2 ชั่วโมงต่อมา
“มาถึงแล้ว”
“เดินเข้ามาในร้านกาแฟเลย”
“โอเค”
ชายหนุ่มนั่งเล่นอยู่กับคนตัวเล็กจนกระทั่งเพื่อนของเขามาถึงและโทรมาหา เขาจึงให้เพื่อนเดินเข้ามาในร้านเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับลูกค้าบางส่วนที่นั่งอยู่ด้านนอก
เสียงกระดิ่งเปิดประตูดังขึ้น ซินซินหันไปมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นสไตล์การแต่งตัวของพวกเขาเธอมั่นใจว่าพวกเขาคือเพื่อนของคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างเธอตอนนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มต้อนรับพวกเขา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ คือ…..”
“พวกนายเข้ามา”
ชายหนุ่ม 2 คนกำลังจะบอกเจ้าของร้านว่าพวกเขามาหาเพื่อน แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไร เสียงเพื่อนของเขาก็ดังขึ้น หญิงสาวหันไปมองคนข้างๆแล้วพยักหน้าเป็นการบอกพวกเขาว่าคนที่พวกเขาต้องการเจอกำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ
“หืม”
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วเดินมาด้านข้างเคาน์เตอร์ จึงมองเห็นเพื่อนของพวกเขาที่กำลังนั่งหันหลังให้ และในมือของเขาก็กำลังถือโทรศัพท์อยู่ โทรศัพท์ที่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ของเพื่อนเขาแน่นอน
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
“รอพวกนาย”
“คุณ เขาไปข้างในเถอะ”
“โอเค”
เสียงพูดคุยภาษาจีนดังขึ้น เรียกความสนใจจากลูกค้าที่อยู่ภายในร้านไม่น้อย หญิงสาวจึงบอกกับคนข้างๆให้เขาพาเพื่อนเข้าไปข้างในบ้าน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนหลังจากตอบรับเธอ เขาแตะแผ่นหลังบางเบาๆก่อนจะวางโทรศัพท์ในมือและพยักหน้าให้ทั้งสองคนตามเขาเข้าไป
เมื่อเข้ามาในบ้าน ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เฉินซื่อซีไม่เคยเปิดเผยความเป็นส่วนตัวมากขนาดนี้กับใครมาก่อน ยิ่งโทรศัพท์ของคนอื่นเขาจะไม่แตะเลย แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเพื่อนของเขากำลังเล่นโทรศัพท์ของหญิงสาวเจ้าของบ้านอยู่
“อธิบายมา” หวังข่ายพูดหลังจากนั่งลงที่โซฟา โดยที่ฮ่าวหนานมองสำรวจภายในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าพอใจ ผู้หญิงคนนี้สไตล์คล้ายกับเพื่อนของเขา
“ก็บังเอิญเจอที่นี่ หลังจากหนีคนที่เจอแล้วจำฉันได้ แค่นั้นเลย”
“แล้วนายก็อยู่ที่นี่อะนะ”
“อือ ก็เธอเฉยกับฉันมาก ฉันมั่นใจว่าเธอรู้จักฉันนะ แต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะยุ่งเรื่องส่วนตัวหรือเข้าใกล้ฉันเลย”
“แล้วที่พวกฉันเห็นคืออะไร” ฮ่าวหนานหันมาถามหลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินซื่อซีบอก
“ก็อย่างที่เห็น ฉันเข้าหาเธอ เธอไม่เคยแตะหรือถูกตัวฉันเลย ถ้าฉันไม่บอกเธอว่าฉันอนุญาต”
หวังข่ายกับฮ่าวหนานหันมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เขาแทบไม่เชื่อว่าเพื่อนของพวกเขาจะเข้าหาหญิงสาวก่อนทั้งที่เพื่อนเขาเป็นคนดัง
“เอาเถอะ เดี๋ยวพวกนายก็รู้ จะพักก่อนไหม”
“พักสิ เหนื่อยจะตาย เดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกิน”
“อือ พวกนายพักห้องนี้ไปละกัน”
ร่างสูงเดินนำเพื่อนไปเปิดประตูห้องนอนเล็กที่เขาใช้อยู่ ทั้งสองคนหันมามองเขาอย่างแปลกใจ
“แล้วนายจะนอนยังไง” ฮ่าวหนานถามหลังจากสำรวจห้อง เมื่อเห็นเสื้อผ้าและข้าวของของเฉินซื่อซี
“ฉันจะไปนอนห้องนู้น”
“หืม…..”
“ห้องของซินซิน”
“เฮ้ยยย”
หวังข่ายกับฮ่าวหนานร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าเฉินซื่อซีเป็นคนยังไง คนที่รักความเป็นส่วนตัวจนถึงขนาดไม่ใช้แก้วน้ำ ไม่ใช้ช้อนร่วมกับใครหรือกินอาหารต่อจากใคร รวมถึงไม่ใช้ของใช้ร่วมกับใคร แต่กลับออกปากเองว่าจะไปนอนร่วมห้องกับหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักได้เพียงไม่กี่วัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจอยู่ไม่น้อย
“รู้ใช่ไหมว่าฉันหวงความส่วนตัวและรักความสะอาดมากแค่ไหน”
“เออ”
“พวกนายคอยดู ว่าทำไมฉันถึงไม่เป็นกับเธอคนนี้”
เฉินซื่อซีตัดบทก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป ปล่อยให้เพื่อนเขาทำอะไรไม่ถูกอยู่แบบนั้น
ทางด้านซินซิน หลังจากทั้ง 3 คนเดินเข้าบ้านไปแล้ว เธอก็เตรียมตัวปิดร้าน การที่มีแขกมาที่บ้านเธอก็คงไม่ควรจะปล่อยให้แขกอยู่กันเองโดยไม่ได้ต้อนรับอะไร ถึงแม้เฉินซื่อซีจะคอยดูแลพวกเขาอยู่ก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้ง 3 คนก็ถือว่าเป็นแขกของเธอ
เมื่อเก็บร้านเสร็จหญิงสาวก็เตรียมตัวจะกลับเข้าบ้าน เป็นจังหวะที่ร่างสูงเดินออกมาหาเธอพอดี
“อ้าว คุณไม่อยู่กับเพื่อนคุณล่ะคะ”
“พวกเขาพักกันอยู่น่ะ ซินซิน…..”
“คะ”
“สงสารผมไหม”
“ห๊ะ”
“ผมยกห้องให้พวกเขาไปแล้ว”
“…..” หญิงสาวได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน เธอไม่อยากรู้ความหมายนี้เลย
“…..” ดวงตาคมมองใบหน้าขาวผ่องที่เจื่อนลง เขาพยายามกลั้นยิ้มจนใบหน้ากระตุก
“…..ค่ะ ก็ตามนั้น”
“ขอบคุณครับ”
มือใหญ่ผายให้หญิงสาวเดินนำเข้าบ้าน หญิงสาวถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้าวเท้าเดิน เสียงหัวเราะเอ็นดูดังขึ้นเบาๆ
เมื่อเข้ามาในบ้านซินซินก็วางข้าวของลงที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงเบาๆ ดวงตากลมโตมองสิ่งที่เขากำลังทำอย่างไม่เข้าใจนัก
“มื้อเย็นออกไปหาอะไรกินละกันเนอะ คุณจะได้ไม่ต้องทำ”
“ได้ค่ะ”
“คุณไปพักก่อนเถอะ ผมมั่นใจว่าคืนนี้ดึกแน่นอน”
หญิงสาวตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนด้วยอาการมึนงง โทรศัพท์กับกระเป๋าเงินถูกเก็บเข้าที่ ก่อนที่เจ้าของร่างเล็กจะเดินเข้าห้องแต่งตัวไปโดยไม่ลืมล็อกประตู
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จซินซินก็นั่งเป่าผมอยู่ที่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่เคยคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ในชีวิตเลย เธอคงจะคิดว่าเธอกำลังฝันอยู่ด้วยซ้ำถ้าหากเธอไม่ได้ใช้ชีวิตทุกอย่างตามปกติ
ใบหน้าขาวใสขึ้นสีเล็กน้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังจะต้องใช้ห้องเดียวกับศิลปินที่เธอชื่นชอบจนกว่าเพื่อนของเขาจะกลับไป
“เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันเนี่ย” ริมฝีปากเล็กพึมพำเบาๆ ก่อนจะเก็บไดร์เป่าผมเข้าที่แล้วปลดล็อกประตูห้องแต่งตัวเพื่อกลับออกมาที่ห้องนอน
คนตัวเล็กขึ้นไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเมื่ออากาศในห้องเย็นสบายน่านอน เธอเปิดแอร์เอาไว้ตอนเข้ามา เมื่อเธออาบน้ำเสร็จความเย็นของอากาศจึงกำลังดี คิดอะไรเพลินๆไม่นานก็เผลอหลับไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
หลังจากหญิงสาวหลับไปไม่นาน ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงก้าวเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและของใช้ส่วนตัว เขาไม่อยากเดินกลับไปกลับมาเวลาอาบน้ำจึงตั้งใจว่าจะเอามาไว้ห้องนี้ชั่วคราว
เมื่อเข้ามาภายในห้องแต่งตัวสีหน้าพอใจที่ปิดไม่มิดก็ปรากฏขึ้น ทุกอย่างถูกจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่ในห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบจนไม่เหมือนห้องน้ำที่เพิ่งถูกใช้งานไปไม่นาน
หลังจากเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าที่ว่างอยู่ ร่างสูงก็เดินมาหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง มองหญิงสาวตัวเล็กที่หลับสนิทด้วยแววตาที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่ทันรู้สึกตัว
หลังจากชายหนุ่มนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงของหญิงสาวจนเกือบชั่วโมงเขาจึงปลุกเธอ เพราะเกรงว่าถ้านอนนานเกินไปในช่วงเย็นจะทำให้ปวดหัวได้
ซินซินตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้ามึนงงว่าเขาเข้ามาในห้องเธอได้อย่างไร แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาจะมานอนที่ห้องของเธอ อาการง่วงนอนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“หิวไหม ออกไปหาอะไรกินกัน พวกนั้นตื่นกันหมดละ”
“ค่ะ ขอล้างหน้าก่อนนะคะ”
“จ้ะ อ้อ เปลี่ยนกางเกงด้วยนะ”
“…..ค่ะ”
หลังจากตวัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปล้างหน้าล้างตา ก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเขาได้สั่งให้เธอเปลี่ยนกางเกง หญิงสาวลืมสนิทว่าเขาจะเข้ามาพักในห้องของเธอ จึงใส่กางเกงขาสั้นตามปกติ
“เอาไว้เพื่อนผมไม่อยู่ คุณค่อยใส่เสื้อผ้าตามปกติ”
“เอ่อ ค่ะ” ดวงตากลมโตหรี่ลงด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมรับปากเขาแต่โดยดี
“อ้อ เปลี่ยนชุดเลยน่าจะดี พวกเขาจะไปดื่มกันน่ะ”
ใบหน้าสวยหวานขยับเป็นสัญญาณรับรู้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว ไม่นานก็กลับออกมาด้วยกางเกงยีนขายาวทรงกระบอก กับเสื้อสีดำคล้องคอโชว์แผ่นหลังขาวสวยที่มีรอยสักรูปดอกคาเนชั่นสีชมพูสวยงาม
“…..”
“…..”
ดวงตาคมมองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ เขาได้แต่ถอนหายใจ อย่างน้อยก็ดีกว่าใส่ขาสั้น เพราะซินซินขาสวยมาก อีกทั้งยังขาวจนสว่าง มันไม่สามารถปกปิดได้ แต่ถ้าเป็นเสื้อ เขายังสามารถให้เธอใส่เสื้อของเขาคลุมเอาไว้ได้
“ไปเถอะ ค่อยใส่เสื้อของผมคลุมเอาไว้”
ขายาวก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว จับไหล่บอบบางหันหลังเพื่อให้เธอเดินนำออกจากห้อง แต่สายตาก็ดันเห็นรอยสักของเธอเข้า
“ถามไหมคะ”
“อื้ม”
“ดอกคาเนชั่นสีชมพูหมายถึงรักบริสุทธิ์ ซึ่งสำหรับฉันคือแม่ ตรงก้านจึงเป็นวันเกิดและวันตายของแม่ฉัน”
“อื้ม ขอบคุณที่อธิบายนะ” ปลายนิ้วยาวแตะลงที่รอยสัก ลูบมันเบาๆ
หัวใจดวงน้อยที่เคยผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียอุ่นวาบ เท้าเล็กหยุดชะงัก ดวงตากลมโตคลอด้วยน้ำใสที่รื้นขึ้นมา เปลือกตาสั่นระริกปิดลงราวกับต้องการไล่หยดน้ำใสออกไป
ร่างเล็กสะท้าน แผ่นหลังเปลือยเปล่ารู้สึกอุ่นขึ้น เมื่อเจ้าของร่างสูงขยับตัวเข้ามาใกล้ ดึงร่างหญิงสาวเพียงแผ่วเบา เพื่อให้เธอพิงหลังกับอกกว้าง วงแขนอบอุ่นโอบล้อมร่างบอบบางเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสจับต้องร่างกายของเธอ เขาโอบกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้ด้วยการจับที่ข้อมือของตัวเองและกำมือเอาไว้เพื่อป้องกันการแตะต้องเธอ
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งน้ำใสๆในตาเหือดแห้งไป จึงแตะแขนแข็งแรงเบาๆเป็นการบอกเขาว่าเธอโอเค
“พร้อมไหม”
“ค่ะ”
ฝ่ามืออบอุ่นจับไหล่บาง โอบกอดให้ร่างเล็กเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน โดยไม่ลืมกดล็อกประตูเมื่อหญิงสาวหยิบพวงกุญแจออกจากตู้เรียบร้อยแล้ว