4
“เธอเป็นใคร!” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยจากปากของคนที่นอนอยู่อย่างสงสัย สายตาของเขาทำให้คนที่ยืนนิ่งรู้สึกเหมือนจะหายใจอึดอัด ราวกับว่าอากาศภายในห้องมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
แต่เธอก็ต้องพยายามข่มอารมณ์เอาไว้เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเธอกำลังรู้สึกกลัว
“ฉันมีหน้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนและมาดูแลนาย” เธอตอบเสียงเรียบแล้วก้าวขาเพื่อที่จะเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาว เพราะการยืนอยู่แบบนี้คงทำให้รู้สึกเกรงมากกว่าเดิม
“ฉันไม่ต้องการ ออกไปจากห้องนี้ซะ” เขาพูดโดยที่ยังคงนอนอยู่ พร้อมกับหันหน้าหนีแล้วหลับตาลงอย่างรำคาญ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาในห้องนี้เพื่อที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเขา ก่อนหน้านี้มีแม่ของเขาที่ด้วยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแถมยังมานั่งร้องไห้ให้ฟัง รายต่อมาก็เป็นหมอที่พยายามจะมาพูดเรื่องเชิงบวกต่างๆ นานาเพราะกลัวเขาฆ่าตัวตาย และก่อนหน้านี้ก็เป็นป้าแม่บ้านที่มาคอยเฝ้าเพราะกลัวว่าเขาจะฆ่าตัวตายอีกนั่นแหละ
ไร้สาระชะมัด ชายหนุ่มคิดในใจแล้วพยายามจะนอนหลับอีกครั้งอย่างที่ชอบทำ การที่เขาได้นอนหลับคงเป็นเวลาที่ทำให้รู้สึกดีที่สุดแล้ว การที่ไม่ต้องตื่นมารับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นคงจะทำให้รู้สึกดีที่สุด
“ฉันไม่ได้เข้ามาเพื่อมานั่งดูนายนอนหลับ ดังนั้นลุกขึ้นมาฟังฉันพูดก่อน” ปลายฟ้าพูดแล้วหันไปมองคนที่นอนอยู่อย่างไม่เข้าใจ เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้
“…” เขายังคงเงียบไม่ตอบกลับใดๆ ออกมา
“นายเป็นแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว” เธอยังคงถามต่อถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่มีทางตอบอะไร เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่จมอยู่ในความเศร้าพอสมควร มันไม่ใช่ทฤษฎีทางการแพทย์ใดๆ แต่เป็นเพราะเธอคลุกคลีอยู่กับคนพวกนี้มากกว่า
“…” ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องอีกครั้ง เขายังคงนอนนิ่งและเหมือนจะหลับไปแล้ว
งานของเธอเริ่มขึ้นแล้วนับจากนี้สินะ
ปลายฟ้าเดินไปที่ปลายเตียงก่อนจะสะกอดที่ขาของร่างสูงเบาๆ เพื่อปลุกให้เขาตื่น ในใจแอบกลัวว่าจะทำให้เขาหงุดหงิดแต่ก็ต้องแสดงความกล้านั้นออกมาดีกว่าการถอยหนี
“ตื่นเถอะ ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนนายนะ จะให้ฉันนั่งเงียบๆ อยู่แบบนี้เหรอ” เธอพูดเสียงเบาใจหนึ่งก็กลัว
“อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด” ผู้ชายที่นอนอยู่พูดเสียงเรียบ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันคือเรื่องดีที่เขากำลังตอบสนองการกระทำของเธอ แสดงว่าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก แต่ความดื้อของเขาเท่านั้นที่ต้องเอาชนะ
“ก็ได้ในเมื่อแม่นายจ้างฉันมาอยู่เป็นเพื่อน แล้วนายไม่ยอมตื่นมาฟังข้อเสนอของฉัน ฉันก็จะนอนเป็นเพื่อนนายเองแล้วกัน” ปลายฟ้าทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผู้ชายที่เมินเธอจนเตียงนุ่มๆ อ่อนยวบลง
คนที่นอนอยู่ตกใจการกระทำของผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย จนต้องขยับถอยหนีแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับมองคนที่นอนอยู่อย่างไม่พอใจ เขาหรี่ตาลงแล้งเพ่งเลงใบหน้าของเธออยู่นาน จนปลายฟ้าต้องรีบหลบตา ถึงแม้จะมีความกล้าแต่ถูกมองแบบนี้ก็แอบกลัวเหมือนกัน
“ต้องการอะไร” เขาถามเธอคิ้วขมวดกันแน่น
“อยากรู้เรื่องของฉันเหรอ” เธอถามอย่างกวนๆ จนคิ้วของคนที่มองอยู่ขมวดกันแน่นกว่าเดิม จนเหมือนผูกโบไว้เป็นปม
“อย่ามากวนประสาท! ออกไปจากห้องฉัน!” เขาตวาดเสียงแข็งแต่ปลายฟ้ากลับยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วลุกขึ้นนั่งบนขอบเตียงแล้วหันไปมองคนที่กำลังจะโมโห
ยอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยมากแต่เขากลับไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสอะไรเลย อาจเป็นเพราะจิตใจที่กำลังจมอยู่ในอดีตของเขา เขาไม่อยากอยู่บนโลกของความเป็นจริง ไม่อยากรับรู้ไม่อยากไปเจอใคร
“ฉันไม่ได้กวนประสาท ไม่ได้อยากทำให้นายเครียดมากกว่าตอนนี้ แต่แค่อยากรู้ว่านายยังมีความรู้สึกอื่นอีกมั้ยมากกว่าความเศร้า” เธอหันไปหาเขาเต็มตัวแล้วกอดอกมองอย่างวิเคราะห์
“ออกไป” เขาหลบตาแล้วบอกเสียงเรียบอีกครั้งพลางคิดในใจว่าถ้าเกิดต้องโมโหมากๆล่ะก็คงต้องได้เหวี่ยงยัยนี่ออกห้องแน่
“กำลังโกรธฉันใช่มั้ย” ปลายฟ้าไม่ได้สนใจสิ่งที่เขากำลังสั่งแต่ถามนอกเรื่อง
“ฉันบอกให้ออกไป”
“ถ้านายโกรธแปลว่านายยังมีความรู้สึกอื่นๆ นอกจากที่เป็นอยู่” เธอพูดแล้วยิ้มออกมาอย่าพอใจ
“ใช่ฉันมีความรู้สึกอื่น และความรู้สึกนั้นจะทำให้เธอเจ็บตัว” คนพูดกดเสียงต่ำเพื่อข่มขู่ จนปลายฟ้าแอบกลืนน้ำลายลงคอ
“จะทำอะไรฉัน เอางี้นะเรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า” ทำใจดีสู้เสือถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะทำให้เธอคิดไปไกลถึงขั้นว่าเธออาจจะถูกเหวี่ยงออกไปนอกระเบียงแต่ก็ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น บอกให้ออกไป!” เขาลุกขึ้นมากระชากข้อมือของเธอแรงจนคนถูกกระทำต้องนิ่วหน้า
“โอ๊ย! เจ็บนะ” เธอพยายามจะบิดแขนตัวเองออกแต่ก็ถูกบีบไว้แน่น
พลั่ก! ปึก
“ถ้าไม่อยากเจ็บมากกว่านี้ก็ออกไป!” เขาผลักเธอลงกับพื้นเพราะความดื้อรั้นที่เหมือนจะยั่วให้โมโห
“บ้าชะมัด งานหินแล้วมั้ง” ปลายฟ้าบ่นพึมพำแล้วยันตัวลุกขึ้นถอนหายใจแรงๆ แล้วยิ้มให้คนที่มองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงตรงหน้าถึงสร้างความหงุดหงิดให้เขาได้ขนาดนี้ ทั้งที่ปกติจะไม่สนใจอะไรด้วยซ้ำ หรือเพราะความกวนประสาทของเธอ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเขาไม่อยากจะหาคำตอบมัน
“…”
ปลายฟ้าหยัดตัวยืนขึ้นแล้วเชิดหน้าใส่เขาอย่างท้าทายอีกครั้ง กอดอกแล้วจ้องดวงตาสีดำสนิทที่มองมาอย่างรังเกียจของเขาราวกับว่าเธอเป็นพยาธิตัวตืดอย่างนั้นแหละ
“ฉันจะไม่ออกไปจากห้องนี้จนกว่านายจะยอมรับข้อสนอของฉัน เพราะฉันรับเงินของแม่นายมาแล้วฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด” เธอพูดอย่างมีอารมณ์แต่ก็พยายามจะไม่เดือดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะมันคงจะส่งผลเสียมากกว่าในเมื่อคนตรงหน้ายังเรียกได้ว่ามีปัญหากับสภาพจิตใจ
“เธอรับมาเท่าไหร่”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก”
“บอกฉันมาเพราะฉันจะให้เธอมากกว่านั้น ถ้าทำให้เธอออกไปจากห้องฉันได้” เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง
“ฉันไม่ชอบหักหลังใคร เพราะฉะนั้นขอเวลาหนึ่งเดือน” ปลายฟ้าพูดขึ้นด้วยความหนักแน่น ถึงแม้คำว่างเงินจะมีผลกับชีวิตของเธอมากแค่ไหนแต่การทำหน้าที่ของตัวเองมันเป็นสิ่งที่เธอควรจะทำมากกว่า
“เพื่ออะไร” คนตรงหน้าขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ
“เพื่อตัวนาย และเพื่อตัวฉันด้วย”
“มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องมาทำเพื่อฉันหรือเพราะเงิน”
เธออยากจะพูดออกไปว่าเพราะเธอรับเงินมาจากแม่ของเขาแล้วไงเล่า แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้เพราะกลัวจะกระทบจิตใจคนตรงหน้าหรือเปล่า ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ต้องระวังเมื่อทุกอย่างมันมีผลกับสภาพจิตใจคนเสมอ
“ไม่รู้สิ แต่มีเสี้ยวความคิดหนึ่งที่ฉันอยากเห็นนายมีความสุขนะ ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งเจอหน้ากัน”
Fight: ถ้าไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้ก็ออกไป!