เมื่อกินอาหารจนอิ่ม หญิงสาวขอตัวขึ้นไปแต่งตัวใหม่ ผู้สูงวัยไม่ลืมที่จะเตือนชายหนุ่ม เพราะไม่มั่นใจว่าลูกสาวตัวดีจะแกล้งเอาคืนอย่างไร กับคนที่หล่อนประกาศว่าเกลียดขี้หน้าบ้าง
“จับตาดูให้ดีนะ ยัยตัวดีเร็วอย่างกับลูกลิง ฉันกลัวนายจะโดนดี”
“ครับ ผมจะระวังไม่ให้คลาดสายตาครับ”
ชายหนุ่มรับคำเตือนจากผู้สูงวัย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการวิตกกังวลใดๆ ออกมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มตัวโตจะแก้ปัญหาอย่างไรหากเกิดเรื่องโดยหญิงสาวเป็นคนว่างแผนเอาไว้ หากมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเอง
และนี่คงเป็นการเอาคืนเบาๆ สำหรับหล่อน! เพราะเขาต้องเดือดร้อนกับการถูกจับให้แต่งตัวเสียใหม่ และตอนนี้เหมือนเขาจะขาดความเป็นส่วนตัว เมื่อเจ้าหล่อนเฝ้าดูการแต่งตัวของเขา
“เสื้อแต่ละตัวอย่างกับซื้อให้คุณลุงใส่ นี่คุณใส่แบบนี้จริง ๆ เหรอ”
เจ้าของห้องได้แต่ยืนส่ายหน้ามือกอดอก ดูเจ้าหล่อนรื้อเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้ ปากก็พูดไป ตาก็หันมาจิกเจ้าของอย่างไม่เกรงใจ
“รื้อมา ก็เก็บให้ผมด้วย”
“ไม่ใช่เรื่อง!”
เสื้อหลายตัวถูกโยนไว้บนเตียงกว้าง พร้อมกับเสียงหวานแหลมเอ่ยพล่าม ตัวนี้ไม่สวย... สีนี้ก็ไม่สวย...ตัวนี้ก็ไม่เหมาะ...ฮึตัวนี้มันดูแล้วแก่ไป...เกือบชั่วโมง ที่เขากับหล่อนเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้ชายที่หล่อน บอกไม่ชอบขี้หน้า
จากแอร์ที่เย็นฉ่ำทำให้บรรยากาศในห้องเย็นสบายตัว ไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึก ที่ร้อนทั้งกาย และใจได้เมื่อหล่อน บังคับให้เขาถอดเสื้อเปลี่ยนต่อหน้า โชว์กล้ามหน้าอก ลามไปถึงแผ่นซิกแพค ตลอดช่วงบนของลำตัว ชวนให้ท้องไส้ของชายหนุ่มรู้สึกปั่นป่วน ยิ่งต้องถอดเสื้อตัวแล้วตัวเล่า เหงื่อออกมากจนเปียกชุ่มไปทั่วตัวเหมือนคนออกกำลังกายดีๆ นี่เอง
เมื่อได้ชุดถูกใจเจ้าหล่อน ชายหนุ่มก็ทำหน้าที่พลขับ ขับรถไปตามความต้องการของหล่อน ไม่มีการพูดคุยหรือโต้แย้งให้เกิดเรื่อง ภูผาเลือกที่จะนั่งทำหน้าที่ไปอย่างเงียบๆ เมื่อรับฟังคำสั่งของเธอจบ
“พูดบ้างก็ได้ ฉันไม่ว่านายหรอก” ประโยคแรกหลังจากที่หายเงียบไป
“....” ชายหนุ่มเลือกที่จะนั่งนิ่งเพราะเขาเป็นคนที่คุยไม่เก่ง ยิ่งคนที่ทำตัวเป็นคุณหนูไฮโซด้วยแล้ว คนอย่างเขาจึงไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาพูดให้อีกคนถูกใจ
หญิงสาวยกยิ้ม “แวะเข้าไปตรงนั้น” ชายหนุ่มมองตามนิ้วเรียวชี้ไปอีกทิศทางหนึ่ง
“ป้อมตำรวจ! แวะไปทำไมครับ ไหนว่าจะไป...” เสียงทุ้มเอ่ยถามแต่ถูกอีกคนโต้แทรก
“อื้อ...แวะไปให้หน่อย พอดีรู้จักกับตำรวจชุดนั้น จะแวะเข้าไปทักทายสักหน่อย” คนมีแผนเอ่ยบอก สีหน้าตาย
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำ ไม่เข้าใจว่าหล่อนจะไปที่ตรงนั้นเพื่ออะไร แม้เหตุผลที่ให้มาของหล่อน มันจะฟังดูทะแม่งๆ พิกล
คนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา ตีไฟเลี้ยวขับไปอีกฝั่งของถนน เมื่อถึงที่หมายตามที่อีกคนบอก รถเบนซ์ใหม่เอี่ยมจอดเทียบไหล่ทางทันที
รถแปลกตา เข้ามาจอดเทียบหน้าป้อม ชายหนุ่มสองคนที่แต่งกายบอกอาชีพที่ทำอยู่โผล่หน้าออกมาทางช่องสี่เหลี่ยมเล็ก แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่มาก แต่คนที่ทำงานเพื่อความปลอดภัยของประชาชนก็เดินออกมาด้านนอก เผื่อบางทีคนในรถต้องการความช่วยเหลือ
ภูผามองตามร่างบางที่รีบลงจากรถ หล่อนก้มกระซิบกระซาบกับตำรวจ แล้วตำรวจหนึ่งในสองก็คว้ากุญแจมือหมับทำสีหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก ประจวบเหมาะกับเสียงโทร.สายเรียกเข้า ชายหนุ่มจึงก้มหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ในแท่นวางโทรศัพท์ มองดูหน้าจอแล้วรีบกดรับทันที
“เป็นไงลูกสาวฉันรบกวนอะไรนายหรือเปล่า” ปลายสายเอ่ยถาม
“ตอนนี้ไม่มีอะไรครับ” เหลือบมองคนด้านนอกที่ยังคุยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วเพราะสีหน้าของตำรวจในเครื่องแบบคิ้วขมวดมุ่น หันมองมาทางที่รถที่ชายหนุ่มจอดอยู่ถี่ๆ
“อย่างนั้นฉันไม่รบกวนดีกว่าขับรถระวังล่ะ” เอ่ยจบคนเป็นห่วงลูกสาวตัดสายทันที
ชายหนุ่มได้แต่งงๆ เพราะในสมองเริ่มจมปรักกับภาพด้านนอก ที่กำลังคุยกันออกรส ทางสีหน้าและแววตา ก่อนจะก้มเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม
ก๊อกๆๆๆๆ
เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าเป็นใครจึงเลื่อนกระจกลง ตำรวจในชุดเครื่องแบบสองคนนั้นที่คุยกับหญิงสาว แม้จะงงอยู่บ้างว่าตำรวจสองนายที่ดูอายุแตกต่างกันพอสมควร มีธุระอะไรกับเขา
“เป็นไงขับรถดีแต่งตัวดีไม่น่า...” พูดค้างเหมือนเรียกร้องความสนใจไปทางคำพูดของตน และใช่ชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นพลขับไม่เข้าใจคำพูดนั้น บวกกับสายตาที่กำลังมองหาหญิงสาวที่พามา
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!” ชายหนุ่มสบถหัวเสีย เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งเสียแล้ว ชายหนุ่มเปิดประตูทันที หมายจะวิ่งไปจับตัวหล่อนไว้ให้ทัน โดยไม่ได้เอะใจว่าตำรวจก็คอยจังหวะอยู่แล้ว ได้ทางตำรวจในเครื่องแบบคว้าข้อมือชายหนุ่มที่กำลังเผลอใส่กุญแจมือทันที
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มมองดูข้อมือตัวเอง เริ่มรับรู้อะไรบางอย่าง ก่อนจะหันกลับไปมองสาวร่างบางอีกครั้ง ที่ตอนนี้หล่อนกำลังกวักมือเรียกแท็กซี่อยู่ เขาสะบัดมือพยายามทำทุกวิถีทางที่จะหลุดจากการจับกุมของตำรวจสองนายนี้ หากหลุดจากตรงนี้บางทีเขาอาจรวบตัวหล่อนไว้ทัน ก่อนที่รถแท็กซี่จะมา
ร่างที่ดูภูมิฐานและโตกว่ามากสะบัดตัวเองออกจากแขนของสองตำรวจ เตะผ่าหมากให้อีกคนล้มไปนอน เพื่อจะได้วิ่งไล่ตามเขาไม่ทัน ส่วนอีกคนโดนศอกกลับไปเต็มๆ มึนเซไปชั่วขณะ
เมื่อเป็นอิสระชายหนุ่มวิ่งจะข้ามถนนเพื่อไปถนนอีกฝั่ง โดยมีกุญแจติดอยู่ที่ข้อมืออีกด้าน เท้าแกร่งหยุดชะงัก เสียงแตรที่ดังเหมือนฟ้าผ่าทำให้ชายหนุ่มต้องหยุด แต่เพราะชายหนุ่มดูแล้วว่ามันกระชั้นชิดเกินไป จึงปล่อยให้รถคันนั้นแล่นผ่านพ้นไป