ตอนที่ 3 อย่าดื้อ (2)

1848 คำ
“มะลิ คุณนิกให้ไปหาจ้ะ” พี่ยุวดีมาเรียกเธอนี่เอง ร่างเล็กในชุดเอี๊ยมรีบลุกขึ้น หากแต่ไม่ได้รู้สึกดีใจเหมือนอย่างทุกครั้งที่พอรู้ว่าดนุนัยเรียกหาเธอ เธอมักจะตื่นเต้นประหม่า “คุณนิกเรียกหนูมีเรื่องอะไรหรือพี่วดี?” มาลินีเอ่ยถามสาวใช้ด้วยกัน ภายหลังจากเดินออกมายังหน้าบ้าน “พี่ก็ไม่รู้จ้ะ แต่มะลิรีบไปเถอะ อย่าให้คุณเขารอนาน” มาลินีพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามรุ่นพี่สาวไปทางอุโมงค์ซุ้มดอกไม้ที่เชื่อมต่อกับทางไปคฤหาสน์ พอมาถึงห้องครัว ป้าอบให้เธอยกอาหารไปตั้งโต๊ะ เพราะดนุนัยจะนั่งกินข้าวเที่ยงกับเลขาสาว มาลินีจำเป็นต้องยกกับข้าวไปตั้งบนโต๊ะตามที่ป้าอบสั่ง ภาพดนุนัยกับเลขาสาวคุยกันหัวเราะราวกับคุยเรื่องขบขัน ทำให้หัวใจดวงน้อยเจ็บจี๊ด ๆ เมื่อมองภาพนั้น หากก็ทำได้แค่ช่วยป้าอบเตรียมอาหารอย่างที่ท่านบอก อาหารถูกจัดไว้สามชุด เธออยากจะถามเหมือนกันว่าอีกชุดของใครแต่เลือกที่จะเก็บปากเก็บคำไว้ แล้วก็กระจ่างในตอนที่เธอจะเดินออกไปหลังเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ดนุนัยเรียกเธอไว้ แล้วสั่งให้เธอนั่งกินข้าวกับพวกเขา ทำเอาเธอและป้าอบต่างก็ตกใจ ด้วยไม่คิดว่าเขาจะชวนให้เธอนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เอ่ยปฏิเสธออกไป “เชิญคุณนิกกับพี่แหม่มเถอะค่ะ มะลิไม่หิว” ศีรษะของมาลินีค้อมลงเล็กน้อยแล้วเอี้ยวตัวออกไป ทว่าเท้ายังไม่ทันก้าวพ้นห้องอาหาร เธอก็ต้องชะงักกึก เพราะเสียงอันทรงพลังของเจ้าของบ้าน “ถ้าปวดท้องเป็นโรคกระเพาะฉันจะไม่ไปส่งโรงพยาบาลนะ” ประโยคอันเข้มจัด ราวกับจะบอกกับเธอว่าอย่าดื้อ ทำเอาคนที่บอกว่าไม่หิว จำต้องเดินเข้าไปนั่งในโต๊ะอาหารตรงตำแหน่งจานข้าวที่วางอยู่ ใช่แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอไม่ได้กินมื้อเย็น เพราะอยากควบคุมอาหาร สาเหตุเพราะอยากมีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนสาว ๆ คนอื่นบ้าง แต่ตกดึกเธอปวดท้องหนัก เดือดร้อนป้าอบต้องรีบไปบอกให้ลุงระพีช่วยไปส่งเธอที่โรงพยาบาล ทว่ากลับเป็นดนุนัยที่พาเธอไปโรงพยาบาลและอบรมเธอหลายประโยคก่อนจะพากลับมาส่งที่บ้าน เมื่อหย่อนสะโพกลงนั่งเรียบร้อย จึงหันไปมองใบหน้าคมสัน ซึ่งตอนนี้นิ่งขรึม ต่างกับอีกคนที่ปั้นหน้ายิ้มอ่อน แต่ดวงตากลับฉายแววไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้ง มาลินีรีบก้มมองที่จานข้าวตัวเอง รู้สึกไม่สบายใจกับสายตาที่เลขาสาวมองเธอ “กับข้าวฝีมือป้าอบอร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ” มณีรัตน์เอ่ยปากชม พร้อมหันไปยิ้มให้เจ้านายหนุ่มตรงหัวโต๊ะ ดนุนัยเพียงพยักหน้าเท่านั้น ขณะที่ป้าอบนั้นยิ้มรับอย่างมีมารยาท หันไปมองหลานสาวสลับกับเจ้าของบ้าน บางอย่างบอกกับหล่อนว่า ดนุนัยเปลี่ยนไปซึ่งเปลี่ยนในทางไหนนั้นหล่อนไม่รู้ “แหม่มอิจฉาคนบ้านนี้จังที่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้” เลขาสาวยังคงปากหวาน เมื่อกี้เธอแสร้งบอกว่าหิวดนุนัยจึงพาเธอมากินข้าวที่นี่ ทีแรกเขาจะให้เธอกลับไปแล้ว หลังจากลูกค้าโทรมายกเลิกนัด “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณแหม่ม” อบรำไพรู้ว่านั่นคือประโยคเสแสร้งเท่านั้น หล่อนอาบน้ำร้อนมาก่อนรู้ว่าอะไรจริง อะไรปลอมซึ่งหล่อนพอจะมองออกว่าที่อีกฝ่ายยกยอปอปั้นแบบนี้เพราะอะไร ขณะที่มณีรัตน์คุยโน่นคุยนี่กับดนุนัย แต่ความจริงเป็นมณีรัตน์มากกว่าที่เป็นคนชวนดนุนัยคุย ส่วนสาวน้อยที่นั่งฝั่งขวามือของดนุนัยเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ยอมเงยหน้ามองบุคคลทั้งสอง ปล่อยให้พวกเขาคุยกันไป มาลินีคิดว่ารีบ ๆ กินแล้วจะได้รีบออกไปจากห้องอาหารเสียที แต่เพราะกินข้าวด้วยความเร่งรีบกลืนไม่ทัน หญิงสาวถึงกับสำลักไอ แค็ก! ป้าอบที่เตรียมจะออกไปจากห้องครัว จำต้องหยุดฝีเท้าหมายจะเข้าไปหาหลานสาว แต่ก็ยังช้ากว่าดนุนัยที่อยู่ใกล้ รีบลุกเข้าไปลูบแผ่นหลังให้สาวน้อย “ค่อย ๆ กินสิ” เอ่ยคล้ายจะตำหนิเล็ก ๆ แต่ค่อนไปทางเป็นห่วงมากกว่า อาการเป็นห่วงมาลินีจนออกนอกหน้าของดนุนัย ตกอยู่ในสายตาของคนในห้องอาหารโดยที่เขาไม่รู้ตัว ทำให้เลขาสาวมองด้วยแววตาไม่พอใจอย่างไม่เก็บอาการ “หนูไม่เป็นไรแล้ว คุณนิกกลับไปกินข้าวเถอะค่ะ” มาลินีที่สำลักไอจนน้ำหูน้ำตาเล็ด รับแก้วน้ำจากมือหนาแล้วดื่มเล็กน้อยก่อนจะวางลง และเมื่อเงยหน้ามองใบหน้าหล่อบาดใจอยู่ใกล้ไม่ถึงวา เลยเห็นความห่วงใยในแววตาคมอย่างแจ่มชัด ชวนให้คนตัวเล็กรู้สึกดีอย่างไรบอกไม่ถูก หากแต่เมื่อหันกลับไปมองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเลขาสาวมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งแน่นอนว่าดนุนัยไม่เห็นสายตาของเลขานุการสาว เพราะชายหนุ่มไม่ชายตามองไปทางฝั่งที่หล่อนนั่ง ดนุนัยกลับมานั่งที่เดิม แต่เขาไม่ได้แตะอาหารบนโต๊ะ เอาแต่จับจ้องสาวน้อยที่เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ ชวนให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ ในสมัยนั้นป้าอบต้องทำงานบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถดูแลหลานสาววัยกระเตาะได้ตลอดเวลา จึงปล่อยให้มาลินีมาเล่นในห้องโถงตามที่มารดาของเขาสั่ง เพื่อให้พี่เลี้ยงที่ดูแลจิรายุจะได้ช่วยดูแลเด็กทั้งสองควบคู่กันไป เมื่อหวนนึกถึงในวันวานเขาจำได้ว่ามารดาของเขานั้นทั้งรักและเอ็นดูเด็กผู้หญิงแก้มยุ้ยคนนี้มาก ถึงขนาดตั้งชื่อเล่นให้เธอว่า ‘มะลิ’ ให้คล้องจองกับชื่อจริงของเธอว่า ‘มาลินี’ ตั้งแต่นั้นมาใคร ๆ ต่างก็พากันเรียกเด็กหญิงตัวป้อม ๆ ว่ามะลิตามที่แม่เรียก เวลาพี่เลี้ยงเตรียมอาหารให้จิรายุ ก็จะต้องมีของแม่สาวน้อยจ้ำม่ำคนนี้ด้วย มาลินีเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายกินง่าย และกินได้ทุกอย่างและเธอก็จะกินหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน ต่างจากจิรายุ รายนั้นต้องเขนให้กินกว่าจะกินแต่ละคำยากเย็นจนพี่เลี้ยงที่ดูแลต้องเสียเวลาป้อนอาหารเป็นชั่วโมง ๆ ดนุนัยถึงกับเผลอยิ้มออกมา มองคนที่บอกว่าไม่หิวข้าวในตอนนี้เจริญอาหารมากกว่าใครแล้วพลางส่ายหน้า แม้มาลินีอายุยี่สิบเต็มปีนี้แล้ว แต่ด้วยหญิงสาวเป็นคนตัวเล็ก สูงราว ๆ 160 เซนติเมตร และชอบใส่เสื้อผ้าเหมือนเด็กเลยทำให้เธอดูเด็กมาก ไม่อ้วนไม่ผอม หากแต่เป็นคนมีแก้มแล้วแก้มป่องทั้งสองข้างของเธอก็ช่างน่าหยิกจนเขารู้สึกคันไม้คันมือ เมื่อกี้ในห้องทำงาน หลังจากที่อ่านเอกสารหลายฉบับที่เลขาสาวมาให้เซ็นถึงคฤหาสน์เสร็จ จากที่คิดว่าจะออกไปคุยงานที่ข้างนอกกับลูกค้าต่อ ทว่าลูกค้าโทรมาเลื่อนนัดเป็นวันธรรมดาแทน ดนุนัยจึงเอ่ยชวนเลขาอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อนกลับ แล้วพอเข้ามานั่งในห้องอาหารไม่เห็นมาลินี จึงได้เอ่ยถามป้าอบว่าเด็กสาวกินข้าวหรือยัง พอป้าอบบอกว่าเธอยังไม่ได้กินข้าว เขาเลยบอกยุวดีไปเรียกเธอให้มานั่งกินข้าวด้วยกัน เพราะเขาไม่อยากนั่งกินข้าวกับเลขานุการสาวเพียงลำพัง “หนูอิ่มแล้วค่ะคุณนิก” มาลินีเงยหน้าบอกคนที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ ก่อนจะรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อเห็นเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อมองจานข้าวของเขาพร่องไปนิดเดียวขณะที่จานของเธอนั้นเกือบหมดจะเหลือก็แค่ถั่วฝักยาวซอยก็เท่านั้น เรียวปากอวบอิ่มกดเม้มแน่นกลบเกลื่อนความอาย “แหม่มก็อิ่มแล้วค่ะบอส” มณีรัตน์ซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับมาลินีจึงเอ่ยขึ้นบ้าง หล่อนเองก็กินข้าวไม่กี่คำเพราะกินอะไรไม่ลงที่เห็นสายตาของเจ้านายหนุ่มมัวแต่จับจ้องที่สาวใช้ มณีรัตน์มองไปทางจานข้าวของมาลินี เห็นเด็กสาวกินจนหมดเกลี้ยงจะเหลือก็แต่… ‘ถั่วฝักยาว’ แม้จะนึกแปลกใจที่ไม่เห็นมาลินีแตะผักตระกูลถั่วเลย ทว่าหล่อนก็ไม่ได้เอ่ยถาม “จะรับของว่างอะไรไหม?” ดนุนัยถอนสายตาจากดวงหน้าหวานแล้วหันมาถามเลขานุการสาวซึ่งเวลานี้มีสีหน้าราบเรียบ “ไม่ค่ะบอส แหม่มอิ่มแล้ว” มณีรัตน์ส่ายหน้าปฏิเสธ “งั้นแหม่มขอตัวกลับก่อนนะคะ” เลขาสาวเอ่ยลาเมื่อออกมาจากห้องอาหาร จากนั้นเลขานุการสาวในชุดกระโปรงชีฟองผละออกไปเมื่อเจ้าของบ้านพยักหน้ารับรู้ มณีรัตน์เข้ามานั่งในรถญี่ปุ่นคันเล็กแล้วกำพวงมาลัยแน่น วันนี้หล่อนได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ดนุนัยมองสาวใช้คนนั้นด้วยแววตาที่หล่อนไม่เคยเห็นเขามองผู้หญิงคนไหนมาก่อน มันทำให้นึกหล่อนกลัว เพราะเด็กนั่นหน้าตาสวยใช้ได้ ถึงขั้นสวยมากเลยแหละ และด้วยวัยที่กำลังเบ่งบานเหมือนดอกไม้แรกแย้ม ย่อมเป็นที่ต้องการของหมู่ภมร ซึ่งหนึ่งในนั้นคงจะเป็นดนุนัยด้วย ที่ผ่านมา แม้ดนุนัยไม่เคยแสดงกริยาในทางชู้สาวต่อเด็กในปกครอง แต่หล่อนสังเกตว่าเวลาชายหนุ่มไปทำงานที่ต่างประเทศ ถ้างานนั้นหล่อนต้องไปด้วย ดนุนัยมักจะวานหล่อนให้เลือกซื้อของใช้สำหรับผู้หญิง ทีแรกหล่อนเข้าใจว่าเขาซื้อให้ตัวเองจนนึกดีใจ แต่พอรู้ว่าเจ้านายหนุ่มซื้อไปฝากเด็กสาวในบ้าน เธอถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่เคยเห็นนายจ้างคนไหนที่ใจดีซื้อของแบรนด์เนมให้ลูกจ้าง เพราะสินค้าบางชิ้นราคาสูงเฉียดแสน ขณะที่หล่อนนั้นเป็นถึงเลขาส่วนตัวไม่เคยได้สิ่งเหล่านั้นเลย นอกจากโบนัสที่ได้เหมือนกับพนักงานคนอื่น ๆ เท่านั้น มณีรัตน์คิดแล้วกัดฟันกรอด ก่อนจะบังคับพวงมาลัยออกจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ที่หล่อนใฝ่ฝันว่าสักวันตัวเองจะได้เข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่ หากแต่ความฝันนี้มันคงจะยากขึ้นมาเสียแล้ว… แต่ยังไงหล่อนจะไม่มีวันยอมเสียดนุนัยให้คนรับใช้อย่างมาลินีแน่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม