ตอนที่ 10
สักนิดก่อนเอ่ย
“ค่ะ นุ ตอนนี้ ขอให้ทำใจดีๆมากๆไว้นะคะ น้องดาว เพราะประเดี๋ยวพี่นุกำลังจะพาหนูมิวมาหาน้องดาวแล้ว ล่ะค่ะ แข็งใจอีกสักหน่อย อดทนไว้ค่ะ”
ไม่นานนัก ครั้นเมื่ออนุราชได้กลับมาอีกครั้งมือของเขาอุ้มหลานสาวไว้ในอก มีภาพของชัชชัย ที่เป็นน้องเขย ทำท่าเมินเฉยแบบไม่สนใจสักนิด
อนุราชเก็บความเดือดดาลไว้ในใจก่อนเพราะตอนนี้ไม่มีเวลาคิดมากมายเลย ไปรดาวสำคัญกว่า เพราะไอ้คนบ้านนี้ มันใจไม้ไส้ระกำ กันหมด ฮึ ทำกับน้องสาวของเขาอย่างมากจนเขาเหลืออด เหลือทน
แม้แต่หน้าพวกมันก็ไม่อยากจะมองไม่จำเป็นไม่อยากพูดขนาดที่ว่าพวกมันไม่ยอมพาไปหาหมอเพื่อทำการรักษาตัวของไปรดาวและให้การช่วยเหลือเพื่อให้รอดชีวิต เพื่อไม่ให้จบสั้นลงก่อนวัยอันควร แต่นี่ไม่ใช่เลย และเขานึกขึ้นมาได้
“ดาวนี่เงินที่พี่เคยส่งมาให้เธอได้ใช้ทุกครั้งตั้งมากมาย เพราะมันเกี่ยวกับค่ารักษาตัวชองเธอแต่ว่าทางพ่อผัวแม่ผัวของเธอไม่ได้พาไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล เลยหรือไง” เรื่องนี้อนุราชทั้งโกรธและ ผิดหวังต่อบรรดา ญาติ ทางฝ่ายสามีของน้องสาว
และคนป่วยหนักอย่างไปรดาวก็เริ่มขยับริมฝีปาก ที่แห้งซีดเซียวเอ่ย
“ค่ะ แต่ว่าสำหรับดาวตอนนี้ คงไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่นุ เพราะว่าถึงได้ เงินมาช่วยและไปหาหมอ แต่ มันก็คง ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วค่ะน้องเองรู้ตัวดีสู้เก็บเงินเพื่อเป็นอนาคตของลูกดีกว่า”
ไปรดาวนั้นยังมีเงินฝากออมทรัพย์และเปิดเป็น บัญชีของลูกสาวซึ่งแกจะมีสิทธิ์เบิกใช้ก็เมื่อ บรรลุนิติภาวะ
“ขอ ลูกมิว ให้เข้ามาใกล้ๆ ดาวหน่อย ค่ะ พี่ป่าน ”
คนป่วยเอ่ยขอกับปาฏลิณ
ปาฏลิณนั้นรีบอุ้มเข้าไปใกล้คนป่วยหนักทันที และ ไปรดาวขยับริมฝีปากเหมือนจะแย้มยิ้มอีกครั้ง
พลางเอื้อมมือไปแตะลูบเบาๆที่พวงแก้มของลูกสาวก่อน ที่ วินาทีนั้น ลมหายใจจะหยุดสนิท ลมหายใจหยุดเต้น พร้อมกับการจากไปอย่างสงบ
“ฝากหลานไว้ด้วยค่ะ ดาวไม่ไหวแล้ว”
น้องสาวของเขานั้นได้สิ้นใจลงอย่างสงบ และอนุราชร้องไห้โฮ ขึ้นมาในทันที และร้องไห้จนน้ำตาบวมแดงช้ำ กับสิ่งที่สูญเสียไปตรงหน้า เช่นเดียวกับปาฏลิณ
งานศพของไปรดาวนั้นจึงถูกจัดขึ้นมาแบบเรียบง่ายมากที่สุด โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด อนุราชกับปาฏลิณ ช่วยจัดการให้ โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของอดีตน้องเขย เมื่อ หมดสิ้นและจบไปแล้วกับหนึ่งชีวิต ณ บริเวณ เมรุของวัด ที่ทั้งคู่ยืนสงบอยู่ใต้ปะรำพิธีที่เป็นเต๊นท์ผ้าใบ เมื่อกลุ่มควันไฟสีขาวนั้นได้พวยพุ่ง เป็นกลุ่มควันหนาอยู่ เหนือปล่องเมรุ และกำลังลอยขึ้นสู่ที่สูง คือฟ้าเบื้องบนรวมตัว หล่อหลอมกับก้อนเมฆจนในที่สุด
และปาฎลิณกับอนุราชทั้งสองยกมือขึ้นพนม กล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับคำอธิษฐานในใจ ที่เหมือนเป็นพลังบุญขอส่งแรง บุญกุศลครั้งนี้ ได้หนุนส่งไปให้ วิญญาณของไปรดาวได้ ไปสู่ ปรภพใหม่ที่ดีงาม
“ดาว น้องพี่ไปเถอะไปให้สบาย อย่าห่วงกังวลพบกันใหม่ชาติหน้าขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้ง และอย่าอาภัพอับโชคเหมือนชาตินี้เลยน้องพี่”
ปาฏลิณในชุดสีดำสนิทและอนุราชก็เช่นเดียวกัน หล่อนอุ้มเด็กหญิง มัสราหลังจากกลับจากวัด เมื่อได้ทำพิธี เก็บอัฐิ ไว้ในโกศใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และว่าจ้างช่างให้ทำเป็นเจดีย์บรรจุเก็บไว้
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พักอีกครั้ง ปาฎลิณผินหน้า ออกไปทางหน้าต่างเห็นชายทะเลที่ทอดเวิ้งว้าง สงบ ในยามเย็น ซึ่งเรื่องนี้ หล่อนและอนุราชต้องการให้ทนาย ความจากกรุงเทพมาช่วยเหลือจัดการเกี่ยวกับเรื่องหลานสาวของเขา เพราะเขาจะทำหน้าที่ เป็นผู้อุปการะแกเอง
อีกทั้งต้องการเอาตัวเด็กหญิงมัสราไปเลี้ยงดูอย่างบุตร และพักอยู่ในบ้านพักเมืองกรุงด้วยกัน
“หนักใจใช่ไหมคะนุ” ปาฏลิณเอ่ยปลอบแฟนหนุ่ม และมีความรู้สึกอยากพาเขาออกไปเดินเล่นที่ชายหาด
ขณะนี้หล่อนยังแต่งกายในชุดไว้ทุกข์เป็นกระโปรงสีดำ และเสื้อสีดำสนิท เหมือนกับอนุราช
“เอดูแล้ว อากาศ ตอนเย็นๆอย่างนี้ มันก็ร่มรื่นสงบ ดีนะไม่มีแดดป่านคิดว่าเราน่าจะ เดินทอดน่องเล่นอยู่ แถวริมชายหาดก็ดี นะคะ นุ”
อนุราช ก็เห็นดีด้วยจึง ยิ้ม ให้
“จ้ะ ป่าน นุก็ตามใจป่านแล้วกันจ้ะ”
บริเวณนั้นพื้นหาดทรายเป็นสีขาวนวลในบรรยากาศยามเย็นหากเบื้องหน้าคือน้ำทะเลที่ในยามนี้ กำลังหนุนขึ้นสูง ไม่เหมือนช่วงกลางวันที่น้ำลงจนมองเห็นเม็ดทรายกรวด และเวลานี้เสียงคลื่นถาโถมนั้นไม่หยุดหย่อนซาลงเลย
เมื่ออนุราชนั้นเดินและขยับตัวเข้าไป ถือวิสาสะในการจูงมือและเกี่ยวก้อยกับนิ้วมือเรียวของปาฎลิณในช่วงเวลานี้นั้นทั้งสองเริ่มดูสดชื่นสบายใจเหมือนคลายจากเรื่องเศร้าลงบ้าง อนุราชยืนมอง ร่างระหง ของ ปาฎลิณ ที่หล่อนอดทนและยืนหยัดเคียงข้างอยู่กับเขาเสมอ ทำให้คิดว่าปาฏลิณ นั้นมีความสำคัญต่อชีวิตของเขา มากมายเพียงใด เพราะเขาเองก็ไม่เคยทำอะไร ที่เป็นการ หักหาญรานน้ำใจของหล่อน แม้แต่สักครั้งเลย
และในจุดที่ปาฏลิณกับอนุราชพากันยืนอยู่นั้น เป็นที่โล่งกว้างเหมาะสำหรับเวลาที่นักท่องเที่ยวที่มา เยี่ยมเยือนถึงถิ่นชะอำแล้วใครๆก็ตามและทุกๆคนที่ชื่นชอบวิวทิวทัศน์สายงาม จะต้องพากัน ยืนเรียงแถว และพากันหันหน้าออก ไปสู่ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล
เพื่อชื่นชมและเก็บเกี่ยวภาพที่เป็นความรักประทับใจ หรือหากจะยืนถ่ายรูปคู่กับรูปสัตว์ทะเล เซลฟี่กับรูปภาพ และเพื่อนๆ ภาพนั้นคือสัตว์ทะเลจำพวก กุ้งหอยปูปลา ถือว่ามันกลายเป็นสัญลักษณ์ ของที่นี่ ไปโดยปริยาย และสีสันของชายหาดชะอำที่ดูครึกครื้นด้วยหมู่นักท่องเที่ยว
คืนนี้นั้น ค่ำสนิท มองเห็นพระจันทร์คืนเดือน หงายเด่น สุกใสสกาวนุ่มเย็นสว่าง เมื่อได้กลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง ปาฏลิณนั้นก็มายืนเมียงมอง สาดสายตาผ่านไปยังหน้าต่างบานนั้น ทำเหมือนกับเด็กสาวช่างฝัน
และนึกถึงสมัยเด็กที่หล่อนไม่เคยนึกคิดว่า หล่อนจะก้าวมาถึงชีวิตที่ถึงขีดสุดของความรุ่งเรือง
เมื่อสมัยครั้งโน้นที่พ่อของหล่อนท่านยังมีชีวิตอยู่ ตัวท่านมีคำสั่งห้ามลูกสาวอย่างหล่อนทั้งกล่าวปรามและท่านไม่ชื่นชอบกับอาชีพดาราที่เหมือนกับการเต้นกินรำกินอวดโชว์หน้าตาเรือนร่างซึ่งดูตกต่ำและติดลบในสายตาของท่าน