสีชมพูพาสเทลของตัวเอง แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวทะเลกับดนุนัย หญิงสาวปรายตามองกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมที่วางอยู่บนตู้เสื้อผ้าก่อนจะเขย่งปลายเท้า เอื้อมไปหยิบมาวางลงหน้าตู้เสื้อผ้า เนื่องจากกระเป๋าไม่ได้นำออกมาใช้งานเป็นปีแล้ว ตอนนี้ผิวด้านนอกของกระเป๋าเลยมีฝุ่นเกาะอยู่บ้าง มาลินีลุกไปหยิบผ้าเปียกบนโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งเช็ดทำความสะอาด ปัดเช็ดนิดหน่อย กระเป๋าใบขนาดย่อมดูเอี่ยมอ่องขึ้นมาทันตา จากนั้นเธอเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกหาชุดตัวเก่งซึ่งมีอยู่ในตู้ไม่กี่ชุดมาพับใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กสีชมพูอ่อนอย่างเป็นระเบียบ และไม่ลืมที่ใส่ของใช้ส่วนตัวอย่างอื่นที่ต้องใช้สำหรับไปเที่ยวทะเลตามไปด้วย เพียงไม่นานก็จัดของเรียบร้อยแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำนอน ฝั่งดนุนัยเองไม่ต้องเตรียมอะไร เพราะแจ๋วช่วยจัดกระเป๋าให้เขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หลังจากที่ขึ้นมาถึงห้องนอน ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากกล่องสีแดงขนาดเล็กที่อยู่ในมือ เพิ่งได้มาจากแม่สาวน้อยเมื่อครู่ เขาอยากรู้จะแย่ว่าข้างในคืออะไร มือหนาจัดการแกะของขวัญไปขณะที่มุมปากโค้งขึ้นนิด ๆ แล้วเมื่อเห็นว่าของในกล่องคืออะไร ดนุนัยยิ้มกว้างเกือบถึงริมหู หยิบเนกไทสีน้ำเงินเข้มมาทาบอก “ฝีมือใช้ได้นี่สาวน้อย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพับไว้วางลงบนเตียงนุ่ม จากนั้นลองเปิดดูของขวัญอีกชิ้นที่อดีตแฟนสาวมอบให้เขา ตอนนี้วางอยู่ใกล้กับกระเป๋าเดินทางจึงฉวยขึ้นมาเปิดดูข้างในกล่อง ปรากฏว่ามันเป็นกล้องบันทึกวิดีโอขนาดกะทัดรัด สำหรับไว้ติดหน้ารถหรือไม่ก็ที่ทำงานก็ได้ ดนุนัยจัดการเก็บใส่กล่องดังเดิม คิดไว้ว่าไปออฟฟิศเมื่อไหร่เขาค่อยไปติดตั้งในห้องทำงานก็แล้วกัน หลังได้เปิดดูของขวัญที่ตัวเองอยากรู้แล้ว ดนุนัยเตรียมจะลุกไปอาบน้ำบ้าง ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นของขวัญอีกชิ้น ที่เพื่อนสนิทบอกว่าอยากให้เขาลองใช้ ดวงตาคมประกายพราวยามมองกล่อง ก่อนจะไหวหน้าไปมา นึกขบขันให้กับความทะลึ่งของณนนท์ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา “แล้วเราจะไปใช้กับใครล่ะ กับสาว ๆ อย่างนั้นเหรอ?” ดนุนัยพึมพำกับตัวเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม