คุณหนูตัวร้าย

1536 คำ
หญิงสาวหน้าตาลูกครึ่งวัยยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงเพรียว ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกตัดซอยสั้นเคลียไหล่ สวมใส่เสื้อยืดแขนกุดสีดำรัดรูป นุ่งกางเกงยีนส์สีเข้มขาสั้นจู๋ เดินลงบันไดมาสีหน้าบึ้งตึง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเฉดสี      จัดจ้านและการแต่งตัวสมัยใหม่เหมือนวัยรุ่น หากใครที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด และคุ้นเคยกับคนในครอบครัว คงคิดว่าหล่อนคงเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ สิบเจ็ด สิบแปดปีเท่านั้น            “คุณพ่อหนูจะออกข้างนอกนะคะ” เสียงแหลมเล็กเอ่ยสำเนียงไทยได้ชัดเจน บอกผู้เป็นพ่อทันที ที่เท้ายังไม่ได้แตะพื้นบันไดขั้นสุดท้าย           ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าและเอ่ยค้านด้วยสีหน้าและคำพูด “ไม่ได้หรอกลูก”           “ไม่ได้ก็ต้องได้ ซอนด้าไม่ยอม” สำเนียงชัดเจนเอ่ยโต้ ด้วยความเอาแต่ใจเด่นชัด           ความที่หล่อนอยากรู้ภาษาไทย บิดาจึงจัดหาครูมาสอนภาษาไทยให้ อีกทั้งเป็นความชอบส่วนตัวของลูกสาว ทำให้เธอมีความตั้งใจ อ่านเขียนภาษาไทย แต่เสียที่หล่อนมีความเป็นตัวของตัวเองสูง จนบางครั้งคนที่อยู่ใกล้รู้สึกว่าหล่อนเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตและเอาแต่ใจ           “ไม่ได้ลูก มันอันตราย เราอยู่ที่แจ้งพวกนั้นอยู่ที่มืด ไม่รู้วันเวลา จะเล่นงานเราวันไหน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเครียด           “โธ่ พ่อคะ หนูเบื่อคำพูดของคุณพ่อที่ว่าอันตราย มันอันตรายแบบไหน” ชายสูงวัยส่ายหน้ากับความรั้น ไหนจะกิริยาเบะปากไม่แคร์ใครอีก “หนูไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรเลย”            นี่แหละนิสัยของหล่อน...           เธอเป็นลูกครึ่งสาว ใบหน้าคมคายใคร ๆ ก็มองออกโดยไม่ต้องสงสัย แม่เป็นคนอังกฤษ หลังจากหย่าร้างกับผู้เป็นพ่อ หญิงสาวก็ถูกเอาตัวกลับไปด้วยตั้งแต่ยังเด็ก แต่ต่างคนต่างไม่แต่งงานใหม่ จะเป็นเพราะเหตุใดทั้งสองไม่เคยเอ่ยให้ใครฟัง แม้แต่ลูกสาว                       ตอนนี้แม่ของหล่อนได้เสียชีวิตลง ผู้เป็นพ่อจึงรับลูกสาวกลับมาดูแล ความรักและเอาใจใส่ตลอดหลายปี ที่ไม่เคยได้ปฏิบัติ ส่งผลกลับมาชดเชยตอนนี้ ไม่กล้าดุหรือว่ากล่าวตักเตือนแรง ๆ เพราะเธอเพิ่งสูญเสียแม่ไป การที่ผู้เป็นพ่อกลัวว่าจะรู้สึกกดดัน และขาดการเอาใจจากผู้เป็นพ่อ ทำให้สาวสวยกลายเป็นหญิงสาวที่เอาแต่ใจ อีกอย่างหล่อนติดนิสัย ชอบเที่ยวเฮฮากับเพื่อนฝูงที่เป็นหญิงลูกครึ่งบ้าง ไทยแท้บ้าง หลายเชื้อชาติที่เรียนด้วยกันและก็กลับมาอยู่เมืองไทย และที่ลูกสาวเคยพามาแนะนำให้รู้จัก ที่รู้ก็มีอยู่สองสาว ทั้งหมดจะมีนิสัยไม่ต่างกัน โดยเพื่อนทุกคนส่วนมากจะยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ           วิรุจอยากให้ลูกสาวเรียนต่อให้จบ แต่ก็ได้รับคำตอบแบบกวนๆ กลับมา            “โธ่... คุณพ่อคะหนูว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนเลย เงินเดือนข้าราชการของคุณพ่อ ไหนจะค่าเช่าแผงในตลาด แล้วก็ตึกแถวอีก ไม่รู้กี่แห่งเดือนหนึ่งๆ คุณพ่อได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่...เลี้ยงลูกสาวคนเดียวได้สบาย ไม่ต้องให้หนูเรียนให้เหนื่อย”                      น้ำเสียงที่ตอบอย่างรู้ดี ทำให้คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องยอม จนหล่อนต้องกลายเป็นเด็กรักเที่ยว รักสนุกอยู่ทุกวันนี้            “พ่อจะหาคนใหม่มาอีก” วิรุจพูดน้ำเสียงเด็ดขาด เขาไม่ไว้ใจเหตุการณ์ตอนนี้...ยิ่งคู่แข่งเริ่มกดดันเรื่องหัวคะแนนที่ต้องจบชีวิตไป โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด...             “ฮึ...มากี่คนกี่คนหนูจะแกล้งให้เข็ดเลย... คอยดู”                       น้ำเสียงที่พูดดูเหมือนเยาะเย้ย มองไปยังประตูทางออกที่หล่อนจะต้องออกไปให้ได้ในวันนี้ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงต้องเซ็งไปอีกหลายเดือน เพราะหล่อนอยากดูคอนเสิร์ตที่เล่นกลางแจ้งมากกว่ากลางคืน และมันดูไม่อันตราย และมีความชอบในลีลาและเอกลักษณ์ ของนักร้องวงนี้มานาน...                      วิรุจต้องมองดูลูกสาวที่ดูจะไม่สนใจกับเรื่องที่เขาบอก และก็ต้องเหนื่อยกับการหาบอดี้การ์ดคนใหม่ให้ดูแลลูกสาวตัวร้ายอีกแล้ว...แต่เพราะรัก และความเป็นห่วงในตัวลูกสาวจึงต้องหาอีกครั้ง...               บอดี้การ์ดคนเก่าที่ลาออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  มารู้ที่หลังว่าโดนหล่อนแกล้งสารพัดและครั้งล่าสุดก็โดนขังไว้ในห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน โดยหล่อนแอบเอากุญแจล็อกประตูไว้ และตัวเองก็หนีไป          “แล้วลูกจะออกไปไหน...ค่อยไปวันอื่นนะ วันนี้พ่อไม่อนุญาต”                      “ไม่เอาหนูจะไป...ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไว้แล้วด้วย” พูดพลางเดินออกจากประตู โดยไม่สนใจคำพูดของ       ผู้เป็นพ่อ นี้แหละนิสัยดื้อรั้นของหล่อน...           การกระทำและเอาแต่ใจของหล่อนที่ทำทุกวันนี้ เกือบจะทำให้ผู้เป็นพ่อกินยาแก้ปวดทุกวัน และตอนนี้ไม่ใช่แค่ชายสูงวัยที่กำลังปวดหัวหนัก ชายหนุ่มอีกคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องครอบครัวนี้เลย แต่กลับถูกดึงให้มาอยู่รับปัญหากับหญิงสาวเช่นกัน              “ภูผา มาพบผมที่ห้องด่วน” ชูชาติถอนหายใจก่อนจะวางสายโทรศัพท์ แม้จะรู้ว่าลูกน้องใต้บังคับบัญชา ไม่ชอบงานแบบนี้ ...แต่จะทำไงได้ ก็มีแต่นายคนเดียวที่ฉันพอจะเห็นทาง...                      เขารู้ว่าคนหนุ่มอย่างภูผาไม่กล้าปฏิเสธ หากเขามอบหมายงานให้ทำ แม้สิ่งไหนที่ตัวเองจะไม่ชอบก็เถอะ แต่หากรับงานมาแล้วคนอย่างภูผาจะต้องทำเต็มที่           ...นั้นแหละที่ผู้บังคับบัญชาอย่างเขาชอบ และมีเรื่องจะเรียกใช้ประจำ...   ชายหนุ่มรูปร่างสมชายชาตรี วางหูโทรศัพท์และลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานทันที ไม่รีรอเพราะหน้าที่การงานของเขาต้องเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ คงจะมีงานด่วนถึงได้เรียกแต่เช้า...                       ภูผาชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน ที่อยู่ในชุดเขียวเข้มรัดรูป เห็นรูปร่างชัดเจนเดินอกผายไหล่ผึ่งไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา           ภูผาเป็นทหารผ่านศึกมาหลายปี และทำงานต่อในกรมทหาร ไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียชีวิต ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เลยคิดรับใช้ชาติและพักอยู่บ้านพักในค่าย ลักษณะโดดเด่นที่ทุกคนรู้จักดี เขาเป็นชายหนุ่มที่เคร่งขรึม ไม่ชอบสังคมที่ฟุ้งเฟ้อตามสมัยนิยมของโลกโลกาภิวัตน์ในตอนนี้ ที่ดูวุ่นวายหาความสงบไม่ได้            ชายหนุ่มรักการทำงานที่มีระเบียบจนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา                       “ขออนุญาตครับ ผม”                      น้ำเสียงและท่าทางที่ดูหนักแน่นของเขา แสดงให้รู้ว่าเขาพร้อมในการทำงานแค่ไหนเมื่อรับคำสั่งมา                      “นั่งก่อน....ฉันมีงานให้นายทำ”                       ชูชาติยื่นรูปถ่ายหญิงสาว ให้ภูผาดูทันทีที่เขานั่งลงบนเก้าอี้              “นี่เป็นลูกสาวของเพื่อนผม ตอนนี้เพื่อนผมออกจากราชการ ลงสมัครเล่นการเมือง นายเข้าใจใช่มั้ยคนเล่นการเมืองก็ต้องมีศัตรูเยอะ ลูกสาวของแกเพิ่งมาจากเมืองนอก ชอบเที่ยวแบบเด็ก ๆ แกจึงต้องการคนคุ้มกันให้ลูกสาว นายช่วยจะรับงานนี้ให้ฉันหน่อยนะ”                ชายหนุ่มมองรูปถ่ายในมืออย่างพินิจ  ดูท่าทางไม่เบา...            “แล้ว...คนอื่นล่ะครับ?” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย ปกติคนดังอย่างวิรุจหาคนทำงานได้ไม่อยาก            “คนอื่นส่งไปแล้ว แต่ลาออกหมด”            ชูชาติพูดอย่างปลงๆ เพราะเขาเองก็เคยเห็นฤทธิ์ของลูกสาวเพื่อนมาแล้ว จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้  แต่เวลาจะทำตัวน่ารักชูชาติเองก็แอบพอใจ อยากจะให้รู้จักกับลูกชายอยู่เหมือนกัน แต่ก็หาจังหวะเวลาที่ลูกชายตัวดีอยู่ติดบ้านไม่ได้            “ทำไมครับ?” ชายหนุ่มถามสีหน้าสงสัย ก็แค่เด็กสาวที่ดูท่าทางกวนๆ ในสายตาเขาไม่น่าจะใช้คน      คุ้มกันเปลืองขนาดนี้            “ก็เด็กมันซน พวกนั้นทนไม่ได้ลาออกกันหมด”            ภูผาก้มมองรูปภาพอีกครั้งแล้วส่ายหน้า  ก็คงจะจริง...             “นายเอารูปไปด้วย เผื่อจำหน้าไม่ได้”           “หมายความว่าไง จำหน้าไม่ได้” ชายหนุ่มถามสีหน้าแปลกใจ           “ก็จะให้นายทำงานวันนี้เลย”                                  “อะไรนะครับ!”                                ภูผาถึงกับตกใจดีดตัวลุกขึ้นจากที่นั่ง พอๆ กับหัวหน้าที่ตกใจในอาการของลูกน้องใต้บังคับบัญชาเช่นกัน           เมื่อหายจากอาการตกใจ ก็เอ่ยตอบ “ใช่...นายได้ยินถูกต้องแล้ว วิรุจเขาต้องการให้นายทำงานวันนี้เลย”            มัดมือชกกันชัดๆ ไม่ยอมให้เวลาเราทำใจบ้างเลย... ชายหนุ่มโอดครวญ ก้มมองดูชุดที่ตนเองสวมใส่ อย่างคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเขาจะมีการรับงานที่เล่นไล่จับเด็ก           เก็บภาพใส่กระเป๋าเสื้อ จำใจรับงานและขับรถมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย ที่หล่อนอยู่ตอนนี้                                     
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม