Sunflower 8
ฉันใช้เวลารักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเกือบสามวัน พี่พิมพ์ใจและทุกคนที่ร้านดอกไม้มาเยี่ยมฉันด้วยนะ พี่พิมพ์เองก็อยากให้ฉันพักให้หายดีเลยบอกให้หยุดไปเลยตลอดสัปดาห์และวันจันทร์ค่อยไปเริ่มทำงานก็ได้ ฉันอยากจะปฏิเสธแต่สองแฝดดันขอบคุณพี่พิมพ์ที่ให้ฉันหยุดพักรักษาตัวไปเสียไปแล้ว มันน่ารักเด็กแฝดสองคนนี้
และวันนี้เป็นวันที่ฉันรอคอย!
วันที่ฉันกำลังจะออกจากโรงพยาบาล ระหว่างรอเมษาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล ฉันก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ทางออกโดยมีสองแฝดนั่งขนาบข้างซ้ายขวา ส่วนฉันยังสวมหน้ากากอนามัยอยู่ดังเดิมเพราะกลัวพี่น้องตัวเองจะติดไข้ไปอีก
“ปวดหัวอยู่ไหม?” กุมภาถามฉันมือก็ยกขึ้นทาบที่หน้าผาก
“อื้อ คิดถึงเตียงนอนที่ห้องแล้ว”
“เดี๋ยวก็ได้กลับแล้วครับ”
“อยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือด้วย” เอียงศีรษะซบไหล่กุมภาอ้อน ๆ มีนาหันมามองก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากที่ฉันยังงอแงไม่หยุด
“เดี๋ยวให้พี่เมษแวะซื้อให้”
“กินเค้กด้วยนะ”
“ได้” กุมภาตอบ
“อยากกินแตงโมสีเหลืองด้วย”
“ครับ”
“พี่ลี อ้อนมันแบบนี้มันก็ยอมหมดอะ มันตามใจพี่จะตายไป” มีนาที่มองตั้งแต่ต้นถึงกับต้องแซวพี่ชายฝาแฝดตัวเองที่ยอมตกลงทุกสิ่งอย่างที่ฉันอ้อนขอไป
“หรือเรากับเมษไม่ตามใจพี่เหรอ?” มองหน้าน้องชายคนเล็กอย่างจับผิดจนอีกฝ่ายหัวเราะออกมา เจ้าของไหล่ที่ฉันซบอยู่ยังหลุดหัวเราะตามยามได้เห็นท่าทีเลิ่กลั่กของแฝดตัวเอง
“ตามใจกันหมดนี่แหละ มีใครบ้างไม่ตามใจคนสวยอะ”
“คิกคิก ชอบจัง” หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ มือข้างหนึ่งก็ยื่นไปยีผมน้องชายเล่นอย่างมีความสุข และไม่ได้แคร์สายตาของคนรอบข้างที่มองมายังเราสามพี่น้องเลยสักนิดเดียว
“ทำอะไรกัน” เมษาเดินกลับเข้ามาใกล้เราทั้งสามคนถึงกับมองด้วยแววตาติดจะสงสัย
“แกล้งน้องเล่นเฉย ๆ น่ะ”
“อื้อ เสร็จแล้วล่ะ กลับบ้าน”
“อื้อกลับบ้าน” ฉันบอกเมษาและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนโดยมีกุมภาเดินอยู่ข้าง ๆ มีนาช่วยถือกระเป๋าเสื้อผ้าของเราที่ยัดเข้ากระเป๋าใบเดียวกันเพราะขี้เกียจพับเก็บ ส่วนเมษาถือถุงยาให้ฉันอยู่ ก่อนกลับเมษาแวะซื้อของกินที่ฉันอยากกินให้ทุกอย่างส่วนคนที่ลงไปซื้อให้ก็สองแฝดนั่นแหละ จวบจนกระทั่งกลับมาถึงคอนโดสิ่งแรกที่ทำคือฉันรีบเข้าไปอาบน้ำสระผมไม่สนใจฟังเสียงห้ามของเมษาและสองหนุ่มเลยสักนิดเดียว
“อา สบายที่สุดเลย” อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาทิ้งตัวนอนคว่ำบนเตียงนอนอย่างสบายอารมณ์
“ดื้อมาก ถ้าไข้ขึ้นจะพากลับไปให้หมอฉีดยา” เมษายืนพิงกรอบประตูกอดอกจ้องฉันดุ ๆ
“อย่าดุมากเลยน่า แก่เร็วนะ” แซวเมษาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน
“พอดีขึ้นก็ซนเลย ไปกินข้าวจะได้กินยา” เพราะวันนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลตอนเช้า ฉันเลยยังไม่ได้กินข้าวเช้าและตอนนี้ก็สิบโมงครึ่งแล้วด้วย ไม่แปลกใจที่เมษาจะมาเรียกไปกินข้าว
“โอเค กินข้าวกัน!” ขานรับและลงจากเตียงนอนนุ่ม ๆ ที่ฉันคิดถึง ตอนนี้ยังมีไข้อ่อน ๆ อยู่แล้วก็มีน้ำมูกแต่ไม่ไอแล้ว ส่วนปวดเมื่อยตามตัวก็ยังมีอยู่เช่นเดียวกันแต่ดีกว่าสองสามวันก่อนหน้านี้มาก
“ก๋วยเตี๋ยวขอปรุงก่อน ๆ” รีบเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่มีกับข้าววางอยู่หลายอย่าง ประตูระเบียงห้องถูกเปิดกว้างรับลม และตอนนี้ยังพอมีแดด มีนาเลยเอาเสื้อผ้าเราลงไปปั่นที่เครื่องซักผ้าทิ้งไว้ตั้งแต่มาถึงห้อง
“อย่าใส่เยอะเดี๋ยว...มาลี!” เมษาที่เดินตามเข้ามาที่โต๊ะกินข้าวร้องเตือนเสียงหลงเมื่อเห็นฉันเทน้ำส้มสายชูลงชามก๋วยเตี๋ยว
“เมษ!”
“กลับไปป่วยดีไหม ป่วยอีกสักห้าวันได้ไหมถือว่าพี่ชายคนนี้ขอ” เมษาหยิกที่แก้มด้วยท่าทีมันเขี้ยวทั้งยังทำหน้าดุยามเห็นว่าฉันกลับมาซุกซนเหมือนเดิม สองแฝดที่ได้ยินเมษาพูดแบบนั้นก็หัวเราะกันเสียยกใหญ่
“เกิดก่อนห้านาทีเอง หยวน ๆ กันไปนะ นั่งได้แล้วกินร้อน ๆ จะได้อร่อย”
“นั่งครับพี่ กินข้าวกัน” กุมภาชวนเราด้วยรอยยิ้ม ส่วนมีนาเดินไปเทน้ำใส่แก้วก่อนแล้วยกมาวางให้ทุกคน จากนั้นเราทั้งสี่คนถึงได้นั่งกินข้าวเช้าที่รวมเข้ากับมื้อเที่ยงด้วยกัน
“เย็นนี้มีคนจะมากินข้าวด้วยนะ”
“หือ? ใครเหรอ?” ฉันที่ตากเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วที่ระเบียงห้องพักทวนถามประโยคนั้นของเมษาอย่างไม่เข้าใจ ระหว่างนี้ก็ภาวะนาให้ฝนอย่าเพิ่งตกลงมาแล้วกัน
“เดี๋ยวก็รู้จัก กินยาหรือยัง?”
“เรียบร้อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนพัก”
“อื้อ มื้อเย็นชาบูกันไหม”
“ได้ เดี๋ยวสั่งของสดเข้ามาทำให้” เมษารับปากอย่างใจดี ฉันพยักหน้าขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดพี่ชายหลวม ๆ ที่คอยช่วยดูแลฉันตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลจนถึงตอนนี้
“หายป่วยเร็ว ๆ”
“อื้อ ไปนอนแล้วนะ”
“ได้ นอนพักเถอะ” เมษาลูบไหล่เบา ๆ พร้อมกับประคองเดินมาส่งจนถึงหน้าห้องนอน ฉันเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงนอนอย่างคิดถึง ถึงแม้ที่โรงพยาบาลจะเป็นห้องวีไอพีแต่ก็ไม่ได้สบายเหมือนอยู่ห้องหรือบ้านตัวเองสักเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจที่สุดเลยก็ว่าได้ที่ได้กลับมาคอนโดตัวเอง
นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงสักพักใหญ่ก็ผล็อยหลับไป ก่อนจะตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ พร้อมกับตัวที่ร้อนขึ้นและน้ำมูกไหลลงมาไม่หยุด รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรียกความสดชื่นให้ตัวเองทันที พอเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็พบว่าสามหนุ่มนอนเบียดกันอยู่ที่โซฟาเบดที่ปรับเป็นที่นอน ภายในห้องไม่ได้เปิดแอร์แต่เปิดระเบียงห้องแล้วเปิดพัดลมไว้ที่มุมด้านหนึ่ง แล้วก็นอนห่มผ้ากัน ข้างนอกนั้นฝนตกโปรยปรายเลยทำให้อากาศเย็น
ก็บอกแล้วตอนนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนไม่แปลกที่จะเป็นแบบนี้ อากาศดี ๆ เหมาะกับการนอนทั้งวัน
เห็นว่าทั้งสามคนยังไม่ตื่นถึงได้เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดแล้วกินยาแก้แพ้ที่ทางโรงพยาบาลให้มา น้ำมูกยังไม่หยุดไหลสักทีเพลียมากเลยเหมือนกัน
“ลีตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของเมษาดังขึ้นมาเบา ๆ กินยาเสร็จถึงได้หันกลับไปมองยังโซฟากลางห้องนั่งเล่น เมษากำลังขยับลุกนั่งบนโซฟามือข้างหนึ่งก็ยื่นไปดึงผ้าห่มคลุมให้สองแฝด เป็นพี่ชายที่น่ารักของพวกเราจริง ๆ นะเมษาน่ะ
“ตื่นแล้ว น้ำมูกไหลไม่หยุดเลยมากินยาน่ะ” ระหว่างที่ตอบก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะจากนั้นถึงได้เดินกลับเข้าไปใกล้โซฟา นั่งลงบนโซฟาเดี่ยวช้า ๆ เบื้องหน้าคือระเบียงห้องพักที่ถูกเปิดออกกว้าง
“เดี๋ยวสั่งของสดก่อน”
“อื้อ ว่าแต่ชวนใครมาห้อง”
“คุณหมอที่ช่วยพาไปโรงพยาบาลไง เลี้ยงขอบคุณ”
“อ๋อ” ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ฉันเองก็อยากขอบคุณคุณหมออยู่เหมือนกัน หากไม่ได้เขาช่วยฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงถ้าหากตอนนั้นล้มแล้วหัวกระแทกพื้นน่ะ
“แล้วจำได้ไหมว่าคุณหมออยู่บ้านตรงข้ามเรา...”
คำถามจากเมษาทำเอาฉันถึงกับนิ่งค้างไป แน่นอนว่าฉันจำไม่ได้ว่าคนข้างห้อง ทั้งยังเป็นคุณหมอที่เคยช่วยฉันตอนที่ไม่สบายจะบังเอิญอยู่บ้านใกล้กับฉัน