ตอนที่ 12 หวังดีประสงค์ร้าย (2)

1667 คำ
การรับประทานมื้อเที่ยง ผ่านไปในเวลาต่อมา ขณะที่คนอื่น ๆ ข้าวหมดจาน แต่มณีรัตน์กลับกินข้าวนิดเดียว เดือดร้อนคนเป็นห่วงลูกน้องอย่างดนุนัยจนต้องเอ่ยถามเลขานุการสาว “กับข้าวไม่ถูกปากเหรอคุณแหม่ม ทำไมคุณกินน้อยจัง” จบคำถามของดนุนัย ภักดีผู้รู้ว่าน้องสาวลูกพี่ลูกน้องเป็นอะไรรีบแทรกขึ้น เพราะไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มรู้ถึงสาเหตุ “ช่วงนี้น้องแหม่มกำลังไดเอทครับบอส เวลาอยู่บ้านก็กินน้อยแบบนี้เหมือนกัน” ภักดีรู้ความคิดความอ่านของมณีรัตน์ รู้ไปถึงไส้พุงว่าน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคิดอะไรกับดนุนัย ซึ่งเขาก็เคยเตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่าคิดและคาดหวังอะไรเกี่ยวกับเจ้านายหนุ่ม เพราะยังไงดนุนัยไม่มีทางคิดอะไรกับมณีรัตน์เกินไปกว่าลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้น การที่เขาทำดีด้วยก็ทำในฐานะผู้บังคับบัญชาที่พึงกระทำและมีเมตตาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น หากแต่น้องสาวของเขามักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้ “ไม่ต้องลดหรอกครับ ผมว่ารูปร่างคุณแหม่มกำลังดีแล้วนะ ดีจนสาว ๆ บางคนอาจอิจฉาเลยแหละ” ดนุนัยบอกภายหลังจากหัวเราะเบา ๆ คำชมของเขาทำเอาคนฟังยิ้มหน้าระรื่น ยิ่งมีความหวัง และคิดว่าสิ่งที่ตนกำลังจะทำมันไม่ผิด ดนุนัยกับผู้ช่วยลงไปยังพื้นที่ก่อสร้างอีกครั้งหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ กว่าจะคุยงานกับทีมงานเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูหน้าปัดนาฬิกาหรูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ซึ่งตอนนี้บอกเวลาสิบแปดนาฬิกาสิบห้านาทีแล้ว เพราะจากโครงการก่อสร้างมาที่รีสอร์ตใช้ระยะเวลาในการเดินทางเกือบยี่สิบนาที ทั้งสามคนกลับมาถึงรีสอร์ต จวนใกล้ค่ำแล้วและเมื่อกลับมาถึงต่างก็อาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะได้ไปนั่งทานมื้อค่ำในร้านอาหารริมชายหาดที่ดนุนัยให้เลขาจองไว้เมื่อช่วงกลางวัน สี่คนนั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหาร โดยมีบริกรคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อาหารบนโต๊ะส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นอาหารทะเล นั่งกินไปคุยไป แต่ดูเหมือนคนที่จะเงียบกว่าคนอื่นคือเลขามณีรัตน์ ที่คอยลอบมองมาลินีสลับกับเจ้าในหนุ่ม “กินข้าวเสร็จแล้วเราไปเดินรับลมเย็น ๆ กันต่อนะคะ” เลขาสาวกล่าว ในขณะที่สายตาจับอยู่ที่เจ้าหนุ่ม คล้ายกับแสร้งบอกให้เขารู้ว่าเธออยากไปเดินเล่นกับเขา ซึ่งดนุนัยกำลังจะบอกปัด แต่เมื่อนึกได้ว่าสาวน้อยนั่งข้าง ๆ อาจจะอยากไปเดินเล่นด้วย เพราะช่วงกลางวันสาวน้อยคงจะยังไม่ได้ไปไหน อีกอย่างวิวในยามค่ำคืนที่นี่สวยมาก จึงได้พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมชวนคนที่อายุน้อยสุดในโต๊ะอาหารที่ขณะนี้กำลังหยิบกุ้งโต ๆ มากิน “ไปด้วยกันนะมะลิ” “ค่ะคุณนิก” มาลินีพยักหน้าโดยไม่รู้ว่ามุมปากเลอะด้วยน้ำซอส ดนุนัยเห็นแล้วบอกให้เด็กสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ซึ่งคนบนโต๊ะก็งงอยู่ว่าบอสของพวกเขาจะทำอะไร แต่เมื่อเห็นดนุนัยหยิบกระดาษทิชชูเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากให้มาลินี ทั้งภักดีและมณีรัตน์อึ้งไปตาม ๆ กัน ภักดีนั้นไม่เท่าไหร่เพราะเห็นพฤติกรรมของดนุนัยเริ่มเปลี่ยนมาหลายเดือนแล้ว แต่มณีรัตน์นี่สิถึงกับกำฝ่ามือเข้าหากันแน่น สายตามองที่มาลินีมีประกายไฟริษยา จนภักดีต้องเอ่ยเตือนด้วยการใช้สายตาดุ ๆ ใส่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องว่าให้เก็บอาการหน่อย “แหม่มขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” เลขาสาวเกรงว่าขืนนั่งอยู่ตรงนี้อาจจะคุมอารมณ์คุกรุ่นไม่อยู่ พาลระเบิดออกมากลางโต๊ะอาหาร ระหว่างทางไปห้องน้ำ พอเดินผ่านพนักงานชายที่นำเครื่องดื่มกำลังจะไปบริการแขกในโต๊ะอาหาร หญิงสาวเกิดความคิดบางอย่าง ก่อนจะเรียกพนักงานไว้ “น้องไปบริการโต๊ะสี่ทีนะ บอกว่าเป็นบริการพิเศษจากคนพิเศษ” บอกแล้วหยิบทั้งเงินและบางอย่างส่งให้บริกร ซึ่งทีแรกบริกรจะปฏิเสธ แต่มณีรัตน์บอกว่าไม่เป็นไรคนที่ใส่เสื้อยืดสีขาวเป็นแฟนของหล่อนเอง และวันนี้หล่อนมาฉลองสละโสดกับแฟนหนุ่มเลยอยากเซอร์ไพรส์ให้ก็เท่านั้น ได้ยินแบบนั้นแล้วบริกรหนุ่มจึงจัดการตามที่บอก ภายหลังจากเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าโต๊ะอื่นเรียบร้อย รีบกลับไปออเดอร์เครื่องดื่มกับเพื่อนร่วมงาน เพียงไม่นานเครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็พร้อมนำเสิร์ฟลูกค้า ในระหว่างทางพนักงานชายจัดการเทบางอย่างลงในแก้วใบที่ลูกค้าสาวสั่ง ก่อนเดินไปทางโต๊ะที่ดนุนัยนั่งกินข้าว ไวน์แดงสี่แก้วถูกวางลงตามจำนวนคนนั่ง ทั้งสามคนหันมามองหน้ากัน เป็นภักดีที่บอกพนักงานว่า “เราไม่ได้สั่งนี่ครับ” “มีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งสั่งไว้ครับ” บริกรส่งรอยยิ้มเป็นมิตรพร้อมกับโค้งตัวถอยออกไป พอได้ยินเช่นนั้นดนุนัยคิดว่าคงเป็นมณีรัตน์ ซึ่งถ้าเลขานุการสาวอยากดื่มเขาก็ไม่อยากขัด จึงได้หยิบไวน์ขึ้นมาจิบนิด ๆ ขณะที่มาลินีนั้นมองแก้วไวน์สลับกับหนุ่มตัวโต พอเห็นสายตาอนุญาตจากเขา เธอจึงยกขึ้นมาจิบ แต่แล้วต้องเบ้หน้าก่อนรีบดื่มน้ำตามเพราะรู้สึกขมลิ้น ดนุนัยมองใบหน้าบิดเบี้ยวของสาวน้อยแล้วถึงกับหัวเราะเบา ๆ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องดื่มแล้ว แค่ลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไงก็พอ” เห็นใบหน้าเหยเกของมาลินีแล้วรู้ว่าเธอไม่ชอบ ที่สำคัญคือไม่อยากให้เธอดื่มเยอะด้วย เพราะเด็กสาวไม่เคยแตะต้องแอลกอฮอล์มาก่อน “ค่ะคุณนิก” มาลินีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ส่วนมณีรัตน์ที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษพร้อมทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งเดิม จนพี่ชายอย่างภักดีนึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร เขาหยิบไวน์ขึ้นมาจิบจากนั้นจึงขอตัวไปห้องน้ำบ้าง ตอนนี้เหลือเพียงแค่สองสาวกับหนึ่งหนุ่มที่นั่งจิบไวน์กันเล่น ๆ ทว่าในเวลาต่อมา ดนุนัยรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย ตอนนี้กำลังรู้สึกไม่สบายตัว และความรู้สึกนี้มันยิ่งก่อตัวรุนแรงขึ้นอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่น่าจะเกิดความรู้สึกแบบนี้ในร้านอาหารเพราะไม่มีสิ่งยั่วยุเหมือนในสถานบันเทิง ตาคมเข้มกราดมองน้ำสีแดงในแก้ว ก่อนจะหันไปมองเลขาสาว แต่อีกฝ่ายกลับมองมาอย่างใสซื่อ ดนุนัยจึงกวาดสายตามองหาบริกรคนที่เสิร์ฟเครื่องดื่มเมื่อครู่ หากแต่ก็ไม่พบ และพอรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยไหวแล้ว ดนุนัยหยิบบัตรสีทองจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะ “คุณแหม่มช่วยจัดการค่าอาหารที” กล่าวจบ ดนุนัยเตรียมจะลุกขึ้น แต่ชายหนุ่มมึนจนแทบจะลุกไม่ไหว มาลินีซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับดนุนัยสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา เพราะตอนนี้โหนกแก้มสากแดงจนไล่ไปถึงใบหู และเหมือนเขากำลังเริ่มเมาแล้ว จึงขออาสาไปส่ง ทว่ายังไม่ทันลุกจากเก้าอี้มณีรัตน์รีบเข้าไปประคองดนุนัยก่อน “ให้แหม่มช่วยนะคะบอส” หล่อนอาสา “ไม่ต้อง” เสียงของดนุนัยจัดว่ายังปกติ เขาหันไปทางสาวน้อยที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “มะลิพาฉันกลับที” “ค่ะคุณนิก” มาลินีพยักหน้าแล้วลุกจากเก้าอี้ กำลังจะเข้าไปคว้าแขนของดนุนัย แต่ถูกเลขาสาวตวัดตาค้อนควัก สาวน้อยทำได้แค่ยืนนิ่งไม่กล้าเข้าไปช่วยดนุนัยอีก ส่วนมณีรัตน์นั้นหลังจากถลึงตาใส่มาลินี หมายจะเข้าไปประคองดนุนัยอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เลขาสาวต้องสะดุ้งกับน้ำเสียงห้วนของเขา “ผมบอกว่าไม่ต้องไง!” ดนุนัยตวาดเสียงดังขึ้น ทำให้คนในร้านเริ่มหันมาทางโต๊ะของพวกเขา “มะลิประคองฉันไปที” ร่างสูงขยับเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่ถูก แต่เมื่อลำแขนใหญ่พาดลงบนบ่ากลมกลึง มาลินีจำต้องสอดมือโอบรอบเอวสอบไว้มั่น ก่อนจะประคองเขาออกไปยังห้องอาหารอย่างทุลักทุเล ทิ้งให้คนเจ้าแผนการมองตามแล้วกัดฟันกรอด สองมือกำแน่นหนัก “บ้าจริง มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ!” มณีรัตน์สบถเสียงลอดไรฟัน ในขณะเดียวกันภักดีที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นใครจึงชักสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเพียงคนเดียว “บอสกับน้องมะลิออกไปแล้วเหรอ?” ถามแล้วก็กวาดตามองหาเจ้านายหนุ่มและมาลินีไปด้วย “ไปแล้วฝากพี่ช่วยเคลียร์ค่าอาหารหน่อยละกัน” กล่าวจบยัดบัตรสีทองลงบนฝ่ามือคนเป็นพี่ชาย ตัวเองสะบัดก้นออกไปคล้ายคนอารมณ์เสีย ภักดีมองน้องสาวลูกพี่ลูกน้องแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จากนั้นชายหนุ่มลงนั่งเก้าอี้ตัวเดิมแล้วกวักมือเรียกพนักงานเพื่อเช็กบิล ************ คุณเลขาชวดโอกาสที่จะได้ครอบครองคุณนิกแล้วค่ะ แล้วเเบบนี้มะลิจะเจอศึกหนักไหมเนี่ย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม