ตอนที่ 4

1547 คำ
4 จะขายอาภรณ์แพรพรรณ...จะทำโรงน้ำชา นอกจากข้าจะด้อยความรู้แล้ว อา...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องมีเงินทุนเป็นก้อนทั้งนั้น ซึ่งถ้ามันเยอะมาก ด้วยทรัพย์สินที่ฮูหยินสี่อิงเหม่ยให้ข้าติดตัวไป ถึงข้าจะไร้ความทรงจำเรื่องนี้ แต่ข้าก็พอจะคาดเดาไปได้ว่า คงจะไม่มากเกินหนึ่งกำปั่นแน่ ดูท่าจะไม่เพียงพอให้ข้านำไปลงทุนแน่นอน แล้วข้าจะทำการค้าอันใดดีนะ ท่านแม่...ท่านคงจะไม่โกรธเคืองข้าใช่ไหมที่ข้าจำท่านไม่ได้ แต่ถ้าท่านยังรักบุตรชายคนนี้อยู่ ท่านช่วยเมตตาปรานีข้าสักหน่อย ช่วยคิดหาทางออกให้ข้าสักเล็กน้อยได้ไหมขอรับ ข้าหลับตาลง...ยังไงท่านแม่ก็รักข้าแหละ ท่านต้องช่วยข้าและมันก็ใช่! ใช่แล้ว! ถ้าเป็นสิ่งนั้น ข้าทำได้และสามารถทำได้ดีด้วย ทรัพย์สินอันน้อยนิดที่ฮูหยินสี่อิงเหม่ยกับนายท่านเหวินหม่าให้ติดตัวข้าไปย่อมเพียงพอต่อการใช้ลงทุนแน่นอน “ขอบคุณขอรับท่านแม่” สี่หนิงเหอคลี่ยิ้มอย่างดีใจเป็นที่สุดเมื่อคิดได้แล้วว่าจะทำการค้าอันใด เขายังสามารถทำการทดลองก่อนเปิดตลาดได้ด้วย รับรองได้ว่าจะต้องมีคนสนใจสั่งของกับข้าอย่างมากมายแน่นอน! ว่าแต่...ควรลองทำดูก่อนดีไหมนะ เผื่อเวลาที่มันผ่านมาเนิ่นนาน ฝีมือข้าอาจจะตกไปบ้าง ทว่าข้ายังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นเพื่อไปจัดหาวัตถุดิบที่ต้องใช้ หากข้าก็จำเป็นต้องหยุดคิดไปก่อนเมื่อเสี่ยวฝานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อโชกฉายแววตื่นตระหนกและขลาดกลัว “คุณชาย...คุณชายขอรับ แย่แล้วขอรับ” “ใจเย็น ๆ เสี่ยวฝาน มีเรื่องอันใดก็ค่อย ๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน” ข้ารินน้ำชาส่งให้เสี่ยวฝานดื่ม พลางยื่นมือไปลูบหลังให้ เมื่อเสี่ยวฝานรีบร้อนจนเกินไปทำให้สำลักน้ำชา “คนพวกนั้นขอรับคุณชาย...คนพวกนั้น” เสี่ยวฝานชี้มือออกไปนอกห้อง มันทำให้ข้าเริ่มรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มันคงไม่ใช่... “เสี่ยวฝาน” ข้าจับต้นแขนเสี่ยวฝานเอาไว้ “ค่อย ๆ พูดนะ ไม่ต้องรีบร้อน” แต่ใจข้านะร้อนราวกับถูกไฟเผาผลาญไปแล้ว “คนพวกนั้น...จะมาพาคุณชายไปแล้วขอรับ” คนพวกนั้น! เหมือนถูกฟาดด้วยแส้เส้นโตฟาดบนลำตัว แทบจะพลัดตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เท่าที่ฟังมาจากเสียงนินทาของคนในเรือน...ดูเหมือนว่าเวลาที่ข้าจะไปจากที่นั่นยังอีกหลายวัน น่าจะร่วมเดือนด้วยซ้ำ หากตั้งแต่ฟื้นมานี่มันเพิ่งจะวันที่ห้าเองนะ คนพวกนั้นก็มารับข้าแล้ว... แม้ข้าจะจดจำบางสิ่งได้บางสิ่งมิได้ หากความรู้สึกของข้าบอกได้ว่ามันมีบางอย่างแปลกไป...สี่หนิงเหอขมวดคิ้วเข้าหากัน ด้วยในสมองมันช่างว่างเปล่า จนคิดไม่ออกว่าเรื่องที่รู้สึกว่าแปลกไปนั้นคือเรื่องใด คงมีทางเดียวให้ข้าทำ นั่นก็คือการยอมรับและเตรียมตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับค้นหาคำตอบของมันให้กระจ่าง “เสี่ยวฝาน ข้าถามเจ้าอีกครั้ง” ข้าคงจะเคยถามไปแล้วนะ แต่ข้าจำมันไม่ได้ “เจ้าจะไปกับข้าใช่หรือไม่” หากให้ข้าไปคนเดียว...มันคงจะเป็นอะไรที่โหดร้ายกับข้าที่สุด “คุณชาย...คุณชายจะทิ้งข้าหรือขอรับ” “เปล่านะ ที่ข้าถามเพราะต้องการให้แน่ใจ ว่าเราสองคนจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน” ขนาดว่ามีข้าอยู่ บ่าวไพร่พวกนั้นยังคอยกลั่นแกล้งรังแกเสี่ยวฝานของข้าไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าหากข้าไม่อยู่แล้ว พวกนั้นอาจจะรีบจัดการขายเสี่ยวฝานของข้าออกไปก็เป็นไปได้ “ไปขอรับ...ข้าจะไปรับใช้คุณชาย” เสี่ยวฝานพูดเสียงสั่น ในดวงตามีน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า “ไม่ใช่หรอกเสี่ยวฝาน เราไปด้วยกัน เจ้าจะไม่ใช่บ่าวของข้า แต่เจ้าจะเป็นน้องชายของข้าและเป็นผู้ร่วมหุ้นของข้า เราจะไปสร้างชีวิตใหม่กัน” ข้ายิ้มให้เสี่ยวฝานที่อ้าปากค้างและกะพริบตาปริบ ๆ “คุณชาย!” “เจ้าไปบอกกับคนเหล่านั้นก่อน ข้าขอเวลาตระเตรียมข้าวของสักครึ่งชั่วยาม เจ้าก็เช่นกันนะเสี่ยวฝาน เก็บเอาไปเพียงแค่ของสำคัญที่พาได้ง่ายเท่านั้นและอย่าลืมที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ เตรียมไปให้พร้อม เสร็จแล้วเราจะได้เดินทางไปสู่ชีวิตใหม่กัน” จะเร็วหรือช้า ข้าก็เลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี เร็วหน่อยก็ดีเหมือนกัน จะได้เร่งสร้างทางไปให้กับตัวเองได้เร็วขึ้น ข้ารู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดหวังหรอกนะ แต่ข้าก็จะไม่ย่อท้อ ข้าจะอดทน ข้าจะทำมันให้สำเร็จ เพื่อวันหนึ่งเมื่อข้ามีทุกอย่างพร้อม ข้าจะกลับมาที่เรือนแห่งนี้...มาเพื่อทำให้คนที่อิจฉาในตัวข้าและอิจฉาความสุขที่ข้ามี ข้าจะมารับท่านแม่ไปอยู่กับข้า “เรากลัวได้ แต่อย่าให้ความกลัวอยู่เหนือสติ ข้ารู้...คนพวกนั้นจะต้องน่ากลัว แต่ถ้าเราไม่ทำสิ่งใดผิด พวกเขาจะไม่ทำอะไรเราและที่ซึ่งเรากำลังจะไป ถ้าเราทำตัวดี มันย่อมจะดีกว่าที่นี่แน่ ข้าจะทำให้เจ้าและตัวข้าพบเจอแต่สิ่งที่ดีแน่นอน...ข้าให้สัญญา!” เสี่ยวฝานมองหน้าข้าและเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของข้าก็เข้าใจและออกไปทำตามคำบอกของข้า ส่วนตัวข้าเอง...ข้าวของที่สำคัญที่จะพาติดตัวไปนั้นหามีไม่ คงจะมีเพียงแค่ความกล้า ความมุ่งมั่นและหัวใจเท่านั้นที่จักพกพาไปในการเดินทางครั้งนี้!     เพราะไม่มีของสำคัญอันใด ข้าก็เลยไม่ต้องเก็บ เพียงแค่ชำระล้างร่างกายแล้วเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่...ใหม่ของข้าแต่เก่าของผู้อื่นที่เขาเกือบจะให้บ่าวไพร่นำไปใช้ทำความสะอาดห้องหับเสียด้วยซ้ำ ข้าสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าเสร็จพอดีก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องของข้าโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยปากขออนุญาต แต่ข้าก็ไม่คิดใส่ใจกับคนไร้มารยาท ทำเพียงแค่มองสบตากับบุรุษร่างใหญ่ในอาภรณ์สีดำสนิทที่มีหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้าเอาไว้ขณะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้และรินน้ำชามาดื่ม ในเมื่อเขาไม่พูด ข้าก็ไม่คิดจะเอ่ยปากไต่ถาม แต่ในใจของข้านั้น...สั่นไปหมดแล้ว   “ขออภัยคุณชายที่ข้าบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต ข้าได้รับคำสั่งให้มานำข้าวของ...” สายตาเข้มกวาดมองไปทั่วห้องเล็กของข้าที่...ไร้หีบใส่ข้าวของ อ๋อ...ลืมไป ข้ามีนี่น่า เป็นกล่องไม้แสนเก่าจนมองไม่ออกแล้วว่าบนฝากล่องสลักอะไรเอาไว้ มันอยู่ที่หัวเตียงนอนของข้า ซึ่งภายในบรรจุสิ่งใดเอาไว้ ข้าก็ไม่รู้หรอก ไม่ใช่เพราะข้าไม่สนใจ แต่เพราะข้าหมดปัญญาที่จะเปิดมันออก   “ข้าวของอันใดรึ แล้วท่านเป็นผู้ใดกัน” ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอ่ยถามออกไป “มิมีผู้ใดมาแจ้งคุณชายหรือขอรับ” “ถ้ามีแล้วข้าจะถามท่านทำไมเล่า” ข้าคิดว่าบุรุษตรงหน้ารู้ว่ากำลังถูกข้าตีรวน หากเขาก็ยังคงทำเฉย “ข้าเป็นองครักษ์ที่ท่านอ๋องส่งมาคุ้มครองท่านขณะเดินทางเพื่อไปสมรสเป็นอนุภรรยาของพระองค์” “อ๋อ...” ข้าพยักหน้ารับ แม้จะค่อนข้างแปลกในใจเป็นอย่างมาก ด้วยมีความทรงจำบางส่วนที่มันเลือนหายไปย้อนกลับเข้ามา ที่มันทำให้ข้ารู้ว่า ก่อนที่ข้าจะย้อนกลับมาแก้ไขอดีตของตัวเองนั้น ตอนที่ข้าเดินทางไปเข้าพิธีกับเขาผู้นั้น คนที่มารับข้าเป็นเพียงแค่พ่อบ้านวัยชราคนหนึ่ง รถม้าขนาดสามคนนั่งหนึ่งคันพร้อมกับคนบังคับและบ่าวไพร่อีกสองคนเท่านั้น การเดินทางที่ใช้เวลาร่วมครึ่งเดือนที่มันช่างราบรื่น...เป็นอย่างมาก ข้าประชด! ข้าน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะเพียงแค่ก้าวขาขึ้นบนรถม้าถูกพาออกจากเรือน ท้องฟ้าที่เคยโปร่งมีแสงอาทิตย์ส่องมารำไรกลับมืดครึ้มและฝนก็เทลงมา... ระหว่างการเดินทาง ข้าถูกโจรดักปล้น...แต่ก็ไม่ได้ทรัพย์สินอันใดไป เพราะข้ามิมีติดตัวไปเลย...สักชิ้น อ๋อ...มีสิ เป็นอาภรณ์เก่าสองสามชุดไว้ผลัดเปลี่ยนระหว่างการเดินทางกับอาหารอีกเล็กน้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม