Episode 01
Talk วาเรนติโน่
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวมากันแล้วทุกคน!” เลอัลโด้กล่าวต่อแขกในงานทุกคน เมื่อทั้งสองควงแขนเดินเข้ามาพร้อมกัน ทุกคนในงานก็ต่างพากันปรบมือแสดงความยินดีด้วย
ผม...วาเรนติโน่ ในตอนนี้ผมและซานติโน่เราไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันอีกแล้ว พวกเราต่างสูญเสียกันมามากพอแล้ว
และเราก็ต่างได้รับผลในสิ่งที่พวกเราได้ทำไว้
บาปของผม...ถูกชดใช้ด้วยใบหน้าที่เคยหล่อเหลา และสาวๆ กรี๊ด
ปัจจุบันมันเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว และผมก็บอกกับตัวเองเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผมจะไม่มีวันถอดหน้ากากนี่ออกเด็ดขาด
“ขอบคุณนะที่แกมาน่ะ” เสียงซานติโน่กล่าว เมื่อเดินเข้ามาถึง มันก็เดินเข้ามาทักทายผมตามประสา “เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?”
“อืม...ฉันสบายดี ยินดีกับแกด้วยก็แล้วกัน” ผมกล่าวแสดงความยินดีก่อนที่จะหยิบเอาการ์ดเชิญที่เหน็บไว้ในชุดสูทยื่นให้มัน “งานอบอุ่นดีนะ”
“แน่นอน...ฉันอยากจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ให้มันยิ่งใหญ่แค่ชุดเจ้าสาวของภรรยาฉันก็พอแล้ว” ซานติโน่กล่าวพร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆ “ว่าแต่แกเถอะ...ไม่มีสาวที่ไหนบ้างเลยหรือยังไง?”
“สาวที่ไหนจะมาชอบไอ้หน้าผีอย่างฉันวะ”
“ฉันขอโทษนะ” ซานติโน่กล่าว “ฉันจะหาหมอที่เก่งที่สุด มารักษาเพื่อที่แกจะได้กลับมาหล่อเหมือนเดิม”
“ไร้สาระ” ผมตอบปัดพร้อมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “ถ้าการที่แกไว้ชีวิตฉันมันคือส่วนหนึ่งของการไถ่บาป ฉันก็จะขอไถ่บาปโดยการปล่อยให้ใบหน้าของฉันเป็นแบบนี้ตลอดไป”
“ไอ้เรน....” ซานติโน่หลบตาต่ำด้วยความรู้สึกผิด
“แกไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก สงครามระหว่างเรามันจบลงไปแล้ว ถ้าฉันเป็นแกก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“อ...อืม ขอบใจแกมากที่เข้าใจฉัน”
“การแต่งงานมันคงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันคิดจะทำน่ะ...ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักฉันจริง เธอจะไม่สนใจเรื่องใบหน้าและเงินทองของฉัน เนี่ยแหละผู้หญิงที่ฉันต้องการ”
“ฉันก็ขอภาวนาให้แกได้เจอเธอไว้ๆ นะ” ซานติโน่ตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะขอตัวออกไป “ฉันขอตัวไปดูภรรยาของฉันก่อนล่ะ” ผมพยักหน้าก่อนที่ซานติโน่จะเดินออกไป
เมื่อซานติโน่เดินจากไป ผมก็เดินหาอะไรทานเรื่อยเปื่อยของผม ตอนนี้พวกเรากำลังฟรีสไตล์กันอยู่ อีกไม่นานก็คงจะถึงเวลาของพิธีการ ก่อนที่จะจบงานด้วยการโยนช่อดอกไม้ในงานแต่ง
ผมหิว ก็เลยมาหาอะไรทานสักหน่อย
ไวน์สักแปดขวด เอ่อ..สองก็พอ
“สวัสดีคุณ...เพื่อนเจ้าบ่าวสินะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย ดูจากสรีระบั้นท้ายแน่นๆ ของเธอเนี่ย...คงจะเป็นสาวอิตาลี “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“วาเรนติโน่”
“ฉันเอ็มม่าค่ะ” เธอกล่าวพร้อมกับยื่นมือมาเป็นการทักทาย ผมไม่ได้รังเกียจอะไรจึงยื่นมือฝั่งขวาไปจับรับคำทักทายของเธอ “ใส่ถุงมือข้างเดียว...แปลกจังเลยนะคะ 555”
บาดแผลจากการถูกไฟไหม้ ไม่ได้มีเพียงแค่บนใบหน้าของผม แต่ร่างกายของผมฝั่งขวาเป็นรอยที่เกิดจากไฟไหม้เสียส่วนใหญ่ โชคดีที่มันสิ้นสุดแค่บริเวณช่วงเอว ไม่ได้ลามไปถึงขา
ในส่วนของมือที่อยู่ภายนอกไม่มีเสื้อผ้าคอยปกปิด ผมจึงต้องใส่ถุงมือเอาไว้
“คุณอยากรู้ไหมล่ะ?”
“อย่าหาว่าแส่เลยนะคะ...ก็ค่ะ” เอ็มม่าพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ผม
“เข้าใจแล้ว” ผมแสยะยิ้มก่อนที่จะถอดถุงมือออก เมื่อเอ็มม่าเธอเห็น ก็ถึงกับตาค้างทันทีทันใด “นี่แหละ...ความลับของผม”
“อ...เอ่อ! พอดีฉันจะมาถามว่าห้องน้ำไปทางไหนน่ะค่ะ 555 แต่คุยกับคุณเมื่อกี้ เห็นป้ายห้องน้ำแล้ว ขอบคุณมากค่ะ” เธอหน้าเสียทันทีที่ได้เห็นก่อนที่จะรีบเดินหนีผมไป
เมื่อเธอเดินจากไปผมจึงใส่ถุงมือกลับคืนที่เดิมโดยไม่แยแสเธอ
อ่า...คิดว่าผมใส่หน้ากากเพราะมันเป็นตีมงานแต่งงั้นเหรอ?
ไร้สาระ
เมื่อถึงพิธีการ ที่ทั้งสองจะต้องกล่าวคำและวาจาต่อหน้าบาทหลวง ทุกคนในงานก็นั่งกันอยู่ที่เก้าอี้ ที่ได้ถูกจัดไว้ ทุกคนเป็นพยานในงานแต่งของพวกเขาทั้งสอง
ที่นั่งของผมเว้นว่างไว้หนึ่งที่
ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรสักเท่าไหร่นะ ไม่อยากนั่งใกล้ผมก็แล้วแต่ ผมไม่ห้าม
“ขอโทษนะคะๆ!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกล่าวคำขอโทษ เพื่อขอทางในการเดินเข้ามานั่ง “เกือบไม่ทันแล้ว ขอนั่งด้วยคนนะคะ”
“.....” ผมเหลือบสายตาไปมองเธอเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่เธอจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ ผม
“ขอโทษนะคะ...ไม่ทราบว่าพิธีเริ่มไปเยอะหรือยังคะ?”
“เธอยังมาทันในการเป็นพยานอยู่ พวกเขาเพิ่งจะเริ่ม” ผมตอบเสียงเรียบ โดยที่สายตาจดจ่ออยู่กับคู่บ่าวสาวข้างหน้า ไม่ได้สนใจหรือมองหน้าเธอเลย
“โล่งอกไปที คิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว”
ผู้หญิงคนนี้...ผมไม่คุ้นหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับซานติโน่ เพราะตั้งแต่ที่ผมอยู่กับมันมา ผมจะรู้จักและเห็นหน้าผู้หญิงที่เคยได้กับมัน
แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเจอ...มึงใครวะ?
หลังจากนั้นผมและเธอก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรต่อกันอีก จนเมื่อพิธีเสร็จสิ้น พวกเขาเป็นสามีภรรยากันอย่างเต็มตัว
พิธีสุดท้ายก็คือการโยนช่อดอกไม้ ที่สาวๆ ในงานก็ต่างพากันลุกออกไปอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าเพื่อที่จะแย่งดอกไม้กัน
ไอ้ประเพณีที่ว่า...ถ้าผู้หญิงคนไหนได้ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในงานแต่ง จะทำให้คนคนนั้นได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไปนี่...
มันเชื่อได้จริงเหรอวะ?
พรึบ!
“อ๊ะ...!”
ทุกคนในงานต่างพากันตกใจ เมื่อช่อดอกไม้ของเจ้าสาวถูกโยนออกมา แทนที่หนึ่งในสาวๆ พวกนั้นจะเป็นคนได้รับช่อดอกไม้
แต่ยัยเจ้าสาวดันโยนแรงเกิน จน...
มันมาอยู่ในมือผม
(ไรท์: ในส่วนของที่นั่ง วาเรนติโน่นั่งแถวหน้าสุดเลยนะคะ)
“หึหึ” ซานติโน่แอบหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นว่าช่อดอกไม้ของเจ้าสาวนั้นลอยมาอยู่ในมือของผม
“อ...เอ่อ” ร่างสูงเลิ่กลั่กทันทีที่ได้สติ! ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ตามจริงแล้วช่อดอกไม้ควรจะอยู่ในมือผู้หญิง แต่ผมเป็นผู้ชายนะเฟ้ย! “ฉัน...ฉันให้ ถ้าไม่รังเกียจก็รับไปเถอะ!”
“คิกๆ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรเลย” ร่างบางหัวเราะคิกคักเบาๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือมารับช่อดอกไม้ไป
หลังจากที่ผมได้รับช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ทุกคนในงานก็ต่างพากันตกตะลึง แล้วก็เงียบเดดแอร์กันไปชั่วขณะ อย่าเงียบกันดิวะ!
ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะเว้ย!
“เอ่อ...ปรบมือสิครับรออะไร! พิธีเสร็จสิ้นแล้ว ฉลองโว้ย!” มาตินกล่าวแก้สถานการณ์ที่เงียบงัน ก่อนที่ทุกคนในงานจะพากันเฮยกใหญ่!
และการฉลองก็เริ่มขึ้น
“.....” ผมเหลือบสายตาไปมองเธอเล็กน้อย แต่เหมือนเธอจะรู้ตัว เธอจึง...ยิ้มให้ผม
“คิกๆ” ร่างบางหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ พร้อมกับยิ้มกว้างๆ ให้ผม “ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะคะ”
“อ...อืม!” ผมตอบเธอไปแค่นั้น ก่อนที่จะรีบลุกหนีออกมาทันที
บ้าจริง...ทำไมเธอต้องยิ้มให้ผมด้วย!
ยิ้มทำไมวะ!