“ไม่ดีกว่าค่ะ น้าอยู่บ้านดีกว่า คุณภูพาทรายไปเถอะค่ะ รายนั้นไม่เคยไปเที่ยวทะเลเลย”
“ถ้าทรายไปน้าดาจะอยู่กับใครคะ” พิชชาพรอดเป็นห่วงกานดาไม่ได้ เธอรู้สึกไม่ดีหากปล่อยให้นางอยู่ตามลำพัง
“ไม่เป็นไรทราย น้าอยู่ได้ ทรายไปกับคุณภูเถอะลูก” นางรู้ว่าพิชชาพรนั้นอยากไปภูเก็ตแต่ติดที่เป็นห่วงนาง ลูกเลี้ยงที่แสนดีจึงสองจิตสองใจที่จะไปกับภูริภัทร
“เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ ทรายจะโทรฯ ไปบอกพี่วี ให้พี่วีมาอยู่เป็นเพื่อนน้าดา ทรายจะได้สบายใจ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ตรงกันข้ามกับภูริภัทรที่หน้าบึ้งตึงเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคนที่เขาไม่ชอบหน้า ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เขารู้มาจากกานดาว่ารู้จักกับกวีมาตั้งแต่อยู่บ้านหลังเก่า มีความสนิทสนมกับนางและพิชชาพรเป็นอย่างมาก และที่สำคัญกวีรักและตามจีบพิชชาพรมาตลอดหลายปี หากแต่คนรักของเขามีเพียงคำว่าพี่และเพื่อนเท่านั้นที่มอบให้
“ตามใจทรายก็แล้วกัน...ว่าแต่วีเขาจะว่างหรือลูก” กานดาอดถามไม่ได้
“เดี๋ยวทรายจัดการเองค่ะ น้าดาไม่ต้องเป็นห่วง” เธอพูดเสียงใส ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมากดหมายเลขของกวี โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของคนรักเลย มีเพียงกานดาเท่านั้นที่มองเห็น นางจึงรีบห้ามปรามพิชชาพรก่อนที่ภูริภัทรจะไม่พอใจลูกเลี้ยงของนางไปมากกว่านี้
“ทราย...น้าว่าอย่ารบกวนวีเขาเลยลูก เขาเป็นหมอคงไม่มีเวลามาดูแล น้าหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงน้า น้าอยู่ได้ไม่กี่วันเอง” นิ้วมือที่กำลังกดเบอร์โทรศัพท์ของกวีหยุดชะงักลง จริงสิเธอลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย กวีเป็นนายแพทย์คงไม่มีเวลามาดูแลกานดาเหมือนก่อน แต่ถ้าไม่มีใครมาอยู่เป็นเพื่อนกานดา เธอเองก็ไม่อยากไปไหนทั้งสิ้น
“ทรายเป็นห่วงน้าดานี่คะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้าหรอกลูก น้าบอกว่าอยู่ได้ก็คืออยู่ได้ น้ายังแข็งแรงอยู่ นี่ก็จะไปตลาดพอดี งั้นน้าไปก่อนนะ” กานดาเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับตะกร้าใบเก่ง ที่นางพกติดตัวไปทุกครั้งยามที่ไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาดสด เมื่อร่างของกานดาเดินออกไปจากบ้านแล้ว เธอจึงหันมามองหน้าภูริภัทรที่ยังคงบึ้งตึงและราบเรียบอยู่เหมือนเดิม
“คุณภูเป็นอะไรคะ” พิชชาพรเอ่ยถามโดยไม่รู้ว่าสาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ
“ผมไม่ชอบให้ทรายคบกับคนที่ชื่อวี” เขาพูดเสียงขุ่น
“พี่วี...ทำไมล่ะคะ พี่วีเปรียบเสมือนพี่ชายของทราย ทำไมทรายจะคบกับพี่วีไม่ได้” พิชชาพรร้องค้าน เธอไม่เข้าใจว่าภูริภัทรรู้จักกวีได้ยังไง และเธอก็ไม่เคยพูดถึงกวีให้เขาฟังด้วย
“น้าดาบอกผมว่าคนคนนี้เขาชอบทรายอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมไม่ชอบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดงอน ความหึงหวงแล่นมาจุกที่คอหอย พิชชาพรยิ้มกับท่าทางที่น่ารักของคนตัวโตที่ทำท่างอนอยู่นี้ กานดาคงเล่าให้ภูริภัทรฟังเรื่องของกวีเป็นแน่ เพราะกลัวว่าหากทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ภูริภัทรอาจจะเข้าใจผิดได้ เธอขยับร่างเข้าใกล้ร่างหนา อิงศีรษะซบที่ไหล่ของเขาอย่างออดอ้อน
“ทรายรักคุณภูคนเดียวค่ะ ไม่มีใจเผื่อให้ใครแล้ว พี่วีเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของทราย ความรักที่ทรายมีต่อพี่วีแตกต่างกับความรักที่ทรายมอบให้คุณภูมากมายนัก คุณภูสบายใจได้นะคะทรายไม่มีวันหันไปรักใครได้อีก นอกจากคุณภูคนเดียว”
ชายหนุ่มหันร่างมาทางคนรัก ดวงตาของเขายิ้มสดใสเช่นเดียวกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม คำบอกรักที่เขาอยากได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน คำหนักแน่นของสถานะของกวีที่เขาได้รับฟัง ทำให้ภูริภัทรสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก ลำแขนหนาโอบรัดร่างบางไว้แน่นด้วยความปีติ ลำแขนเรียวเล็กโอบรัดร่างหนาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักไว้เช่นกัน
“ผมรักทรายนะ รักที่สุดเลย...รักคนเดียวและรักตลอดไป” เขาพูดออกมา จากใจจริง ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ ในที่สุดเธอก็ค้นพบกับความสุขที่แท้จริงเสียที แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของหญิงสาว เธออยากบอกความจริงให้เขารับรู้เรื่องราวในอดีตของเธอ แต่กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้และจากเธอไป
นิ้วเรียวยาวช้อนคางมนให้เงยหน้ามองสบตาเขา อยากให้เธอได้รับรู้ว่าดวงตาคู่นี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เขาจะมอง หัวใจของเขาจะมีเพียงเธอเท่านั้น พิชชาพรไม่อาจมองสบตาคู่นั้นได้ เธอหลุบตาลงต่ำด้วยความเขินอาย เมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ หญิงสาวใจสั่น หัวใจเต้นรัว ลังเลว่าจะตอบรับจูบของเขาดีหรือไม่ หากแต่ความรักที่มีให้กับเขาและคิดอยู่ในใจว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่จะรักและมอบร่างกายให้
ริมฝีปากหนาทาบทับกลีบปากนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะออกแรงบดเคล้ามากขึ้นกว่าเดิม จูบนี้ช่างหอมหวานซาบซ่านยิ่งนัก เหมือนกับว่าเจ้าของริมฝีปากนี้เกิดมาเพื่อเป็นของเขาคนเดียว ลิ้นนุ่มที่พยายามเกี่ยวรัดลิ้นหนาอย่างไม่เป็นภาษา บางครั้งกล้าๆ กลัวๆ ที่จะจูบตอบเขา ทำให้เขารู้สึกเอิบอิ่มใจกับท่าทางที่ไร้เดียงสานี้ยิ่งนัก ภูริภัทรบดจูบเคล้าคลึงกลีบปากนุ่มอย่างอ่อนหวาน ลึกซึ้งทำให้คนที่ถูกจูบเคลิบเคลิ้ม ลิ้นหนาที่สอดแทรกเข้าไปในช่องปาก กำลังแรกรัดพัวพันกับลิ้นนุ่มอย่างกระหาย แต่ไม่ดุดันและเอาแต่ใจ จูบนี้ช่างคล้ายคลึงกับจูบของพายุยิ่งนัก แต่แตกต่างกันที่ว่า ผู้ชายที่กำลังจูบเธออยู่นี้ เป็นคนที่เธอรักและฝากชีวิตไว้ มันจึงเป็นจูบที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขความเสน่หา
เขาถอนริมฝีปากออก จ้องมองดวงหน้าที่แดงก่ำของเธออย่างแสนรัก จูบที่ไม่เป็นประสาของเธอทำให้เขารู้สึกเป็นหนุ่มแรกรุ่น มีแรงฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก มือหนาประคองแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างเบามือ จูบที่หน้าผากเกลี้ยงนูน เรื่อยมาตามสันจมูกและมาหยุดนิ่งที่กลีบปากสีชมพู
“ผมจะไม่ทำอะไรทรายนอกจากจูบ ผมจะเก็บสิ่งที่มีค่าของทรายไว้ในคืนแต่งงานของเรา” คนที่ฟังถึงกับสะอึกพูดไม่ออก ใจเต้นแรง หวาดหวั่นยิ่งนักหากถึงวันแต่งงานนั้นจริงๆ เธอไม่มีสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ แล้วมันจะเป็นเช่นไร เธอไม่อยากคิดเลย หรือว่าจะบอกความจริงกับเขาตอนนี้ดี ให้เขาได้รับรู้เรื่องราวของเธอทั้งหมด หากเขารับได้กับอดีตที่น่าเกลียดชังนี้มันก็ดีไป แต่ถ้าไม่เธอก็พร้อมจะยินยอมรับคำตัดสินของเขาทุกอย่าง หากภูริภัทรจะไปจากชีวิตเธอ พิชชาพรยินดีอย่างไม่มีข้อเกี่ยงงอน รู้ดีว่าน้อยคนนักที่จะรับได้กับอดีตที่ผ่านมาของเธอ