(เมื่อไหร่แกจะมากรุงเทพสักที แกก็รู้ว่าพวกฉันสองคนไม่มีเวลาขึ้นไปหาแก) มือเล็กควานหามือถือที่วางอยู่ข้าง ๆ เมื่อมีสายเรียกเข้า
หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาหาเธอและยังไม่ทันที่เธอจะเปล่งเสียงรับสาย เสียงแหลมของเพื่อนรักก็ดังแทรกขึ้นมา
(โวยวายอะไร? ฉันรีบปั่นต้นฉบับอยู่) เสียงหวานเอ่ยบอกกับชามาเพื่อนสาวของตัวเอง น้ำเสียงฟืดฟาดจากปลายสาย
ทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่หน้าจอคอมถึงกับหลุดยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าชามากำลังงอแงเหมือนเด็กติดเพื่อนไม่ปาน ทั้งที่พวกเธอต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานกันครบทุกคน
(ณดา ก็ช่วงนี้ฉันเหงา)
(แต่ปกติแกไม่เหงานะ มีอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่า) เสียงหวานของณดานักเขียนสาวเอ่ยถามเพื่อนอย่างมีพิรุธ
หญิงสาวเริ่มสงสัยในตัวของชามาและคำตอบก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนสาวของเธอทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเพื่อนสาวเธอ
(ก็)
(ทะเลาะกับแฟนอีกแล้วใช่ไหม) ณดาจี้คำถามใส่ชามาออกไป หญิงสาวทราบดีถึงสาเหตุที่เพื่อนรักโทรมาก่อกวนเธอในเวลานี้
(รู้ดีจังนะแก คนไม่มีแฟนแบบแก ทำไมถึงรู้ดีจัง) คำพูดประชดประชันของชามา ทำให้ณดาถึงกับชะงักในคำพูดของเพื่อนรักตัวเอง
(เฮ้ย!!ณดา ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ) น้ำเสียงร้อนรนของชามารีบเอ่ยขอโทษขอโพยณดา กับประโยคที่เหมือนสะกิดแผลที่อยู่ในใจของเพื่อนรักมาโดยตลอด
(ฉันไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว)
(อยากตบปากตัวเองจริง ๆ) น้ำเสียงที่รู้สึกผิดของชามาเหมือนกำลังด่าทอตัวเองอยู่ เรียกรอยยิ้มบางจากปลายสายได้เป็นอย่างดี เมื่อเห็นว่าชามาบ่นคิดถึงเธอมาก ณดาก็ไม่รอช้าที่เธอจะแจ้งกำหนดการของตัวเองที่กำลังจะเดินทางไปกรุงเทพเร็ว ๆ นี้
(เดือนหน้าฉันมีงานที่กรุงเทพ ยังไงก็รบกวนแกมารับฉันด้วย) เมื่อได้ยินประโยคบอกเล่าจากเพื่อน เสียงเฮลั่นของชามาก็ดังขึ้น
(ได้เลย งั้นไม่กวนล่ะ ทำงานของเธอต่อไปเถอะ)
“คุณแม่ขา” หลังจากที่ณดาวางสายจากชามาได้ไม่นาน เสียงงัวเงียของลูกสาวคนสวยที่พึ่งตื่นนอนช่วงกลางวันดังขึ้น เด็กน้อยวัยสองขวบครึ่งเดินเข้าไปกอดแม่ของตัวเองที่กำลังนั่งทำงานอยู่
ใบหน้าจิ้มลิ้มถูไถแขนเล็กของคุณแม่ยังสาว จนทำให้ณดาที่ทนมองลูกอ้อนของลูกสาวไม่ไหวถึงกับรีบอุ้มลูกน้อยขึ้นมานั่งบนตักของเธอ
“คนสวยของแม่ หิวรึยังคะ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“วันนี้ไรอันอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม แม่จะทำให้ทาน” เสียงหวานปนอบอุ่นเอ่ยถามลูกสาวคนสวยของตัวเอง ใบหน้าของไรอันที่โอนเอนไปฝั่งพ่อมากกว่าฝั่งเธอ จนทำให้ใครหลายคนมักจะทักผิดเสมอคิดว่าไรอันเป็นหลานสาวมากกว่าลูกสาวของเธอ
“ไข่ตุ๋น” รอยยิ้มที่สดใสของไรอัน ทำให้คนเป็นแม่อย่างณดาถึงกับใจอ่อนยวบกับท่าทางน่ารักของลูกสาว ไรอันเป็นเด็กฉลาด อยู่ง่าย ทานง่าย และเลี้ยงง่ายมาตั้งแต่เด็ก เหมือนกับลูกน้อยของเธอทราบดีว่าผู้เป็นแม่ต้องอุ้มท้องและเลี้ยงดูเธอเพียงลำพัง
“อยากทานแค่นี้เองเหรอลูก”
“อือ อะไรอีกดีน้า”นิ้วเล็กของไรอันจิ้มที่แก้มป่องของตัวเอง เหมือนกำลังคิดเมนูอาหารเพิ่มเติมสำหรับเย็นนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มดูจริงจังจนณดาอดมันเขี้ยวไม่ได้ โน้มตัวไปหอมแก้มไรอันฟอดใหญ่
“คิดยากขนาดนั้นเลยเหรอลูก” รอยยิ้มคุณแม่ยังสาวยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักน่าชังของลูกสาวตัวเอง ไรอันทำให้เธอรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นยังไง รักที่บริสุทธิ์ตั้งแต่เห็นหน้า
“ม๊าก มากค่า” ไรอันคือความสุขสุดท้ายในชีวิตของณดา ในชีวิตของหญิงสาวมีเพียงแค่ลูกน้อยคนเดียวเท่านั้น เธอไม่มีแม้แต่ครอบครัวเนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อนานมาแล้ว จะมีก็แต่เงินประกันก้อนโตที่ทิ้งเอาไว้ให้กับเธอเพื่อต่อลมหายใจและชีวิต
“ไรอัน แม่รักหนูนะลูก” ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกสาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เหมือนใครบางคน ยามเห็นก็อดนึกถึงไม่ได้ เธอไม่เคยลืมหน้าผู้ชายคนนั้นได้เลยสักวันเดียว เพียงแค่เห็นหน้าลูกสาวที่เหมือนเขาราวกับแกะ
“ไรอันก็รักคุณแม่ค่า” สองคนแม่ลูกกอดกันกลม ไรอันคือลมหายใจของณดา คือหัวใจที่ทำให้เธอสามารถผ่านช่วงชีวิตอันโหดร้ายในอดีตมาได้จนถึงทุกวันนี้
เพราะหลายปีที่ผ่านมาเธอทิ้งอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจเอาไว้ ความเจ็บปวดแสนสาหัสจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แต่เพราะมีลูกน้อยในท้อง จึงทำให้เธอมีแรงฮึดสู้จนถึงทุกวันนี้