บทที่ 22
มื้อเที่ยงที่แสนเย็นชาของอ้ายเหริน
เวลาเที่ยงสิบนาที ในห้องอาหาร..
บนโต๊ะอาหารตัวกลมขนาดใหญ่ ที่มีแม่หลิวนั่งประจำที่ของสามี ส่วนคุณนายฉางนั่งข้างแม่หลิวมีเฉินหลงนั่งข้างๆ และข้างของเฉินหลงก็มี จี้หยวนที่อ้ายเหรินนั่งข้าง ส่วนห่าวกั๋วก็นั่งระหว่างกลางอ้ายเหรินกับ แม่หลิว..
ด้านคุณนายฉางมองอาหารบนโต๊ะอย่างชื่นชม มีหมูสามชั้นตุ๋น เต้าเจี้ยว ผัดผักรวมมิตรใส่เต้าหู้แห้ง เต้าหู้ยัดไส้นึ่งซีอิ๊ว เป็ดตุ๋นเกาลัดและหมั่นโถวไม่มีไส้..
ม่หลิวได้เอ่ยเชิญชวนคุณนายฉางและทุกคนว่า “คุณนายฉางเชิญกินเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ดูอาหารแต่ละอย่างแล้วน่ากินมากเลย” คุณนายฉางบอก พร้อมมองอ้ายเหรินที่คุยกับห่าวกั๋ว
“กินหมูตุ๋นดูสิ เฉินหลง คุณห่าวกั๋ว เชิญค่ะ” แม่หลิวคีบอาหารให้คุณนายฉาง แล้วบอกหนุ่มๆ ทั้งสองให้หยิบจับกินตามสบาย
“ครับ” สองหนุ่มขานรับพร้อมกัน โดยเฉพาะเฉินหลงต้องละสายตาจากคนตรงข้าม ซึ่งเธอไม่ชายตามองเขาเลย ถึงแม้ว่าจะนั่งตรงกัน
ห่าวกั๋วนั้นได้คีบอาหารใส่ถ้วยของตัวเอง แล้วหันไปถามอ้ายเหริน
“คุณอ้ายเหรินจะกินอะไรครับ เดี๋ยวผมคีบให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันคีบเองได้” อ้ายเหรินรีบปฏิเสธ
“ผมคีบผัดผักให้นะครับ” ห่าวกั๋วไม่ฟัง เขาใช้ตะเกียบกลางคีบ ผัดผักและเต้าหู้แห้งใส่ถ้วยของอ้ายเหริน
“ขอบคุณค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้ห่าวกั๋ว
นั่นทำให้ เฉินหลงที่นั่งตรงข้ามต้องหน้ากระตุก
“หึ!” เฉินหลงหัวเราะในลำคอ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน และไม่ได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวทั้งที่นั่งตรงกัน แต่อ้ายเหรินกลับไม่มองเขาเลย
แม่หลิวที่แอบมองลูกสาวกับห่าวกั๋ว และชำเลืองมองเฉินหลงที่นั่งหน้าขรึมอยู่นั่น แม่หลิวพอจะเข้าใจแล้ว ว่าเฉินหลงนั่นต้องคิดอะไรกับ อ้ายเหรินแน่ ซึ่งแม่หลิวยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า
“อ้ายเหริน ตักเป็ดตุ๋นเกาลัดให้คุณห่าวกั๋วสิ”
“คุณกั๋วจะกินไหมคะ เดี๋ยวฉันตักให้” อ้ายเหรินถามห่าวกั๋ว
ด้านห่าวกั๋วไม่ปฏิเสธ “ครับ”
“เป็นไง อร่อยไหมคุณห่าวกั๋ว” แม่หลิวถามยิ้มๆ เมื่อเห็นห่าวกั๋ว กินเป็ดตุ๋น
“อร่อยครับ รสชาติขึ้นภัตตาคารเลยนะครับ คุณป้าหลิวเป็นคนทำหรือครับ” ห่าวกั๋วกินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วเอ่ยบอกแม่หลิว
“ป้าไม่ได้ทำหรอก อ้ายเหรินเป็นคนทำน่ะ” แม่หลิวยิ้มหน้าบาน อีกแล้ว ที่ได้ชื่นชมลูกสาวต่อหน้าทุกคน
“คุณอ้ายเหรินทำอาหารเป็นด้วยหรือครับ” ห่าวกั๋วมองอ้ายเหรินอย่างไม่เชื่อ เพราะเขารู้มาว่าอ้ายเหรินจะเป็นผู้หญิงที่อยู่หายใจเล่นไปวันๆ และไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักที
“น้องรองไม่ได้ทำแค่ตุ๋นเป็ดเป็นนะครับคุณห่าวกั๋ว แต่น้องรองยังทำเป็ดปักกิ่งอร่อยด้วย และอาหารหลายอย่างด้วย ผมและคุณพ่อกำลังหาทำเลดีๆ ให้น้องรองเปิดร้านอาหารครับ” จี้หยวนพูดยาวมาก เมื่อนานๆ จะชมน้องสาวคนรอง
“อะไรคือเป็ดปักกิ่งหรือจี้หยวน” คุณนายฉางถามเพราะไม่เข้าใจ
“ก็เป็ดย่างนี้แหละครับ น้องรองชอบตั้งชื่ออาหารเวลาทำครับ”
จี้หยวนบอก เมื่อนึกถึงเวลาที่อ้ายเหรินทำอาหารแล้วเมาเสิร์ฟ น้องรองจะบอกว่าอาหารจานนี้ชื่ออะไร
“อ้อๆ เป็ดย่างเขาเรียกเป็ดปักกิ่งหรือ” คุณนายฉางพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังครุ่นคิด เพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้ยินคำแปลกๆ
“ฉันแค่อยากตั้งชื่ออาหารเล่นๆ น่ะค่ะ” ท่าทางสงสัยของคุณนายฉางที่มองมา ทำให้อ้ายเหรินต้องโกหก
จี้หยวนก็ต้องรีบบอก เมื่อเพื่อนรักที่ไม่ยอมกินอะไรเลย ซึ่งเฉินหลงเอาแต่นั่งจ้องอ้ายเหริน
“เอ๊ย นี่เฉินหลง กินสิ นั่งมองอะไร หมั่นโถวกับเต้าหู้ยัดไส้เย็นหมดแล้ว”
แรงสะกิดตรงเท้าของจี้หยวน ทำให้เฉินหลงต้องละสายตาจากใบหน้างามมามองเพื่อน แล้วทำเสียงในลำคอ
“อื้อ”
“อาหารไม่ถูกปากหรือเฉินหลง” แม่หลิวยิ้มแล้วถามเฉินหลง
เป็นเพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน แม่หลิวแค่มองเพียงเล็กน้อย ก็รู้ทันทีว่าเฉินหลงต้องเริ่มที่จะชอบลูกสาวนางแล้ว
‘ต้องพยายามให้มากๆ นะเฉินหลง เพราะตอนนี้อ้ายเหรินได้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว’ แม่หลิวพูดคนเดียวในใจ
“ปะ เปล่าครับ” เฉินหลงหันไปยิ้มให้แม่หลิว
“งั้นลองกินเป็ดตุ๋นสิ กินน้ำซุปจะได้ชุ่มคอ จี้หยวนตักให้เฉินหลงสิ” แม่หลิวจึงบอกลูกชาย
“เอาไหม” จี้หยวนก็ถามเฉินหลง
“เอา” เฉินหลงพยักหน้า ทั้งที่สายตาสีเข้มยังจับจ้องคนตรงหน้า ที่ดูเธอไม่ได้สนใจเขา และไม่คุยกับเขาสักครั้งตั้งแต่เจอหน้ากัน..
ซึ่งอ้ายเหรินก็รู้สึกถึงสายตาของเฉินหลงที่ตั้งใจมองเธอ แต่เธอไม่คิดสนใจ จึงหันไปคุยกับห่าวกั๋ว
“อ้ายเหริน” คุณนายฉางเห็นท่าทางอึดอัดของอ้ายเหริน นางจึงวางตะเกียบหยุดกินอาหาร แล้วเรียกอ้ายเหริน ซึ่งคุณนายฉางพอจะเข้าใจความรู้สึกของอ้ายเหรินดี ที่ถูกเฉินหลงเอาแต่นั่งจ้องหน้า
‘สมน้ำหน้า ทีน้องตามตื๊อกลับทำเมิน ทำเป็นรังเกียจน้อง’ คุณนายฉางมองลูกชายแล้วพูดในใจคนเดียว
“ค่ะ คุณป้าฉาง” ด้านอ้ายเหรินก็เงยหน้าขึ้นมองคุณนายฉาง
“อีกสองเดือนจะมีงานเลี้ยงที่ค่ายทหาร อ้ายเหรินจะไปไหม” คุณนายฉางถาม แต่ก็หันมองหน้าทุกคนบนโต๊ะอาหาร
“พี่ใหญ่ให้ฉันไปไหมคะ” อ้ายเหรินไม่ตอบคำถามคุณนายฉาง แต่กลับถามพี่ชายแทน
“ทำไมถามอย่างนั้นละ ถ้าพี่ไม่ให้น้องรองไป แล้วพี่จะควงสาวที่ไหนออกงานล่ะ” จี้หยวนรีบบอกน้องสาว
“งั้นฉันไปนะคะ” อ้ายเหรินไม่ปฏิเสธ
“อื้อ แต่พี่คงไปรอน้องรองที่ค่ายนะ เพราะพี่ต้องช่วยเพื่อนๆ เตรียมงานน่ะ จริงไหมเฉินหลง” จี้หยวนบอกน้องสาว แล้วหันไปถามเพื่อนรัก
“ถ้าจี้หยวนมารับเธอไม่ได้ เดี๋ยวพี่มารับเธอแทน จี้หยวนก็ได้นะ”
เฉินหลงไม่ตอบคำถามของจี้หยวน แต่เขารีบขันอาสาจะมารับ อ้ายเหรินเอง
“ฉันว่าอย่าลำบากเลย เดี๋ยวฉันให้ลุงจือไปส่งก็ได้ค่ะ” อ้ายเหริน ไม่ต้องคิดนาน เวลาปฏิเสธเฉินหลง
“ไม่ได้…” เฉินหลงไม่ทันได้บอกว่า ‘ไม่ได้ลำบากอะไรเลย’ เขาก็ต้องหยุดพูด
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมมารับก็ได้นะคุณอ้ายเหริน” ห่าวกั๋วถาม
อ้ายเหรินไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเฉินหลง เธอหันไปคุยกับห่าวกั๋วว่า “ขอบคุณ คุณกั๋วค่ะ แต่ฉันไปเองได้”
“คุณป้าหลิวอนุญาตให้ผมมารับคุณอ้ายเหรินนะครับ” ห่าวกั๋วจึงหันไปถามแม่หลิว เมื่อถูกอ้ายเหรินปฏิเสธ
“จะลำบากคุณห่าวกั๋วหรือเปล่า” แม่หลิวบอกอย่างเกรงใจ แต่ก็แอบชำเลืองตามองเฉินหลง
“ไม่ลำบากหรอกครับ” ห่าวกั๋วรีบตอบ
“งั้นก็แล้วแต่อ้ายเหรินก็แล้วกัน” แม่หลิวตอบแทนลูกสาวคนรองไม่ได้จึงเอ่ยแบบนั้น
“ว่าไงครับคุณอ้ายเหริน ผมมารับนะ” ห่าวกั๋วถาม
“ค่ะ” อ้ายเหรินก็พยักหน้าเป็นการตกลง ซึ่งเธอไม่ได้ทำเพื่อประชดเฉินหลงที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งมองเธอไม่กะพริบตา..
และความเงียบก็เข้ามาปกคลุม จนได้ยินเสียงตะเกียบกระทบ จานชาม ซึ่งเป็นแม่หลิวเองนั้นแหละที่ทำลายความเงียบ
“คุณนายฉางกินนี่สิ” แม่หลิวบอกพร้อมคีบอาหารใส่ถ้วยของคุณนายฉาง
“ขอบคุณคุณนายหลิวค่ะ” คุณนายฉางยิ้มแห้งๆ
นางรู้สึกสงสารลูกชายขึ้นมาทันทีที่ถูกหักหน้า แต่จะให้ทำไงได้ละ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา เฉินหลงเคยแคร์และเคยไว้หน้าอ้ายเหรินไหม
“อร่อยไหมคะ” แม่หลิวถาม
“อร่อยมากเลยค่ะ” คุณนายฉางพยักหน้าเป็นคำตอบ…
หลังจากกินข้าวเที่ยงอิ่มกันแล้ว ทุกคนก็ย้ายมานั่งดื่มน้ำชาและขนมฝีมืออ้ายเหรินที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อกินขนมจิบน้ำชากันเรียบร้อยแล้ว..
ห่าวกั๋วก็มองเวลาที่นาฬิกาบนข้อแขน ซึ่งเป็นเวลาบ่ายสองครึ่ง
“ผมคงต้องกลับสักทีละ ป่านนี้คุณพ่อคุณแม่คงรอผมแล้ว และ อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้บอกท่านทั้งสองด้วยว่าจะกินมื้อเที่ยงที่นี่”
“จะกลับแล้วหรือคุณห่าวกั๋ว” แม่หลิวถาม
“ครับ” ห่าวกั๋วบอกพร้อมลุกขึ้น
“อ้ายเหรินเดินไปส่งคุณห่าวกั๋วสิลูก” แม่หลิวบอกอ้ายเหริน
“ค่ะ” อ้ายเหรินขานรับแล้วลุกขึ้น และนั่นทำให้ทุกคนลุกตาม
ซึ่งห่าวกั๋วได้หันไปเอ่ยลาคุณนายฉางและเฉินหลง
“ผมลานะครับคุณนายฉาง คุณเฉินหลง คุณจี้หยวน”
“เดินทางขับรถดีๆ นะคุณห่าวกั๋ว / ครับ” คุณนายฉาง เฉินหลงและจี้หยวนก็ก้มหัวเวลาเอ่ยคำลาเช่นกัน…
ที่ลานจอดรถ..
“ผมไปนะครับ” ห่าวกั๋วบอกแล้วก้มหัวให้อ้ายเหริน ก่อนเดินไปขึ้นรถ
“ขับรถดีๆ นะคะ” อ้ายเหรินก็ก้มหัวให้เวลาบอกชายหนุ่ม
“ครับ” ห่าวกั๋วพยักหน้าแล้วขับรถออกไป
“…” ส่วนอ้ายเหรินไม่พูดเธอยืนยิ้มและโบกมือให้ห่าวกั๋ว และเมื่อรถของห่าวกั๋วขับไปไกลแล้ว เธอก็หันกลับจะเดินเข้าบ้าน
“ขอโทษนะคะ หลีกทางให้ฉันด้วย” อ้ายเหรินเชิดหน้าคอตั้ง พูดไม่มีหางเสียงให้ชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าหลีกทางให้
ด้านเฉินหลงขยับหลีกทาง และเมื่อเธอเดินผ่าน เขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุยกันหน่อยสิ”
“พี่เฉินหลงมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ” อ้ายเหรินหยุด แล้วหมุนตัวมาเผชิญมองหน้าชายหนุ่ม
“พี่อยาก…” เฉินหลงจะพูดว่า ‘พี่อยากให้เธอทำตัวเหมือนครั้งก่อนๆ อยากให้เธอตามตื๊อพี่และคอยจุ้นจ้านวุ่นวายกับพี่’ แต่เขาพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นแววตาเย็นชาหมางเมินของเธอ
ท่าทีอ้ำอึ้งสีหน้าตึงๆ ของเฉินหลง ทำให้อ้ายเหรินพูดแทรกขึ้นว่า
“ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวนะ”
“เดี๋ยวสิ!” เฉินหลงรีบคว้าข้อมือของอ้ายเหรินไว้ ดึงเบาๆ ให้เธอหยุดเดิน
“…” ด้านอ้ายเหรินไม่พูด แต่เธอใช้สายตาแดงก่ำไม่พอใจเป็นอย่างมาก มองตำหนิเขาที่บังอาจมาจับมือของเธอ
“เอ่อ พี่ขอโทษนะ” สายตาเย็นชาเหมือนไม่มีเขาในใจเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เฉินหลงปล่อยมือจากมือเล็กอย่างเสียดาย
“มีอะไรก็ว่ามา” เมื่อเป็นอิสระแล้วอ้ายเหรินก็ถามด้วยเสียงตึงๆ
“พี่ได้ข่าวว่าเธอจะเปิดร้านเย็บผ้ากับร้านอาหารหรือ” เฉินหลงถามเสียงเรียบ ในความรู้สึกตอนนี้ เขาเหมือนผู้ชายขี้ขลาดมาก ก็แค่คุยกับผู้หญิงทำไมต้องใจสั่นด้วย
“ค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกได้ว่าคงเป็นพี่ใหญ่เอาไปพูดให้เขาฟังแน่
“อยากให้พี่ช่วยหาทำเลดีๆ ให้ไหม พี่รู้จักคนให้เช่าตึกในเมืองนะ”
เฉินหลงยิ้มให้เธอ เมื่อได้สบตาคู่งามที่ครั้งหนึ่งเขามองข้ามและไม่คิดอยากมองด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้อง” อ้ายเหรินปฏิเสธไป
คำปฏิเสธของอ้ายเหริน ทำให้เฉินหลงหน้าชา เขาจะไม่ยอมแพ้และคงต้องบอกความในใจให้เธอรู้
เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่รู้ว่า พี่ทำนิ…”
แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดจบประโยคว่า ‘พี่รู้ว่า พี่ทำนิสัยแย่ๆ ใส่เธอและทำให้เธอเสียใจพี่ขอโทษที่มองเธอไม่ดี’ แต่เขาก็ไม่ได้พูด เมื่อเสียงของคนมาใหม่ดังอยู่ด้านหลัง
“เฉินหลง” คุณนายฉางเดินออกมาจากบ้านพร้อมแม่หลิว
“คุณแม่” เฉินหลงชะงักแล้วเรียกแม่ เวลาหันหลังไปมอง
“แม่นึกว่าเฉินหลงอยู่ข้างในบ้านกับจี้หยวนเสียอีก ที่แท้ก็มายืนคุยกับน้องนี่เอง แล้วคุยอะไรกันหรือ”
“คุยเรื่อง…” เฉินหลงตอนนี้กลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจตัวเอง เขาจะบอกแม่ว่า เขากำลังขอโทษอ้ายเหรินกับเรื่องที่ทำไม่ดีกับเธอ แต่เขาก็ไม่ทันได้พูด..
เมื่อเห็นอ้ายเหรินเดินผ่านหน้าเขาตรงไปหาแม่หลิว ซึ่งอ้ายเหรินได้เรียกแม่ “คุณแม่ค่ะ”
“คุยอะไรกันหรือลูก” แม่หลิวถาม เพราะรู้ว่าลูกสาวดูหน้าตาบึ้งตึงมากตอนนี้
“ไม่ได้คุยอะไรคะ” อ้ายเหรินตอบแม่ทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าเฉินหลง
“ไปเฉินหลง กลับบ้านกัน” คุณนายฉางหยิกแขนลูกชาย ไม่พอใจที่ลูกชายทำนิสัยแย่
“…” ด้านเฉินหลงไม่ตอบ แต่เขาสะดุ้งแล้วละสายตาจากอ้ายเหรินมองแม่
“อ้ายเหริน ป้ากลับก่อนนะ เดี๋ยวมะรืนป้าจะมาใหม่” คุณนายฉางทำตาเขียวใส่ลูกชาย แล้วหันไปพูดกับอ้ายเหริน
“ค่ะ” อ้ายเหรินพยักหน้า พร้อมก้มหัวให้คุณนายฉาง และก้มหัวให้เฉินหลงไปแบบนั้นเพื่อมารยาท
ด้านเฉินหลงก็พยักหน้าให้อ้ายเหริน แล้วก้มหัวให้แม่หลิวพร้อมเอ่ยคำลา “ผมกลับก่อนนะครับคุณป้าหลิว”
“อื้อ” แม่หลิวพยักหน้าให้เฉินหลง
ส่วนคุณนายฉางก็ยิ้มเมื่อเอ่ยคำลาแม่หลิวอีกครั้ง“ไปก่อนนะคุณนายหลิว”
“ค่ะ” แม่หลิวพยักหน้า แล้วเดินเกาะแขนลูกสาวคนรองไปส่งคุณนายฉางที่รถ
ซึ่งอ้ายเหรินและแม่หลิวก็ยืนมองเฉินหลงขับรถพาคุณนายฉางออกจากบ้านไปไกลจนลับสายตา…