[Marcus Talk]
"มันคิดไงไปเดิมพันกับไอ้นั่น" เสียงของไอ้แวมไพร์ที่แอบเมียมานั่งดื่มเบียร์กับผมได้เอ่ยพูดขึ้น ในขณะที่เราสองคนกำลังดูการแข่งขันรถที่ไอ้ฟีนิกซ์เป็นคนแข่งอยู่ด้วยท่าทางสบายใจ ภายในห้องขนาดกลางที่สามารถมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปเห็นการแข่งขันรถได้อย่่างชัดเจน
"มันว่าง.." ผมตอบออกไปนิ่งๆก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์จนเกิดเสียงดังพร้อมยกดื่มจนหมดก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะไป
"ว่างมากก็บอกมันไปทำการทำงานไม่ใช่มาทำเรื่องไร้สาระ" ไอ้แวมไพร์พูดขึ้นก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกระดกจนหมดพร้อมทิ้งมันลงถังขยะ
"มึงคิดว่าใครจะชนะ..." ผมถามออกไปแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่รถซุปเปอร์คาร์สองคันที่ขับด้วยความเร็วสูสีกัน แต่ดูก็รู้ว่าไอ้ฟีนิกซ์มันออมมือให้เพราะมันจะวิ่งเข้าเส้นชัยเลยก็ได้แต่มันคงไม่สนุกมันเลยเลือกที่จะเล่นแบบนี้
"หึ" ไอ้แวมไพร์มันแค้นหัวเราะขึ้นเบาๆ "ถ้ามันจะแพ้แค่ไอ้เด็กนั่นบอกมันไปตาย"
"หึ" ผมก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆเพราะผมกับมันก็รู้ดีอยู่แล้วว่าใครจะชนะ ฝีมืออยากไอ้ฟีนิกซ์มันไม่ใช่เล่นๆนะผมแข่งกับมันบางมีก็ชนะบางทีก็แพ้แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรขำๆ แต่ฝีมืออย่างไอ้เด็กอ่อนหัดที่โดนเพื่อนท้าแข่งกับไอ้ฟีนิกซ์อย่างมันไม่มีทางชนะไอ้ฟีนิกซ์ได้หรอก
และเป็นไปตามคาดรถซุปเปอร์คาร์คันสีดำของไอ้ฟีนิกซ์วิ่งเข้าเส้นชัยในนาทีสุดท้าย ตามด้วยรถซุปเปอร์คาร์คันสีเหลืองของไอ้เด็กนั่นวิ่งตามเข้าไป
"ของเดิมพันครั้งนี้คืออะไร?" ไอ้แวมไพร์เอ่ยถามขึ้นก่อนที่ผมจะละสายตาจากการแข่งขันรถที่พึ่งจบลงหันไปมองหน้ามัน
"กูไม่รู้...น่าจะเงินมั้ง" แต่ที่ผมคิดไว้คงจะเป็นเงิน ไม่ก็ของต่างๆนั่นแหละ แต่ที่รู้คือไอ้ฟีนิกซ์มันไม่ได้แข่งเพราะของเดิมพันจำพวกนั้นหรอก มันแค่เล่นสนุกไปงั้นแหละ นานๆมันมาแข่งด้วย
"หึ" ไอ้แวมไพร์แค้นหัวเราะขึ้นเบาๆ "คนโง่ๆอย่างมัน สงสัยธุรกิจกำลังจะเจ๊งเลยหาวิธีหาเงินใหม่"
"กูเบื่อพวกมึงจริงๆ กัดกันเหมือนหมา" ผมส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาแม่งสองคนนี้ไม่เคยพูดดีๆด้วยกันเลย แต่ข้อดีคือพวกมันไม่เคยฆ่ากันเท่านั้นแหละ
ครืนนนน~ ครืนนนน~ และจังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ของไอ้แวมไพร์ก็ดังขึ้นก่อนที่มันจะหยิบออกมากดรับสายแต่ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องของมันหรอก ผมก็หยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาเปิดก่อนจะยกดื่ม
"ครับ" เหอะคำแรกผมรู้เลยว่าใครโทรมา ก็เมียสุดที่รักมันไง นี่แหละพวกมีเมียไปไหนมาไหนโดนโทรตามตลอด ไม่มีความเป็นอิสระ
แกร๊ก!!...และจังหวะนั้นประตูบานใหญ่ก็ถูกดันเข้ามา ก่อนที่ไอ้ไทม์มันจะเดินเข้ามาแล้วไอ้แวมไพร์มันก็เดินออกไป โดยที่ผมก็ไม่ได้ถามมันหรอกว่ามันจะไปไหนเพราะผมรู้...สภาพนี้เมียตามกลับบ้านชัวร์
"นาย..คุณมิวนิคมา"
"มึงว่าไงนะ!" ผมเลิกคิ้วถามออกไปทันทีที่ไอ้ไทม์พูดจบ
"เธอมากับเพื่อนของเธอ ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อ..."
ฟรึ่บ! ผมไม่รอให้มันพูดจบสมองของผมก็หยุดทำงานร่างกายของผมก็เคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติโดยการหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวขาเดินออกจากห้องแห่งนี้ไปโดยมีไอ้ไทม์เดินตามผมมาติดๆ
ผมเดินเข้าไปถึงก็เจอเธอยืนคุยกับเพื่อนผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน นี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันวะมาในสถานที่แบบนี้แถมแต่งตัวแบบนี้อีก ผมว่าจะไม่สนใจแล้วนะแต่แม่งก็อดไม่ได้
.
.
.
[Mewnich Talk]
"รถคันสีดำคือมาเฟีย? แต่คันสีเหลืองไม่ใช่มาเฟียงั้นเหรอ?" ใบเตยเอ่ยถามพอร์ชขึ้นหลังจากการแข่งขันรถเมื่อกี้จบลง
"มันคิดไงไปแข่งกันมาเฟียวะ" แผ่นดินพูดขึ้นพร้อมส่ายหน้าไปมา
"เออ..พวกมึงเลิกสงสัยแล้วกลับไปซะ" พอร์ชมันพูดขึ้นด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
"ไล่จัง มาเฟียน่ากลัวขนาดนั้น?" ฉันเอ่ยถามขึ้นพร้อมมองหน้าพอร์ชไปด้วย
"เหอะ.." มันก็แค้นหัวเราะในลำคอขึ้นเบาๆ "มันสามารถพรากชีวิตมึงไปตลอดการได้แค่ปลายเล็บโดยที่มันไม่ผิดอะไร"
"จริงเหรอ?" ใบเตยพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย
"อยากรู้ลองไปยุ่งดูสิ"
"บ้าเหรอ ใครมันจะไปอย่างยุ่ง"
"กลับเลยไหมแก หมดสนุกละ..."
"สนุกมากไหม" ฉันยังพูดไม่ทันจบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉันก่อนที่ฉันจะกลืนคำพูดลงคอ เมื่อเสียงนั้นมันคุ้นเคยเหลือเกิน และหวังว่าคงจะไม่ใช่เสียงของคนที่ฉันคิดนะ
"มาร์คัส.." พอร์ชมันพึมพำออกมาเบาๆด้วยใบหน้าซีดเชียวโดยที่แผ่นดินก็มีสีหน้าไม่ต่างไปจากพอร์ชและมันทำให้ฉันตกใจมาก ก่อนที่ฉันจะค่อยๆหมุนตัวกลับไปมองยังต้นเสียงก็เจอ...
"พะ...พี่มาร์คัส" ฉันพูดขึ้นด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย นี่เขาก็มาชมการแข่งขันรถงั้นเหรอ โลกจะกลมไปแล้วนะ
"มาทำไมสถานที่แบบนี้!" พี่มาร์คัสพูดขึ้นเสียงแข็งพร้อมปรายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเรียบ
"มะ..มิวมาดูกะ..."
"ไอ้มาร์คัส" ฉันยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพี่มาร์คัส แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ๆมันทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร ก็นั่นมันมาเฟียไง คนที่ขับรถสปอร์ตคันสีดำในสนามแข่งรถเมื่อกี้ ว่าแต่เขารู้จักพี่มาร์คัสเหรอ..
"ใครอ่ะแก.." ใบเตยเข้ามากระซิบที่ข้างใบหูของฉัน แต่ฉันยังไม่ทันได้ตอบพี่มาร์คัสก็หันมาจ้องหน้าฉันอีกแล้ว ทำไมสายตาของเขามันดูน่ากลัวแปลกๆ
"นี่เหรอสาวน้อยในการดูแลของมึง" ผู้ชายคนนั้นเอ่ยพูดขึ้นพร้อมมองหน้าฉันนิ่งๆ
อึก...ฉันแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเมื่อเจอทั้งสายตาของพี่มาร์คัสและสายตาของผู้ชายคนนั้น แถมยังมีสายตาของผู้ชายอีกหลายคนที่เดินตามเขามามองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียวกัน
"อย่ายุ่งเรื่องของกู..." พี่มาร์คัสหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นก่อนจะหันมามองหน้าฉัน "มานี่!"
"พะ..พี่มาร์คัสจะพามิวไปไหน.." ฉันพูดขึ้นเมื่อโดนกระชากแขนอย่างแรงให้เดินออกจากตรงนี้ไป แต่...
หมับ!
"จะพาเพื่อนกูไปไหนวะ!" พอร์ชมันก็เข้ามาจับแขนอีกข้างของฉันไว้ซะก่อนพร้อมเอ่ยพูดขึ้นเสียงแข็ง ก่อนที่พี่มาร์คัสจะหยุดชะงักแล้วปรายตาไปมองหน้าพอร์ชนิ่งๆ
"พอร์ชมึงจะทำอะไร นั่นมาเฟียนะเว้ย!" เสียงของแผ่นดินดังขึ้น พร้อมมองหน้าพอร์ชด้วยแววตาที่บ่งบอกเลยว่าเขากลัวมาก
"มาเฟียก็มาเฟียสิวะ นี่เพื่อนกู!" พอร์ชหันไปตอบโต้แผ่นดินก่อนจะหันกลับมามองหน้าพี่มาร์คัสเหมือนเดิม แต่อะไรนะ...เพื่อนของฉันบอกว่าพี่มาร์คัสคือมาเฟียงั้นเหรอ!!!
"อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง" พี่มาร์คัสพูดขึ้นเสียงเรียบพร้อมปรายตาไปมองมือของพอร์ชที่จับอยู่ที่ข้อมือของฉัน "ปล่อย"
"มึงนั่นแหละ ปล่อยเพื่อนกู!" พอร์ชเถียงกลับเสียงแข็ง
"ไอ้ไทม์" พี่มาร์คัสพูดแค่นั้นก็มีผู้ชายหลายคนวิ่งเข้ามาล็อกที่ตัวของพอร์ชไว้ ทำไห้มือของพอร์ชหลุดออกจากแขนของฉัน
"พอร์ช.." ใบเตยที่ยืนตัวสั่นเทาเอ่ยเรียกขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"ปล่อยกูสิวะ! มึงจะพาเพื่อนกูไปไหน!!" ฉันได้ยินเสียงนั้นเป็นเสียงสุดท้าย เพราะพี่มาร์คัสได้ลากตัวฉันให้ออกจากตรงนี้ไปแล้ว โดยที่ฉันก็เงียบแล้วยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
"เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร..."
"ถ้ายังไม่รู้ก็อย่ามาลองดีกับคนอย่างฉัน"
"เพราะฉันไม่ได้แค่ทำให้เธอกลับฟินแลนด์ไปได้อย่างเดียว แต่ฉันสามารถทำให้เธอหายไปจากโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย"
กึก...ฉันเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจเมื่อคำพูดของพี่มาร์คัสเคยได้พูดกับฉันมันผุดขึ้นมาในสมอง ตอนที่เขาพูดแบบนี้ฉันไม่ได้เกรงกลัวเลย ฉันกลัวแค่พี่มาร์คัสจะส่งฉันกลับฟินแลนด์ไปเท่านั้น แต่ตอนนี้เรื่องนั้นฉันไม่กลัวแล้ว ฉันกำลังกลัวที่เขาเป็นมาเฟีย
"เข้าไป!" ฉันสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่เมื่อเสียงของพี่มาร์คัสพูดขึ้นโดยที่เขาได้ลากฉันมาถึงรถสปอร์ตหรูของเขาเป็นที่เรียบร้อย
"พะ..พี่มาร์คัส จะ..จะพามิวไปไหนคะ?" ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยก่อนที่จะเจอสายตาของเขาที่มองมา ทำให้ฉันต้องรีบเข้าไปในนั่งรถทันที
ปึก!...ฉันสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อพี่มาร์คัสได้เข้ามานั่งอยู่บนรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะขับรถออกจากสนามแข่งรถไปด้วยความเร็วสูง
"พะ..พี่มาร์คัส.." ฉันเอ่ยเรียกเขาขึ้นเมื่อเขาขับรถเร็วเกินไปแล้ว แต่ฉันก็ต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปเมื่อเจอสายตาของพี่มาร์คัสที่หันมามองก่อนที่เขาจะหันไปสนใจการขับรถต่อ และอยู่ๆคำพูดของพอร์ชมันก็ดังเข้ามาในสมองของฉัน และมันยิ่งทำให้ฉันหวาดกลัวเข้าไปอีก
"มันสามารถพรากชีวิตมึงไปตลอดการได้แค่ปลายเล็บโดยที่มันไม่ผิดอะไร"
ฉันไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน และไม่เคยคิดจะกลัวพี่มาร์คัสเลย แต่วันนี้ฉันกับกลัวเขา แล้วคุณแม่ฉันรู้ไหมว่าคนที่คุณแม่ส่งมาให้ดูแลฉันเขาคือมาเฟีย แถมมาเฟียยังสามารถพรากชีวิตของฉันไปได้แค่ปลายเล็บอีกด้วย...