ตอนที่ 9
ต่อจากนั้นเมื่ออยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นได้ไม่นาน และคุยกันจนอิ่มเอม อนุราชก็ขอกลับบ้านโดยมีปาฏลิณเดินมาส่งเขา ที่หน้าบ้านพร้อมกับยกมือโบกให้
จนอนุราชนั้นสตาร์ทเครื่องพารถชอปเปอร์แล่นลับพ้นประตูรั้วจากไป นั่นละหล่อนถึง ได้หันตัวกลับเข้าบ้านพร้อมกับไม่ลืมที่จะปิดประตูรั้วให้สนิท เสียก่อนอย่างรอบคอบ ก่อนเข้าบ้านและ ทอดตัวนอนลงบนเตียงพักผ่อนในเวลาต่อมา
ส่วนทางด้านของฬวิกนั้นเขาขับสปอร์ตคันงามมุ่งสู่บ้านพัก เมื่อใกล้เวลาสี่โมงเย็น และภาพนั้น ก็ทำให้คุณคณากานต์แน่ใจในสายตาดีที่สุดละ และเธอมุ่งมองภาพ นั้น คือบุตรชายคนโต ที่เวลานี้เขากลับมาแล้วด้วยใบหน้าและดวงตาที่เปื้อนยิ้ม งั้นก็แสดง ให้รู้ว่า ที่ออกไปเขาไปพบพานกับความสุข ไม่เศร้าซึม งานการคงจะราบรื่นตกลงกันด้วยดี
ดังนั้น เมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้ว ฬวิกจึงระบายรอยยิ้มอ่อนๆส่งให้มารดา ก่อนเอ่ย
“ผมเพิ่งกลับมาจากไปส่งอาริมา ให้เพื่อนกลับเข้าบ้านครับ แม่”
คุณคณากานต์รับทราบนั่นคือชื่อของเพื่อนสนิทหญิงที่คบกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมจนถึงเดี๋ยวนี้
“ที่ผมเพิ่งจะกลับมาก็เพราะในวันนี้เกือบทั้งวันผมไปติดต่อเรื่องงานสำคัญของบริษัทเราที่จะจัดขึ้นใน โรงแรมของเราไงครับในเร็ววันนี้”
คุณคณากานต์ยิ้ม อย่างรับทราบ เพราะเรื่องนี้นั้นฬวิกเคยเกริ่นให้ท่านทราบล่วงหน้าแล้ว และวันนี้ เขาได้ไปจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองจนสำเร็จ
จนทำให้นางปลื้มใจพอสมควร จากนั้นฬวิกจึงเลี่ยงตัวจากมารดาเพื่อขึ้นไปในห้องส่วนตัวพักผ่อนตามสบายในสถานที่ส่วนตัวของเขา หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน
*************************
หากแต่ว่า ทั้งคู่ คือ สองหนุ่มสาวในช่วงเย็นของวันศุกร์ เช่นนี้ เขาขับรถออก จากกรุงเทพไปอย่างเงียบๆ เมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็นนั่นเอง หลังจากตระเตรียมทุกอย่าง และขณะนี้รถกำลังข้ามสะพานผ่านแม่น้ำนครชัยศรีที่นครปฐม ก่อนจะผ่านเข้าสู่จังหวัดราชบุรี และเดินทาง ไปถึงเพชรบุรีก็ประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม
และทั้งคู่นั้นได้เช่าจองห้องพักของโรงแรมคนละ ห้องเพื่อพักค้างคืนในคืนนี้และในระหว่างที่มาทำธุระที่นี่ ขึ้นห้องไปพักผ่อนด้วยความอ่อนเพลีย หลับสนิททั้งคู่ ครั้นหลังจากตื่นเช้ามาก็พากันลงไปรับประทานอาหารเช้า ที่ข้างล่างให้เสร็จสรรพ
ก่อนจะขับรถออกไปจากชายหาดชะอำแห่งนี้อีกประมาณสามกิโลเมตรก็ถึงหมู่บ้านแห่งนี้
ที่จะเข้าไปทำธุระ ไปรดาว.. เด็กสาวที่ปาฏลิณเข้าไปเห็นภาพตรงหน้า ในเวลานี้ เธอแสนน่าสงสารอย่างยิ่งนัก ดูเป็นเด็กสาวที่ร่างกาย นั้นผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูก นอนซมอยู่บนเตียงเก่าๆสภาพแวดล้อมไม่ดีเท่าไหร่ขาดระเบียบและเหม็นอับชื้น
เมื่ออนุราชนั้นได้ขยับตัวเข้าไปใกล้เตียงเขาเอื้อม แตะมือไปที่ร่างผอมแห้งของ น้องสาวซึ่งกำลังรู้สึกตัว ว่ามีคนมาเยี่ยม และพลิกหันกลับมา
“พี่มาแล้ว ทำตามที่เธอ ร้องขอ”
“พี่นุ”ไปรดาวเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งพร่า เพราะมีอาการของคนป่วยเรื้อรังมานาน
“พี่นุมาแล้วเหรอคะเอ้อดีแล้ว ที่มาถึง ดาวดีใจมากค่ะ ตอนนี้ ขอฝาก ฝาก ลูกมิวด้วยนะคะ พี่นุ ขอให้เอ็นดูเลี้ยงดู แกเหมือนลูกด้วยค่ะ”
ที่นี่หรือ คือบ้านพักของน้องสาว ที่อนุราชมาถึงและได้มาเห็นสภาพที่น่าจะเรียกว่ากระต๊อบมากกว่าเนื้อที่เล็กแคบเป็นเรือนแบบฝาขัดแตะมีหลังคามุงด้วยสังกะสีเท่านั้น
เมื่อคนป่วยชื่อไปรดาวนั้นพยายามเอ่ยให้พี่ชายได้ฟังเพราะกลัวไม่ได้พูดอีกเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยไปรดาวนั้นเป็นห่วงที่สุด และคิดถึงลูกสาวคนเดียวที่อนาคตโชคชะตาจะเป็นอย่างไร หากเธอไม่อยู่ในโลกนี้
และเป็นภาพที่ปาฎลิณยืนนิ่งมองอย่างสลดใจ แกมสังเวชน่าสงสารเห็นใบหน้านั้น ซึ่งเชื่อว่าเมื่อก่อนนั้น ไปรดาวเมื่อสมัยเป็นสาววัยรุ่นคงจะเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่บัดนี้นั้นสารรูปเดิมก็เปลี่ยนแปรไปจากใบหน้าที่เคยขาวกลับกลายกระดำกระด่างมีฝ้าและจุดกระเพิ่มขึ้นบนใบหน้าจนแลดูอัปลักษณ์ ไปรดาวจึงไม่กล้าจะออกไปไหน เพราะอับอาย ข้างกายนั้นยังมีชามข้าวต้มเย็นชืด ที่กินเหลือครึ่งชาม
แสดงให้เห็นว่าคนป่วยนั้นกินอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้นเลยมองดูแล้วรู้สึกแสนรันทดต่อชะตาของเด็กสาวคนนี้เหลือเกินด้วยวัยแค่เพียงยี่สิบปีเท่านั้นและยังจะเส้นผมบนศีรษะที่หลุดร่วงเป็นกระจุก
จากอาการแพ้จนเหลือและเห็นแต่หนังศีรษะเกลี้ยงโล้นคิดว่าไปรดาว สาวอาภัพนั้น คง ทุกข์ทรมานอย่างมากจากโรคร้าย
“ลองทำใจดีๆไว้นะคะน้องดาว เอ้อ พี่กับพี่นุได้มาเยี่ยมแล้ว และคิดว่าอาการของน้องดาวต้องไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะเชื่อพี่นะคะ”
หล่อนพูดปลอบประโลมให้กำลังใจและยิ้มให้อีกครั้งเพื่อคนป่วยจะได้ดีใจปล่อยใจให้วางไม่เครียดอย่างน้อยก็ส่งผลทางจิตใจ
“นั่นใครกันคะพี่ นุ ”
“อ้าวก็แฟนพี่ไง ล่ะจ้ะ นี่คุณป่านไงที่พี่เคยเล่า บอก ให้เราฟังตั้งหลายครั้งแล้วและวันนี้พี่พามาเยี่ยมเธอด้วยดาว ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่”
ไปรดาวพยักหน้าและเริ่มยิ้มเซียวๆให้แฟนพี่ชายเหมือนจะบังคับ แต่กระนั้นก็ยังฝืน เพื่อขยับปากร้องเรียกหา ลูกสาวคนเดียว
“ลูกลูกมิวล่ะคะ พี่นุ ดาว อยากเห็นหน้าลูก ก่อน ที่จะตัวเองจะ หมดลมหายใจแล้วค่ะ รู้สึกไม่ไหวจริงๆ”
เอ่ยแล้วเสียงหอบปนเหนื่อยไปรดาวเริ่มเหนื่อยล้า ลงทุกที และยังหายใจดูหอบๆ ติดขัดลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ
“ลูกค่ะพี่นุช่วยอุ้มลูกของดาวมา ให้ดาวได้เห็นหน้าอีกเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเถอะค่ะดาวรู้ตัวดีขอ ฝากให้ พี่นุช่วยเลี้ยงแกด้วย”
เมื่อคำของน้องสาวเอ่ยเหมือนฝากขอร้อง อนุราชรีบทำตามทันที เพราะอนุราชรีบกรากตัวเองออกไปข้างนอกเขานั้นได้ฝากตัวน้องสาวไว้ให้ปาฏลิณอยู่เป็นเพื่อนและช่วยดูแลคนป่วยใกล้หมดลมหายใจ ปาฏลิณรู้สึกเนื้อตัวสั่นไปหมดเพราะภาพสะเทือนใจตรงหน้า
“ป่านจ้ะ นุขอฝากดูแลดาวหน่อยนะ นุจะรีบไป อุ้มเอาตัวหลาน มาให้แม่เขาที่นี่ นะจ้ะ”
ปาฎลิณพยักหน้ารับพร้อมกันนั้นมือเรียวนุ่มยังยื่นแตะไปสัมผัสที่มือที่เหี่ยวแห้งไร้สีเลือดอย่างไม่รังเกียจ