Excuse Me คุณครับมารักกันไหม? 6

1927 คำ
Excuse Me คุณครับมารักกันไหม? 6 “พี่ฟิน!!!” “ตะโกนทำไมเนี่ย” “ก็ส่งสัญญาณไง” เสียงตะโกนที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้แฟนที่นั่งวาดรูปอยู่ชะโงกหน้าไปมองด้วยความสนใจก่อนจะกระโดดโลดเต้นเมื่อเห็นว่าใครที่เป็นคนส่งเสียงเรียก “ม๊า! อาเกรย์” “หือ?” ฉันขยับลุกขึ้นยืนจากหน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปของลูกชาย ร่างสูง ๆ ของสองพี่น้องฝาแฝดยืนอยู่ที่หน้าบ้าน วันนี้วันหยุดด้วยฉันนึกว่าเขาพูดเล่นเสียอีกน้องเกรย์น่ะที่บอกจะมาบ้านในวันหยุดแบบนี้ “ผมมาชวนไปซื้อของ” “ซื้อของ?” ฉันทวนถามเมื่อเดินออกมาถึงหน้าบ้าน รู้สึกประหม่าไม่น้อยกับสายตาคมกริบที่จ้องฉันทุกการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้กระทั่งคำทักทาย “ครับ กุ้งไงที่บอกว่าวันนี้จะซื้อมาทำทะเลเผากัน อยากชวนไปซื้อด้วยกัน ไปด้วยกันนะครับ” “พี่นึกว่าพูดเล่น” ฉันมองสองพี่น้อง ที่ดูเหมือนจะติดลูกชายฉันเหลือเกินชอบมาเล่น ชอบซื้อขนมและของเล่นมาให้อีก “พูดจริงครับ ผมจะชวนพิมพ์ด้วย” เกรย์ป้องปากกระซิบ คนเป็นพี่ชายเขาส่ายหน้าอย่างปลงตกกับความทะเล้นของน้องชายตัวเอง “อื้อ ชวนพิมพ์เลยพี่ขอเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน” “อาเกรย์!! เอ๊ะ อากราฟ” “คิก อากราฟ” เกรย์หลุดขำคิกคักเมื่อแฟนเรียกพี่ชายตัวเองว่าอา คนเป็นพี่ตีหน้าดุมองน้องชายก่อนจะย่อตัวลงรับแฟนที่วิ่งพุ่งเข้าไปหา ไม่นานลูกชายฉันก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของกราฟ แขนเล็กยกโอบรอบคอทันทีราวกับว่าสนิทชิดเชื้อกับอีกฝ่ายมานาน “เข้ามาก่อนไหม? เรียกน้องพิมพ์เสร็จก็มาบ้านพี่ เอารถพี่ไปก็ได้” “แบบนั้นก็ได้ครับ” เกรย์เดินแยกห่างออกไป ส่วนแฝดคนพี่อย่างกราฟก็อุ้มแฟนเดินตามฉันเข้ามาในบ้าน สองคนด้านหลังคุยกันเสียงเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง “พี่ลิลลี่ฝากเสิร์ฟน้ำแขกด้วยนะคะ” “ได้ค่า” “เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาของก่อนนะ” “ครับ เดี๋ยวเล่นรอ” น้องกราฟบอก จากนั้นฉันก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน หยิบกระเป๋าสตางค์ติดมือมาจากนั้นก็รีบเดินลงมาที่ชั้นหนึ่งเพื่อเตรียมเดินทางไปซื้อของ ช่วงนี้ก็แปลก ๆ ดีนะ เมื่อก่อนรู้จักแค่น้องพิมพ์ที่ทักทายกันบ้างแต่หลัง ๆ มามีสองแฝดที่แวะเวียนมาหา เลยรู้สึกว่าบ้านไม่ได้เงียบเหมือนเมื่อก่อน “เกรย์มันบอกว่าพิมพ์ไม่สบาย ให้เราไปซื้อเลยมันจะดูพิมพ์ก่อน” “ไม่สบายเหรอ? แล้วจะมากินข้าวด้วยได้ไหม” “เกรย์น่าจะพามา” “งั้นเดี๋ยวพี่ให้พี่ลิลลี่ทำข้าวต้มไว้ให้ดีกว่า” “ครับ แบบนั้นก็ได้ ไปกันเลยไหม” พูดน้อยเสียจริงแฝดคนพี่เนี่ย “พี่ลิลลี่ ฟินกับแฟนจะออกไปซื้อของนะคะ ฝากพี่ลิลลี่ทำข้าวต้มไว้ให้ด้วยนะคะ” “ได้ค่ะคุณฟิน” พี่ลิลลี่เดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน รอกระทั่งรถเคลื่อนออกจากที่จอด ประตูรั้วถูกปิดอย่างมิดชิด และครั้งนี้ฉันไม่ได้ขับรถเองเพราะมีคนอาสาขับให้ แต่ฉันต้องมานั่งที่เบาะด้านหน้าคู่กับเขานี่สิส่วนพี่แฟนก็นั่งที่คาร์ซิท ประจำตำแหน่ง “ไปที่ห้างกันดีไหมครับ ตอนนี้เดินตลาดออกจะร้อนไปเสียหน่อย” กราฟเสนอ “ได้ พี่ได้หมดเลย” “ครับ” เหมือนแฝดคนพี่อย่างน้องกราฟจะพูดไม่ค่อยเก่งเหมือนเจ้าเกรย์นะ เพราะรายนั้นพูดจนแฟนหลับใส่ก็มี พูดเก่งมาก “ม๊าครับ” “ครับลูก” ขานรับพร้อมกับเอี้ยวตัวไปมองลูกชายเล็กน้อย “พี่แฟนอยากไปทะเลแล้วครับ” “ลุงใกล้มาแล้วครับ เดี๋ยวรอไปพร้อมลุงกันนะ” “ครับ” เมื่อได้คำตอบเจ้าตัวเล็กก็สบายขึ้นมากแกว่งขาไปมามองรถคันอื่นที่วิ่งแซงขึ้นมาหรือรถที่เราแซงขึ้นไป “พี่จะไปเที่ยวเหรอ?” “ใช่แล้ว ทริปครอบครัวน่ะ” “ผมไปด้วยได้ไหม?” อะไรของเขากันจู่ ๆ มาขอไปเที่ยวด้วย แล้วอีกอย่างนะฉันให้ไปด้วยไม่ได้หรอกเพราะอยากให้ความเป็นส่วนตัวกับพี่ชายของฉันด้วย นาน ๆ จะมีโอกาสพักผ่อน ฉันเองก็อยากให้พี่ได้พักเก็บพลังได้เต็มที่ “ขอโทษด้วยนะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้จริง ๆ อยากให้ความเป็นส่วนตัวกับพี่ชายน่ะ” “ไม่เป็นไรผมเข้าใจครับ” น้องยอมอย่างง่าย เราจอดรถเสร็จก็เตรียมของลงจากรถ กราฟรีบลงจากรถเปิดประตูฝั่งที่แฟนนั่งจัดการปลดเข็มขัดคาร์ซิทให้แฟนจากนั้นก็อุ้มเจ้าตัวเล็กลงมายืนอยู่ข้างรถกราฟเสร็จก็ล็อกรถทันที “เข้าไปซื้อของกันครับ” กราฟชวน ฉันได้แต่เดินตามทั้งสองคนไปเหมือนเจ้าตัวแสบอย่างแฟนจะชอบใจมากที่มีกราฟมาด้วย กราฟวางพี่แฟนลงบนรถเข็นโดยที่ลูกชายฉันเกาะรถให้กราฟเข็นตามฉันที่เดินดูของ กระทั่งเราเดินมาฝั่งของสด “ม๊า! กุ้ง กุ้ง” “ครับ ๆ ม๊าเห็นแล้วลูก” มองลูกชายที่ตื่นเต้นกับกุ้งที่กระบะของสดไม่ได้ ของโปรดเจ้าตัวล่ะนะ “ให้ม๊าเลือกกุ้ง เราไปเลือกขนกับป๊าดีกว่า” “ฮะ?” หันกลับไปมองเมื่อได้ยินประโยคนั้นแต่ก็ไม่ทันได้พูดอะไรเมื่อกราฟเข็นรถเข็นทิ้งห่างออกไปแล้ว คนตัวเล็กบนรถเข็นชี้นู่นชี้นี่พร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข แต่เมื่อกี้ฉันฟังไม่ผิดหรอกใช่ไหมว่าเขาแทนตัวเองว่าป๊าน่ะ ฉันเลือกของสดที่จะนำไปทำทะเลเผากระทั่งได้ของจนเป็นที่น่าพอใจก็มองซ้ายขวาเพราะของเยอะเกินไปจะถือเดินรอบห้างก็คิดว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ “ม๊า!” “โอ๊ะ! ม๊าตกใจหมดเลยลูก” แฟนที่ยังอยู่บนรถเข็นเอ่ยเรียกพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่หลังฉัน เมื่อมีท่าทีตกใจเจ้าตัวเล็กก็หัวเราะอย่างพอใจที่แกล้งฉันได้สำเร็จ “คิกคิก ป๊าบอกให้แกล้งม๊า” “ป๊า? พี่แฟนอย่าเรียกคนอื่นว่าป๊าลูก” “เรียกได้ ผมให้เรียกเอง” คนที่ยืนนิ่งมองเราเอ่ยขัดเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันบอกลูกชาย “ไม่ได้” “ได้ครับ” “กราฟ” ฉันเรียกและมองอีกฝ่ายดุ ๆ แต่เหมือนน้องจะไม่ได้กลัวเลยสักนิดเพราะน้องเดินเข้ามาช่วยหยิบถุงของสดขึ้นไปวางไว้บนรถเข็นจากนั้นก็เข็นรถทิ้งห่างออกไป เป็นฉันเองที่ต้องรีบเดินตามรถเข็น ให้มันได้อย่างนี้สิ เขาเป็นใครทำไมต้องมาทำแบบนี้กับฉันด้วย “กลับบ้านกันครับ” เมื่อเดินซื้อของจนครบกราฟก็หันกลับมาบอกฉัน ตลอดเวลาคิดเงินเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย มีเพียงแฟนเท่านั้นที่คุยโม้อะไรไปเรื่อย กระทั่งถึงบ้านพี่ลิลลี่ก็ช่วยทำเมนูที่อยากกินให้ ส่วนกราฟและแฟนประกอบของเล่นที่ห้องรับแขกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของแฟน มีความสุขจังเลยนะลูกชายฉันน่ะ “ม๊ามีคนมา” แฟนเงยหน้ามองฉันเมื่อได้ยินเสียงกริ่งดัง “เดี๋ยวม๊าไปดูเองลูก” บอกลูกชายจากนั้นก็เดินออกจากบ้าน ตัวบ้านอยู่ห่างจากรั้วบ้านเล็กน้อยถ้าคิดแบบจอดรถก็จอดได้สองคนต่อกันอะ มีพื้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนยืดคอส่องดูภายในบ้านฉันอย่างไร้มารยาท “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามเพราะเหมือนคนตรงหน้าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายอะไรสักอย่าง “บ้านคุณเทลใช่ไหม” “เทลไหนคะ? ไม่มีคนชื่อนี้” “ไม่ใช่ได้ยังไง ก็ซื้อข่าวมาแบบนี้” ซื้อข่าว? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมมีการซื้อขายที่อยู่พี่เทลแบบนี้ ทั้งที่ฉันก็ไม่ค่อยออกสื่อและน้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันเป็นน้องพี่เทล “ไม่ใช่แล้วค่ะ คุณเข้าใจผิดแล้ว” ฉันยังปฏิเสธ “เข้าใจผิดได้ยังไง ซื้อข้อมูลมาตั้งหายหมื่น ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม!” เสียงพูดที่ดังขึ้นมือทั้งคู่ก็เขย่าประตูรั้วและเริ่มทำตัวไม่น่ารัก “หยุดเลยนะ อย่ามาทำแบบนี้นี่บ้านเรานะ” “ก็เปิดสิ! หรือเทลแอบอยู่ด้านใน! ต้องใช่แน่ ๆ” “หยุด!!” เสียงทุ้มเข้มดังจากด้านหลัง สองคนตรงหน้าชะงักค้างมองด้านหลังอย่างตกใจ กราฟเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉันกวาดสายตามองคนนอกรั้วอย่างไม่พอใจ “ผมแจ้งตำรวจแน่ถ้ายังไม่หยุด” “แกเป็นใคร เข้ามาอยู่ที่บ้านเทลยังไง” สองคนตรงหน้ายังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะถาม แต่มันใช่เรื่องที่จะมาถามกันไหมฉันอยากรู้ “ก็นี่มันบ้านผม ไม่มีคนชื่อเทลทั้งนั้น เขาย้ายบ้านหนีซาแซงแบบพวกคุณไปแล้ว” “ก็แหล่งข่าว...” “แหล่งข่าวอะไรมันเชื่อได้ไหม ผมอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อเทล ถ้ายังมีมาแบบนี้อยู่อีกผมแจ้งตำรวจแน่ กลับไป!” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินน้องพูดประโยคยาว ๆ แบบนี้ และน้องดูน่ากลัวมากจริง ๆ “เข้าบ้านกันเถอะ” น้องหันกลับมาบอกเสียงเบาจากนั้นก็จับมือเดินเข้าบ้าน ลอบมองด้านหลังก็พบว่าสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว “เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ?” “อื้อ สักเดือนละสองสามครั้ง” “อันตรายมากเลยนะ ถ้าบุกเข้ามาในบ้านทำยังไง” น้องจ้องอย่างกังวล “คงไม่มีมาแล้วล่ะ” ฉันเองก็ไม่มั่นใจแต่ก็ไม่อยากให้ใครมากังวลกับเรื่องของฉันมากขนาดนี้ “แล้วคนที่ชื่อเทล...” “พี่ชายพี่เอง เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เรามีกันอยู่แค่นี้เพราะพ่อแม่เราเสียตอนเกิดอุบัติเหตุพี่เขาอยู่ต่างประเทศน่ะ” “มีชื่อเสียงด้วยใช่ไหม” “อื้อ แต่ไม่ขอบอกอะไรเพิ่มนะ” “ครับผมเข้าใจ” “ม๊าใครเหรอ?” แฟนที่นั่งเล่นของเล่นอยู่เงยหน้าขึ้นถามฉันตามประสาเด็กขี้สงสัย “เขามาผิดบ้านครับ” “อ๋อ” “คุณฟินกับข้าวเสร็จแล้วนะคะ” “ขอบคุณค่ะพี่ลิลลี่ พี่แบ่งไปกินได้เลยนะ” “ค่า” พี่ลิลลี่ยิ้มรับ “เรียกเกรย์กับน้องพิมพ์มาหน่อย” บอกคนตัวสูงที่เดินมาทรุดนั่งข้าง ๆ ฉันที่โซฟา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากนั้นก็กดโทรหาปลายสาย “มากินข้าว” พูดจบก็วางสาย สั้นมาก นี่พี่กับน้องเขาคุยกันแบบนี้เองหรอกเหรอ เป็นงงเหมือนกัน “น้องแฟนล้างมือกินข้าวค่ะ” บอกลูกชาย “ป๊า ม๊า ล้างมือกินข้าวครับ!” ให้ตายสิ ลูกฉันจะติดเรียกกราฟว่าป๊าแบบนี้ไม่ได้นะ!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม