“เป็นอะไรวะ อยู่ๆก็สะดุ้ง” ฉันส่ายหน้าให้เซียมซีก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าต่ออยู่ๆก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาซะงั้น แอร์ในรถก็ไม่ได้จะแรงมากเลยนะ
“แกไปถูกใช่ป่ะเนี่ย แล้ววันนี้เจ๊สวยจะตามมาป่ะวะ” ซีมันถามฉันแต่หน้ามันก็จ้องโทรศัพท์ไปตลอดทางพอมองกระจกหลังก็เห็นรถสปอร์ตขันสีขาวของฟ้าใสที่มียูกินั่งมาด้วยขับตามมาติดๆ
“น่าจะไม่อ่ะ เห็นว่าไปเคลียร์กับลูกค้าของพี่โม” มันพยักหน้าแล้วนั่งถ่ายรูปต่ออย่างสนุกสนาน จนเรามาถึงร้านที่ใช้ในการถ่ายแบบวันนี้รถสปอร์ตสองคันจอดขนาบข้างกันพร้อมกับที่มีสาวสวยอย่างพวกฉันก้าวออกมาจากรถ ทำให้คนแถวนี้มองกันใหญ่
...คนมันฮอตช่วยไม่ได้จริงๆ
“พี่โมที่เป็นดาวแล้วมีแฟนหล่อสะท้านมดลูกคนนั้นอ่ะหรอ” หล่อสะท้านมดลูก?? มันหล่อขนาดไหนวะถึงเป็นได้ขนาดนั้นอ่ะ ฉันส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในร้านซึ่งมีทีมงานเตรียมสถานที่ไว้ให้พร้อมอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะพี่ๆ ห้องแต่งตัวไปทางไหนคะ” พวกฉันรับกุญแจห้องมาแล้วเดินไปตามทางที่ทีมงานบอกอากาสข้างในเย็นเฉียบเลย
“เคยได้ยินแต่ไม่เคยเข้ามา ...หรูหราเหมือนกันนะเนี่ย” ฟ้าใสมองไปรอบๆแล้วพึมพำออกมาซึ่งฉันก็พยักหน้าเห็นด้วยอ่ะ เพราะการตกแต่งมันดูไฮโซแถมราคาเครื่องดื่มที่นี่ก็แพงหูฉี่ซะด้วย
...ขนาดนางแบบอย่างพวกฉันยังไม่กล้าเข้ามานั่งพวกคุณลองคิดดูสิว่ามันจะแพงขนาดไหน
“ก็ชาร์ตซะกะรวยเลยนี่นา ...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ จะได้กลับไปดูหนัง” พวกเราเดินแยกเข้าไปในห้องส่วนตัวตามกุญแจที่ได้มา มันดูคล้ายๆจะเป็นห้องนอนมากกว่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซะมั้งเนี่ย
“มีกล้องมั้ยเนี่ย” ปกติฉันก็ไม่ใช่คนคิดเยอะหรอกนะแต่พอเห็นแบบนี้แล้วเนี่ยอดสงสัยไม่ได้เลย แต่พอสังเกตุดูรอบๆห้องก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีกล้องแอบถ่ายแน่นอน เลยถอดชุดออกจนเหลือแค่บราเซียร์สีดำกับอันเดอร์แวร์เข้าชุด
“นี่ชุดหรือเศษผ้าเนี่ย?” ฉันใช้นิ้วคีบเศษผ้าสีเนื้อสองชิ้นขึ้นมาดูแล้วทำหน้าแขยงใส่มัน ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่เลยนะ
Rrrrrrr(เจ๊สวย)
“เมอร์ว่าจะโทรหาพอดีเลย ...นี่มันงานถ่ายแบบแน่ๆใช่มั้ย”
(มันทำไมหรอยะ? ...มีคนมาลวมลามหล่อนอีกแล้วเหรอ)
“เปล่าๆ ไม่ใช่ ...เมอร์แค่สงสัยว่าทำไมเขาถึงเอาชุดหมามาให้เมอร์ใส่ล่ะ” พอจบประโยคก็ได้ยินเสียงเจ๊สวยหัวเราะดังลั่นออกมานอกสายจนฉันต้องเอาหูให้ห่างจากโทรศัพท์เพราะเสียงหัวเราะของนางดังเกินที่หูฉันจะทนไหว
(งานโชว์ผิวน่ะลูกสาว ผ้าสองชิ้นแล้วตัดต่อเหมือนไม่ได้ใส่จ้า)
“นี่มันจะไม่ได้โชว์แค่ผิวน่ะสิ -_-
(เอาน่ะ ...แค่นี้ก่อนนะฉันต้องเคลียร์ปัญหาต่อแล้ว แฟนยัยโมนี่ถีบหน้าช่างภาพลูกค้าฉันซะฟันร่วงเกือบหมดปาก)
“ค่า เดี๋ยวถ่ายงานเสร็จแล้วเมอร์จะโทรบอก” ฉันก็แอบขำๆกับความกลุ้มใจของเจ๊สวยเหมือนกันนะ รู้ทั้งรู้ว่าแฟนพี่โมเขาขี้หึงจะตายยังไปรับงานถ่ายแบบที่โชว์ผิวให้อีก
“หูย โป๊เกินไปมั้ยอ่ะ มีเปียกน้ำด้วยหรอ” ฟ้าใสแอบบ่นเบาๆตอนที่เห็นฉากที่ทีมงานเซ็ทมาให้ ซึ่งฉันมองมันอย่างเบื่อหน่าย เอาเถอะ! ให้มันจบๆไปถ่ายเสร็จก็แยกย้ายแค่นั้นเอง
“พร้อมแล้วนะครับมาฟังล็อคก่อนจะได้จบงานไวๆ ...สาวๆทำเหมือนสดชื่นกับการอาบน้ำมากๆ มีความสุขกับฟองสบู่ตรงหน้านะครับ เดี่ยวที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของผมเอง” ตลอดเวลาที่พี่ช่างภาพเขาอธิบายสายตาเขาก็มองมาที่ฉันตลอดซึ่งฉันก็ไม่ได้หลบสายตาไง
...ถ้าจะจ้องมาขนาดนี้แล้วไม่จ้องกลับก็คงไม่ใช่เมอร์ลินแล้วแหละ
“จ้ะ จ้องขนาดนี้เลิกกองมีขอไลน์แน่นอน ร้อยเปอร์เลยจ้ะ” เซียมซีเอนตัวมาข้างหลังฉันแล้วกระซิบเบาๆให้เราได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น
“ก็ลองดูว่าจะเจอเทพบุตรหรือตะกวด” ฉันยิ้มหวานส่งไปให้ทีมงานก่อนจะเริ่มต้นจัดท่าทางให้ออกมาดูดีที่สุด
“กิ ...นี่แกเป็นคนหรือหุ่นยนต์เนี่ย เมื่อกี้ยังง่วงอยู่เลยทำไมฮึกเหิมขึ้นได้วะ ฮ่าๆ” มันมองด้วยหางตาแล้วยักคิ้วอย่างกวนตีนก่อนจะยิ้มให้กล้องอย่างสดใส ฉันแอบเห็นว่าช่างภาพคนนั้นทำหน้าอึ้งๆไปแปปนึงด้วย
“สวยครับ ...ยูกิกับเซียมซีเขยิบเข้านิดนึงครับเดี๋ยวตกเฟรม ไม่สวยอย่าโทษผมนะ” เขากดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆแล้วมองพวกเราผ่านเฟรมอย่างเดียวโดยไม่ได้เดินมาแตะตัวพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่คะ เรียกซีอย่างเดียวดีกว่า เรียกเซียมซีแล้วหนูรู้สึกเหมือนเป็นศาลเจ้าเคลื่อนที่เลยค่า ฮ่าๆ” เซียมซีมันยิ้มส่งมาให้ฉันอย่างรู้ทันก่อนจะขยิบตาส่งให้มาครั้งนึง
“โอเคเลยครับ ...พักก่อนนะ อยากมาดูรูปมั้ยสาวๆ” เหมือนว่าเขาจะถามรวมๆใช่มั้ยแต่สายตาเขากลับมองมาที่ฉันแค่คนเดียวแล้วยิ้มเล็กๆส่งมาให้
...และแน่นอนว่าไม่มีทางรอดพ้นสายตาเซียมซีไปได้ค่ะ -_-
“จ้า ยิ้มอย่างนี้ซะหน่อยมั้ยล่ะ” ฉันจิ๊ปากใส่มันอย่างดุๆก่อนจะใส่เสื้อคลุมไปมุงดูรูปเซ็ทที่เพิ่งถ่ายเสร็จเมื่อกี้ เขายิ้มอย่างเขินๆแล้วเขยิบตัวให้ฉันดูได้สะดวก
“รูปนี้มือเมอร์ป่าวอ่ะ” ฟ้าใสชี้ไปที่รูปนึงที่มีแค่มือแล้วคีบก้านกุหลาบไว้ก่อนจะยิ้มอย่างล้อเลียนซึ่งช่างภาพก็ทำหน้าอึกอักเหมือนว่าแก้ตัวไม่ถูก
“แก้ตัวไม่ถูกอ่ะ แถไปก็น่าจะไม่รอด ฮ่าๆ ...เอ่อ ดูรูปไปก่อนนะแล้วพร้อมเมื่อไหร่ก็เรียก” เขาเอามือเกาหัวอย่างเขินๆก่อนจะปล่อยให้พวกเราดูรูปกันอย่างเต็มที่ ซึ่งมันจะมีบางรูปที่โฟกัสหน้าฉันอย่างชัดเจนจนโดนเพื่อนๆล้อซะหมดอายแล้วเนี่ย
“โอ้ย จะเล็งอะไรเบอร์นั้นอ่ะ ...ถ่ายต่อเถอะอยากให้เพื่อนไปเดทละ เอ้ย อยากให้เพื่อนพักผ่อนละ” ยูกิขยิบตาให้ก่อนจะเดินไปรอในฉากเหมือนเดิม
“ครับ ...มองกล้องครับเล่นกันสนุกแล้วหันมามองกล้องแบบเผลอด้วยครับ ดีครับ” เสียงกดชัตเตอร์รัวๆทำให้ฉันลืมเรืองก่อนหน้านี้ไปได้พักนึงแต่แล้วก็ต้องมาเขินอีกรอบเพราะไอ้เซียมซีดันพูดขึ้นมาว่า
“พี่คะอย่าลืมโฟกัสที่หน้าพวกหนูนะคะ ฮ่าๆ” ทีมงานก็หัวเราะอย่างล้อๆก่อนจะเดินมายิ้มกริ่มให้ฉันกับช่างภาพคนนั้นแล้วเดินไป มันเป็นอย่างนี้จนถ่ายงานเสร็จเลยฉันงี้ตัวแดงเป็นกุ้งหมดแล้วเนี่ย
“ชอบรูปไหนเป็นพิเศษมั้ยเดี๋ยวส่งให้” ระหว่างที่ยืนดูรูปกับพวกเพื่อนๆ พี่ออกัส ช่างภาพที่ถ่ายให้ก็เดินมายืนข้างๆแล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง (คือตั้งแต่เจอกันเนี่ยไม่เคยเห็นหยุดยิ้มสักที) เพื่อนก็เหมือนจะรู้งานเพราะแต่ละคนขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแทบจะพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว
“อยากได้รูปกุหลาบอ่ะ เอาไปลงไอจีได้มั้ยเนี่ย” เขาพยักหน้าแล้วแบมือมาตรงหน้าฉัน ฉันยักคิ้วแล้วส่งสายตาเป็นคำถามกลับไปให้
“ขอไลน์ไง ...ไม่งั้นเราจะส่งได้ไงอ่ะ” เขาอมยิ้มส่งมาให้แล้วกระดิกมือขอโทรศัพท์ของฉัน แต่ฉันส่ายหน้า...
“ส่งผ่านบลูทูธได้มะ” ฉันตอบอย่างยียวนกลับไปซึ่งเขาก็หัวเราะหึๆแล้วส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ฉันแทน
“สมัยนี้ใครเขาใช้บลูทูธ ...เชยอ่ะ ฮ่ะๆ เราไม่ทักไปกวนดึกๆหรอก ขอไลน์หน่อยนะครับ ?” ฉันทำหน้าลังเลเพื่อดูสีหน้าเขานิดหน่อยว่ารำคาญหรือโมโหง่ายอะไรแบบนี้หรือเปล่าแต่ก็ไม่นะ เขาดูยิ้มตาหยีอารมณ์ดีตลอดเวลาเลย
“ให้ส่งมาแค่รูปนะ ...ไม่ต้องส่งข้อความมา” ฉันพิมพ์ไลน์ลงในโทรศัพท์ก่อนจะเพิ่มเพื่อนแล้วคืนเขาไป
“ก็ถ้าห้ามใจไหวอ่ะนะ ...แต่คิดว่าคงทำไมได้หรอก ?” ออกัสขยิบตาส่งให้ฉันแล้วเดินไปหาทีมงานที่กำลังเก็บของอยู่ ฉันเลยหันหลังเดินตามเพื่อนๆขึ้นไปเปลี่ยนชุด
...อยากกลับบ้านจะแย่แล้วเนี่ย