‘แม่! หนูฝัน หนูฝันร้าย...’
‘ไม่เป็นไรลูกฮันวอล ไม่เป็นไร มันแค่ความฝันลูก แค่ความฝันเท่านั้นลูก ฝันร้ายกลายเป็นดี ไม่เป็นไร’
เสียงแม่ปลอบประโลมแต่กลับเจือความสั่นไหวไม่ต่างกัน นั่นทำให้หล่อนไม่กล้าคิดว่านั่นเป็นแค่ความฝัน เพราะมันชัดเจนและสั่นสะท้านหัวใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อกับแม่ยกเลิกทริปที่จะพาหล่อนไปเที่ยวน้ำตก เพราะว่าหล่อนมีไข้จากการฝันร้าย และหล่อนก็ไม่อยากให้พ่อไปไหนห่างตัวหล่อนเลย
จากวันเป็นหลายวัน และก็กลายเป็นสัปดาห์ เหตุการณ์ก็เหมือนจะปกติทุกอย่าง จนหล่อนเบาใจ เพราะเลย 1 สัปดาห์แล้ว
จนถึงวันที่หล่อนกับพ่อแม่ใกล้จะกลับโซล พ่อที่ขับรถเข้าไปในสวนลิ้นจี่ เพื่อไปช่วยขนผลผลิตที่ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วไปส่งตลาด กลับหายไป ติดต่อไม่ได้ ปู่ให้คนที่บ้านออกติดตามหาจนมืด ก็ไปเห็นรถกระบะของปู่จอดอยู่ข้างทาง มีพ่อฟุบหลับอยู่ที่พวงมาลัย
และพ่อก็ไม่อยู่กับหล่อนอีกแล้ว กว่าจะมีคนไปเจอ ร่างกายของพ่อก็แข็งและเย็นชืด
นั่นทำให้หล่อนเรียนรู้ว่า เหตุการณ์จากฝัน แม้จะไม่ใช่เหตุฟ้าผ่า ไม่ใช่เหตุรถชน แต่ทั้งหมดก็ทำให้ตายได้สำเร็จ ตายตามฝัน เรียกว่าฝันมีจุดมุ่งหมาย และระยะเวลาจากวันที่ฝันจนถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ก็ไม่ใช่ 1 สัปดาห์ เหมือนนิมิตผ่านการสัมผัสตัว
หลังจากเหตุการณ์นั้นหล่อนไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย มีแต่แม่ที่ยังคงเดินทางมาหาปู่กับย่า แต่ไม่ได้อยู่นานนับเดือนเหมือนตอนที่พ่ออยู่
และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้หล่อนหวาดกลัวความฝัน เพราะความฝันถือเป็นลางบอกเหตุหรือตาทิพย์ที่เกิดกับคนในครอบครัวที่ชัดเจนที่สุด
ใครๆ คงอยากมีฝันที่เป็นจริง ยกเว้นหล่อนกับแม่
ตาทิพย์ที่เหมือนเป็น ‘ตาที่ 3’ เป็นความสามารถพิเศษของคนในครอบครัวแม่ทางฝ่ายผู้หญิง ตั้งแต่คุณยาย มาแม่ แล้วก็หล่อน แต่ทุกครั้งก็จะเป็นตาทิพย์เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าผ่านการสัมผัสเนื้อตัวของคนเหล่านั้น ซึ่งก็มีทั้งดีและร้าย แต่ส่วนมากจะร้าย แม่จึงห้ามเด็ดขาดไม่ให้หล่อนไปทักใครสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะการไปทำนายทายทักอาจทำให้คนที่ได้รับคำทักไม่สบายใจ
แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่หล่อนเห็นคนในครอบครัวและเห็นผ่านความฝัน ปกติจะเป็นภาพที่แวบเข้ามาในสมอง ถ้าหล่อนได้สัมผัสตัวคนคนนั้น แต่ในกรณีของพ่อก็เหมือนเป็นลางบอกเหตุให้หล่อนได้รับรู้และทำใจว่าพ่อจะไม่อยู่
แม้หล่อนจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมหล่อนถึงเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านฝัน แต่ก็รู้อานุภาพของมันแล้วว่าร้ายแรงแค่ไหน
นั่นทำให้หล่อนต้องมาที่นี่ กลับมาที่เมืองไทย เพราะภาพความฝันชัดเจน
ภาพนิมิตที่เห็นผ่านความฝัน แต่ชัดเจนได้ราวตาเห็น หล่อนรู้แล้วว่ามันแม่นยำที่สุด
ตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่าผู้ชายในความฝันจะถูกทำร้าย แต่จะถูกยิงหรือถูกทำร้ายโดยวิธีไหนนั้นหล่อนบอกไม่ได้ รวมทั้งภาพที่หล่อนแต่งงานกับเขาด้วย นั่นหล่อนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงไหม เพราะหล่อนไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย และจากประสบการณ์ก็สอนให้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเหมือนเป็นเพียงองค์ประกอบให้หล่อนรู้ว่าจุดสิ้นสุดของเรื่องราวจะเดินทางไปถึงตรงไหน ซึ่งนั่นคือ เขาถูกทำร้ายแน่ แต่จะร้ายแรงแค่ไหนคงต้องให้ได้เจอหน้าเขา ได้สัมผัส และให้ได้ฝันอีกครั้ง
และหล่อนก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องช่วยเขาให้ได้
ไม่ว่าเขากับหล่อนจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน หล่อนก็ไม่อยากให้ร้ายแรงเหมือนคราวพ่อ ที่หล่อนอาจเตือน อาจผ่อนหนักเป็นเบา แต่หล่อนกลับไม่ทำอะไรเลย มัวแต่หวาดกลัว เฝ้าระวังว่าสิ่งนั้นจะเกิด และก็ดันคิดว่าแม่ก็คงไม่ได้ทำอะไรด้วย เพราะแม่ห้ามไม่ให้หล่อนเตือนคนอื่น ถ้าเขาคนนั้นไม่ถาม เช่นตอนที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับคุณป้ามิซากิไง
‘คุณป้าจะตกบันได ก้นกระแทกพื้น ต้องไปผ่าตัดสะโพกกับข้อมือนะคะ’
‘ฮันวอล! ทำไมหนูไปบอกคุณป้าแบบนั้นล่ะลูก’
เวลานั้นหล่อนในวัย 6 ปีสะดุ้งกับเสียงตวาดลั่นของแม่ จนคุณป้ามิซากิซึ่งเป็นเพื่อนบ้านถึงกับตกใจรีบปล่อยมือหล่อนทันที ก็แน่ล่ะ เพราะแม่ของหล่อนมีแต่ความสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้อื่นเสมอ ไอ้จะมาออกอาการตวาดลูกแบบนี้ให้เพื่อนบ้านเห็นคงไม่มีแน่ แต่แม่คงเหลืออดกับหล่อนเต็มที เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนไม่เชื่อฟัง
‘ไม่เป็นไรซองอึน ฮันวอลก็แค่กลัวพี่จะตกจากบันไดน่ะ ก็เลยมาเตือน’
เป็นจริงที่คุณป้ามิซากิบอกเรื่องตกบันได แต่หล่อนไม่ได้เตือน หล่อนบอกความจริงตามสิ่งที่เห็นต่างหาก ภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับคนที่หล่อนสัมผัสเนื้อตัวของเขา และหล่อนก็เห็นตามนั้นจริงๆ
และวันรุ่งขึ้นคุณป้ามิซากิก็ตกบันไดจนต้องไปผ่าตัดสะโพกและข้อมือจริงๆ
ตั้งแต่นั้นแม่ก็กำชับพร้อมย้ำๆๆๆ ไม่ให้หล่อนไปเตือนไปทักใครเรื่องที่หล่อนเห็น แม้หล่อนจะเถียงว่าคุณป้ามิซากิตกบันไดตามที่หล่อนบอกจริงๆ แม่ก็ให้เหตุผลว่านั่นมันเป็นเพียงความบังเอิญ และสิ่งที่หล่อนเห็นในมโนภาพก็คือความฝัน หล่อนกำลังฝันกลางวัน ซึ่งเด็กวัยกำลังโตแบบหล่อนก็มักจะมีอาการแบบนี้ได้ทุกคน