9
เมื่อซานเกอมองมา ข้าก็รีบจัดการตอบไปในทันทีทันใด “แม้นข้าจะจดจำเรื่องราวในวัยเยาว์มิค่อยจะได้ หากก็พอจะคุ้นอยู่ไม่น้อย เป็นตัวข้ามากกว่าที่ถูกบ่าวไพร่และคุณหนูใหญ่กลั่นแกล้ง อย่างคราวนี้ก่อนที่ท่านจะไปรับข้า...ความจริงแล้วข้ามิได้ป่วยหรอก แต่ข้าถูกทำร้าย”
“ถูกทำร้าย! ใครมันกล้าทำร้ายเจ้า!” เขาถามอย่างมิอาจข่มกลั้นโทสะเอาไว้ หากใบหน้านั้นมิถูกหน้ากากปกปิดอยู่ สี่หนิงเหอคงจะได้เห็นดวงตาที่แข็งกร้าวและดุร้ายราวกับพยัคฆ์ ใบหน้าที่มันเกรี้ยวกราดด้วยโทสะ พร้อมที่จะบั่นคอคนที่กล้าลงมือทำร้ายสี่หนิงเหอในทันที
ข้าสะดุ้งเพราะน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของซานเกอ ที่มาพร้อมกับความงุนงงและไม่เข้าใจว่าซานเกอจะโกรธเคืองเช่นนี้ทำไม ส่วนหนึ่งมันทำให้ข้าสงสัยว่าพวกเขามิล่วงรู้หรือว่าข้าถูกทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง เป็นไปมิได้เลยที่พวกเขาจะมิอาจล่วงรู้เรื่องภายในเรือนที่ข้าอาศัยอยู่
ข้าทรุดกายลงนั่งบนพื้นหญ้า “ข้าว่าการข่าวของพวกท่านคงมิด้อยจนมิรู้ว่าข้าอยู่ในเรือนแห่งนั้นในสภาพเช่นไรนะซานเกอ”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ข้าคงจะเจ็บปวดมากที่เอ่ยคำนี้ออกมา มีคำถามมากมายรายที่ข้าอยากได้คำตอบ
ทำไมบิดาถึงไม่รักข้า ทำไมถึงปล่อยปละละเลยมิใส่ใจในตัวข้า รู้บ้างหรือไม่ว่าข้าถูกกลั่นแกล้งจนเจ็บไข้ไม่สบาย ข้ากินอยู่หลับนอนเช่นไร กินอิ่มหรือไม่ หากเดี๋ยวนี้...ข้ากลับขอบคุณพวกเขาที่ทำกับข้าเช่นนั้น เป็นเพราะพวกเขาหล่อหลอมให้ข้ากล้าที่ยอมรับความเป็นจริง กล้าที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง และตอนนี้ก็กล้าที่จะสู้ด้วย
“แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” หรือที่ผ่านมาจะปล่อยปละละเลยมากจนเกินไป
“ก็แค่ถูกตีที่ศีรษะ...ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย”
คราแรกข้าเข้าใจว่าคนที่ลงมือจะเป็นคุณชายรอง หากเมื่อหวนคิดให้ดี...ฝีมือเช่นคุณชายรองที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บเช่นนี้คงจะเป็นไปมิได้แน่นอน หากมองว่าเป็นบ่าวไพร่คนอื่น ก็มิน่าจะเป็นไปได้ ด้วยว่าน้ำหนักมือที่ฟาดลงมานั้นมัน...พอดีเกินไป เหมือนกับต้องการจะให้ตัวข้าคล้ายกับเจอเรื่องที่มิคาดคิด ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น หากมันก็เกิดขึ้น ข้าก็เลยจบเห่...ลงตรงนั้น แต่คงจะผิดแผนไปหน่อย เพราะตัวข้าดัน...รอดชีวิตมาป่วนพวกเขาแทนและเมื่อตัวข้ารู้ว่าผู้ใดทำกับข้าเช่นนั้น ข้าก็จะหาโอกาส หาวิธีเพื่อจัดการ...เอาคืน! ให้จงได้
ข้าเบี่ยงศีรษะหนีมือที่ยื่นมาหมายจะจับศีรษะข้า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกซานเกอ ข้าเป็นหัวแข็งนะ ให้ตีอีกหลายสิบครั้งก็มิเป็นอันใดหรอก”
รอยยิ้มที่ใสซื่อและบริสุทธิ์ อีกทั้งความสดใสที่มีของสี่หนิงเหอไม่ควรจะถูกใครก็ตามทำลายมันลงไปอีกแล้ว...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันก็ไม่ควรจะหายไป
“ต่อแต่นี้ไปจะมิมีใครตีเจ้าได้อีก” ส่วนผู้ใดที่เป็นคนทำร้ายสี่หนิงเหอ...เป็นคนที่ทำให้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ต้องเจ็บปวด ร่างกายที่ผอมบางนี้เลือดตกมีบาดแผล เห็นทีจะเอาไว้มิได้เช่นกัน!
แม้ในดวงตาของซานเกอเหมือนจะมีรอยยิ้ม หากข้ากลับรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันเกิดเป็นความรู้สึกอึดอัดเสียจนแทบจะหายใจไม่ออก ซานเกอโกรธแค้นแทนข้าใช่ไหม...หากเป็นเช่นนั้นจริง สี่หนิงเหอเกือบจะหลุดรอยยิ้มออกมา
“ข้าขออะไรท่านสักอย่างได้หรือไม่ซานเกอ” ถ้าข้าจะเอาคืนคนพวกนั้น ข้าจำต้องมีฝีมือติดกายและในตอนนี้ผู้ที่จะช่วยข้าได้ก็เห็นจะมีเพียงแค่...ซานเกอเท่านั้น!
ข้าส่งยิ้มอย่างที่คิดว่าหวานที่สุดให้กับซานเกอ “นับตั้งแต่เล็ก...ข้าถูกทำร้ายบ่อยครั้งมาก จากที่คิดว่าคงเป็นเพียงแค่การเล่นกันระหว่างพี่น้อง ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเติบใหญ่ขึ้น การทำร้ายหนักข้อมากขึ้นทุกครั้ง แม้จะรอดกลับมาก็ล้วนแล้วแต่หวุดหวิด...พร้อมกับอาการบาดเจ็บและบาดแผลตามร่างกายมากมายไปหมด บ่อยครั้งข้าก็นึกสงสัยตัวเองเป็นยิ่งนัก ดวงข้าดีจนเกินไปหรือเพราะแดนน้ำพุเหลือง[1] ยังมิอยากต้อนรับข้า”
ถ้าอยากจะได้รับความช่วยเหลือจากคนเช่นนี้ ข้าจะต้องมีเหตุผลที่เพียงพอที่จะทำให้เขาอ่อนข้อและหาทางโต้ตอบกลับมิได้
“เจ้าต้องการสิ่งใด”
“ข้าเพียงแค่อยากให้ซานเกอ ช่วยสอนการวรยุทธ์ให้ข้า...สักเล็กน้อยนะขอรับ ท่านต้องไม่ลืมว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าไม่อยากจะหวังพึ่งแต่พวกท่านให้คอยปกป้องคุ้มครอง เพราะแม้จะระมัดระวังเพียงใด หากมันก็ต้องมีสักวันที่พลาดกันได้ ข้าอยากเป็นคนที่สามารถดูแลปกป้องตนเองได้” สามารถดูแลเสี่ยวฝานได้ด้วย
“จะไม่มีการพลาดเด็ดขาด ข้าจะปกป้องเจ้า จะมิยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้...ทุกคนก็จะปกป้องเจ้าเช่นกัน”
โธ่...ซานเกอ ท่านมิฟังคำข้ากล่าวบ้างเลยหรือไรขอรับ ข้าได้แต่กลอกตาไปมาขณะเดียวกันก็อยากรู้ว่าตัวเองก้าวขาออกจากเรือนด้วยเท้าไหน ไม่ว่าจะทำอันใดก็...ง่ายดายเหลือเกิน...ข้าประชด! ก็ขนาดคิดว่าการเกลี้ยกล่อมซานเกอน่าจะเป็นเรื่องง่าย ข้าก็ยังทำมิได้เลย
สงสัยว่าเมื่อไปถึงจวนท่านอ๋อง ข้าคงจะต้องคิดหาวิถีทางพาตัวเองไปเรียนรู้เรื่องการเจรจาพาทีเสียหน่อยแล้ว เวลาทำการค้าจะได้ลื่นไหล จะเจรจาพาทีกับผู้ใดก็สามารถชักจูงได้อย่างง่ายดายด้วย
“ท่านฟังข้าสักนิดได้ไหมขอรับซานเกอ”
“อย่างหนึ่งคือข้าเป็นองครักษ์ที่มิควรใกล้ชิดกับท่านเกินไป”
แล้วที่นั่งใกล้ชิดและจับแขนข้าเอาไว้มิยอมปล่อยนี้มันอะไร มันค้านกันอยู่นะซานเกอ
“หากเจ้าอยากจะเรียนรู้และฝึกฝนอย่างที่กล่าวจริง ข้าสามารถเรียนท่านอ๋องให้สละเวลามาให้คำแนะนำแก่ท่านได้นะ...หนิงเกอ”
จะคำพูดที่เหมือนจะชอบอกชอบใจอะไรสักอย่าง หรือจะเป็นแววตาที่มันพร่างพราวของซานเกอและยังจะเสียงหัวเราะแผ่วพลิ้วมันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นได้ทำอะไรบางอย่างพลาดไป!
“เราต้องไปกันแล้ว”
ซานเกอกล่าวแก่ข้าพร้อมส่งเสียงบางอย่างที่ข้าคิดว่ามันคงจะเป็นสัญญาณลับระหว่างกลุ่มพวกเขา แม้ข้าจะเสียดาย หากโอกาสมิได้มีเพียงแค่ครั้งเดียว ข้าจะรอเวลาเกลี้ยกล่อมให้ซานเกอใจอ่อนยอมสอนวรยุทธ์ให้ข้าให้จงได้!
เพราะข้ามัวแต่ครุ่นคิด ข้าก็เลย...
“ท่าน...ท่านปล่อยให้ข้าเดินไปเองก็ได้ขอรับซานเกอ” ไหนท่านกล่าวว่า ข้าและท่านมิควรใกล้ชิดกันเกินไปอย่างไรเล่าขอรับ หากสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นี่...
“เจ้าเป็นเช่นนี้เสมอเลยหรือหนิงเหอ ซุ่มซ่ามทำให้ตนเองเจ็บตัวได้เสมอ”
ข้าอยากจะโต้ตอบออกไปว่า ‘เปล่าเสียหน่อย’ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้โต้เถียงออกไปมิได้
“ก็...ไม่นะขอรับ อย่างเมื่อครู่ ข้าก็แค่สะดุดขาตัวเองเท่านั้นเอง” ไม่สะดุดเปล่า ยังถลาไปจนหน้ากระแทกเข้ากับแผ่นหลังของซานเกอเข้า จนตอนนี้ยังเจ็บจมูกอยู่เลย
“เห็นทีข้าคงจะมิอาจให้เจ้าอยู่รอดพ้นสายตาและมิอาจให้ห่างกายอีกต่อไป”
หะ! เป็นเช่นนี้ข้าก็แย่นะสิ
“โธ่...ซานเกอ เป็นเพราะข้ามิชินกันการเดินทางเช่นนี้ก็ได้ขอรับ ท่านน่าจะพอล่วงรู้ว่าข้ามิเคยออกจากเรือน อย่างดีที่ได้ไปไกลสุดก็เห็นจะเป็นตลาด ได้เจอกับเรื่องที่ควรเจอ มันก็เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ จนแข้งขาอ่อนแรงไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง ได้พัก ทานอาหารรสเลิศสักหน่อย ข้าก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”
“ดูท่า...ที่เรือนของเจ้าคงจะเลี้ยงเจ้าอย่างอดอยากปากแห้งมากเลยนะหนิงเหอ นับตั้งแต่ที่ข้าคุยกับเจ้ามา...เห็นเจ้าเรียกหาแต่อาหารอย่างเดียวเลย” ร่างกายถึงได้ผอมบางและเบาราวกับเด็กเช่นนี้
“ก็ใช่นะสิซานเกอ” ข้าพยักหน้ารับทั้งที่รู้ว่าซานเกอไม่เห็น เพราะตอนนี้ซานเกอให้ข้านั้นขี่หลังอยู่ จะว่าไปมันก็สบายเหมือนกันที่ไม่ต้องเดินด้วยตนเอง หากข้าก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจ ที่ข้านั้นมิอาจจะเอ่ยพูดหรือครุ่นคิดในตอนนี้ได้
“ท่านรู้หรือไม่ ข้ากับเสี่ยวฝานต้องทานผัดผักกับข้าวต้มแทบจะทุกมือ คนที่นั่นกล่าวอ้างว่าข้าป่วยบ่อย มิควรที่จะทานเนื้อไก่ เนื้อหมู เดี๋ยวจะทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่หนักขึ้น” ข้ามิได้ฟ้องนะ แต่ข้าเพียงแค่หวังว่าจากนี้ไป ข้าจะได้กินดีอยู่ดีกับเขาบ้าง ได้ทานอาหารอย่าง...หมูตุ๋นน้ำแดง น่องไก่อบ ไก่ขอทาน เป็ดยัดไส้นึ่งเสียบ้าง
[1] ยมโลก