บทที่ 20
ไม่ได้มาหา...แต่มาส่งแม่
เช้าวันใหม่เวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที..
เสียงรถวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้แม่หลิวที่เตรียมของอาหารมื้อเที่ยงอยู่ในห้องครัวชะเง้อคอมอง
“นั่นรถใครนะ” แม่หลิวพูดเมื่อวางมือจากมีดที่กำลังหั่นเนื้อหมู
“คุณอ้ายเหรินหรือเปล่าคะ ให้ฉันออกไปดูไหมคะ” ป้าเจียงที่เป็นลูกมือช่วยทำอาหารบอกแม่หลิว
เพราะวันนี้ตั้งแต่เช้า อ้ายเหรินออกจากบ้านไปพร้อมพ่อหลิว เพื่อไปบ้านของนายพลห่าวที่อยู่ในเมืองหลวง เพื่อจะตัดชุดให้คุณนายห่าว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันออกไปดูเอง เผื่อเป็นลูกค้าของอ้ายเหรินมาเอาเสื้อผ้าที่อ้ายเหรินทำเสร็จแล้ว” แม่หลิวบอกป้าเจียง พร้อมทั้งถอดเสื้อ กันเปื้อนออก
“ค่ะ” ป้าเจียงขานรับ
“ป้าเจียงช่วยทำหมูตุ๋น แล้วทำผัดผักใส่เต้าหู้แทนฉันด้วยนะ”
แม่หลิวบอกป้าเจียง เพราะอาหารมื้อนี้คืออาหารเที่ยง ที่ทำไว้ต้อนรับคุณนายฉาง
“ได้ค่ะคุณนาย” ป้าเจียงก้มหัวให้ เมื่อแม่หลิวเดินผ่านออกไป...
แม่หลิวเปิดประตูบ้านก็ต้องทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นคนที่ลงจากรถเป็นฉางเฉินหลง เพราะนานมากแล้วที่เฉินหลงไม่ได้มาที่บ้าน ถ้าไม่จำเป็น
‘หรือจะมาหาจี้หยวน’ แม่หลิวนึกในใจ..
ด้านเฉินหลงก้มหัวให้แม่หลิวเมื่อเห็น แล้วเขาก็เดินไปเปิดประตูรถ แล้วก็มีคุณนายฉางก้าวลงจากรถ
“อ้าวคุณนายฉาง ทะ…” แม่หลิวไม่ทันได้ถามว่า ‘ทำไมมาเร็วจัง นี่นัดไว้สิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรือ’ เมื่อ..
คุณนายฉางที่ลงจากรถ แล้วเดินเกาะแขนลูกชายเดินตรงมาหาแม่หลิว ก็เอ่ยตัดบทว่า
“คุณนายหลิวคงไม่ว่ากันนะที่ฉันมาก่อนเวลา นี่ว่าจะมาขอดื่มน้ำชาด้วยนะ”
“เอ่อ มะ ไม่ค่ะ ฉันยินดีมากที่คุณนายฉางมา” แม่หลิวรีบบอก พร้อมก้มหัวให้คุณนายฉาง เมื่อคุณนายฉางก้มหัวทักทาย
“นี่เป็นของฝากเล็กน้อยค่ะ” คุณนายฉางบอกแม่หลิว แต่สายตากับมองลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
“นี่ครับ” เฉินหลงชูตะกร้าผลไม้ให้แม่หลิวดู พร้อมทั้งโค้งตัวทักทายแม่หลิวอีกครั้ง
“จะต้องลำบากทำไมกัน มาเยี่ยมมาหาก็ดีใจแล้ว” แม่หลิวคุยกับคุณนายฉาง
“เดี๋ยวผมถือให้ครับ” เฉินหลงขันอาสาเมื่อแม่หลิวยื่นมือมารับของ
ซึ่งเขาก็แอบมองไปรอบบ้านเผื่อเจอเธอ คนที่เจอเมื่อวานนี้ อยากรู้จริงๆ ว่าอยู่ติดบ้านเป็น แม่ศรีเรือนอย่างที่เหม่ยเหมยพูดหรือเปล่า
“อื้อ ” แม่หลิวพยักหน้า แล้วหันมาพูดกับคุณนายฉางว่า
“เชิญคุณนายฉางกับเฉินหลงเข้าบ้านก่อน”
“ค่ะ / ครับ” คุณนายฉางขานรับ พร้อมเกาะแขนลูกชายเดินตามแม่หลิวเข้าไปในบ้าน…
ในห้องรับแขก..
“เชิญนั่งค่ะคุณนายฉาง เหลียนมานี่สิ” แม่หลิวเชิญแขกให้นั่ง แล้วเรียกหาสาวใช้
“คุณนายมีอะไรคะ” เหลียนเดินเข้ามาแล้วถาม
“ไปเอาน้ำชาและขนมมาเสิร์ฟแขกสิ” แม่หลิวบอกสาวใช้
“ค่ะ” เหลียนขานรับแล้วรีบเดินออกไป
“นี่…” คุณนายฉางมองไปรอบห้องรับแขก หวังจะเจออ้ายเหริน แต่ไม่เจอ นางจึงถามหา
ด้านแม่หลิวรู้ทันว่าคุณนายฉางมองหาอ้ายเหริน นางจึงรีบบอกไปว่า “พอดีอ้ายเหรินไปในเมืองน่ะ”
“อ้อ มิน่า ถึงไม่เห็น” คุณนายฉางพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังมีความสงสัย
“ไปบ้านท่านนายพลห่าวนะ คุณนายห่าวอยากตัดชุดไว้ไปงานเลี้ยงที่จะมีอีกสองอาทิตย์นี้” แม่หลิวยิ้มเมื่อเอ่ยถึงลูกสาวคนรอง
“คุณนายห่าวก็ตัดเสื้อผ้ากับอ้ายเหรินหรือ” คุณนายฉางถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ตัดหลายชุดแล้วนะ ท่านนายพลก็ตัดด้วยนะ และนี่ยังบอกว่าไปบ้านนายพลครั้งนี้ คงจะเจอลูกชายของท่านนายพลด้วย นี่คงตัดชุดด้วยมั้งยังไงคุณนายฉางรอหน่อยนะ ฉันคิดว่าอีกไม่นานอ้ายเหรินก็คงกลับ”
แม่หลิวยิ้มจนแก้มแทบแตก ภูมิใจมากที่มีลูกสาวที่เก่งและฉลาด
“ลูกชายท่านนายพลกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วหรือ”
คุณนายฉางถาม พร้อมนึกถึงใบหน้าหล่อเหล่าและอายุเฉินหลง ซึ่งลูกชายของนายพลห่าว ได้ย้ายจากประเทศจีนไปทำหน้าที่เป็นอัครราชทูตที่ประเทศญี่ปุ่น
“คุณนายห่าวบอกฉันว่ากลับมาเยี่ยมบ้านนะ เดี๋ยวก็กลับไปทำหน้าที่ทูตที่ญี่ปุ่นแล้ว” แม่หลิวบอกพร้อมชายตามองเฉินหลง เมื่อชายหนุ่มทำท่าแปลกๆ
“แล้วจี้หยวนไม่อยู่หรือครับ”
เฉินหลงนั่งหน้าขรึมถามแม่หลิว เพราะไม่ค่อยชอบใจเท่าไร ที่ แม่หลิวเอ่ยถึงอ้ายเหรินไปที่นั่นที่นี่ แล้วยังจะต้องเจอผู้ชายด้วย
‘ไม่เข้าใจทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย เวลาได้ยินชื่อเธอ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้’ เฉินหลงว่าตัวเองในใจ
“จี้หยวนวันนี้หยุดทำงาน เลยไปส่งเหม่ยเหมยที่มหาวิทยาลัย แล้วเลยไปหาโฉโจน่ะ”
กวงโฉโจที่แม่หลิวบอกเป็นลูกชายเถ้าแก่ เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่รวยและใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง และเฉินหลงก็รู้จัก เพราะเขาทั้งสามเป็นเพื่อนสมัยเรียนหนังสือด้วยกัน
“ครับ ผมนึกว่าจี้หยวนจะอยู่บ้านเสียอีก” เฉินหลงพูดไปแบบนั้น เพื่อกลบเกลื่อนสายตาของแม่หลิว ที่มองเขาอย่างสงสัย
“แล้วนี่เฉินหลงไม่ได้ทำงานหรือวันนี้” แม่หลิวถาม
“ผมลาหยุดหนึ่งวันครับ” เฉินหลงบอกแม่หลิว
ซึ่งความจริงแล้วไม่จริงเลย วันนี้เขาขาดงาน เพื่อที่จะมาบ้านหลิวโดยตั้งใจมาต่างหาก..
“คุณนายหลิวค่ะ น้ำชากับของว่างมาแล้วค่ะ” เหลียนเด็กรับใช้ เข้ามา จึงทำให้ทุกคนเงียบ
“ขอบใจนะ แล้วออกไปช่วยป้าเจียงทำอาหารด้วยนะ บอกป้าเจียงให้ทำอาหารเพิ่มสักสองสามอย่างนะ” แม่หลิวบอกสาวใช้ พร้อมเป็นคนเทน้ำชาให้คุณนายฉางและเฉินหลง
“ค่ะ” เหลียนรับคำแล้วรีบไปหาป้าเจียงที่อยู่ในห้องครัว..
“ขนมรูปทรงสวยจนฉันไม่กล้ากินเลย”
คุณนายฉางมองขนมแต้เหลี้ยว ที่มีหลายชิ้นหลายรูปแบบ แต่ละชิ้นออกแบบรูปทรงเล็กๆ พอดีคำ สวยงามน่ากินมาก
“ฝีมืออ้ายเหรินน่ะ คุณนายฉางชิมดูนะ” แม่หลิวเอาขนมโหงวจ๊งปังและขนมซกซาให้คุณนายฉาง
“นี่อ้ายเหรินทำหรือ” คุณนายฉางยิ่งทำหน้างง ไม่อยากเชื่อ จึง ชิมขนม และเมื่อได้ชิมขนมนิดเดียว ก็ทำตาโตรีบบอกลูกชายว่า
“อื้อ อร่อยมาก เฉินหลงชิมดูสิลูก”
“ครับ” ด้านเฉินหลงที่มองขนมชิ้นเล็กๆ อย่างชื่นชมก็พยักหน้า ก้มหัวให้แม่หลิวเป็นการขอบคุณ
“ชิมขนมเต้าปังกับขนมมั่วปังดูนะเฉินหลง” แม่หลิวชี้นำสองแม่ลูก
“อร่อยไหมเฉินหลง” คุณนายฉางถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นลูกชายที่ไม่ชอบกินถั่วและงา แต่ครั้งนี้กลับกินจนหมดตั้งสามชิ้น (ขนมเต้าปังหรือขนมถั่วตัด และขนมมั่วปังหรือขนมงาตัด)
“อร่อยดีครับ” เฉินหลงอึ้งไปเลย เมื่อได้กินขนมที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่ขนมที่ทำจากถั่วและงา เขาไม่ชอบกินนั่นเอง
ซึ่งเขายอมรับว่าขนมอร่อยมาก ยิ่งกินกับน้ำชาแล้วยิ่งเข้ากันมาก
“ถ้าอร่อยก็กินอีกนะ” แม่หลิวเลื่อนจานขนมให้เฉินหลง
“ครับ” ด้านเฉินหลงก็พยักหน้า แล้วเอาขนมเต้าปังมากิน
“ขนมของอ้ายเหรินนี้อร่อยระดับภัตตาคารเลยนะ” คุณนายฉาง ชื่นชมอ้ายเหริน
“เดี๋ยวฉันจะให้เด็กแบ่งใส่กล่องเอาไปกินที่บ้านนะคะ” แม่หลิวบอก
“ขอบคุณคุณนายหลิวมากค่ะ” คุณนายฉางก็พยักหน้ารับ ไม่ปฏิเสธ
และช่วงเวลาที่แม่หลิวชื่นชมลูกสาวคนรองให้คุณนายฉางฟังนั้นก็ต้องหยุด เมื่อ..
“ผมกลับมาแล้วครับ” เสียงของจี้หยวนดังอยู่ที่โถงทางเข้าบ้านตรงที่เปลี่ยนรองเท้า
“จี้หยวนทางนี้ลูก” แม่หลิวเรียกลูกชาย ทั้งที่ยังนั่งอยู่ในห้องรับแขก
เสียงแม่ทำให้จี้หยวนรีบใส่รองเท้าอยู่บ้าน แล้วเดินไปที่ห้องรับแขก เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นเฉินหลงเพื่อนรักมาที่บ้าน เขาจึงเอ่ยทัก
“เฮ้ย นี่นายมาหาฉันหรือ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่พาคุณแม่มา ไม่ได้ตั้งใจมาหาใคร”
เฉินหลงรีบโบกมือปฏิเสธ ไม่อยากให้เพื่อนรักจับผิดว่าเขามาบ้านหลิวเพราะอะไร
จี้หยวนกระตุกยิ้ม เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนที่เอ่ยคำว่า ‘ใคร’ แต่จี้หยวนก็ไม่อยากทำเสียเรื่อง
‘ให้การเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า แต่ดูแล้วนายต้องใช้เวลาและใช้ใจกับอ้ายเหรินให้มากๆ ก็แล้วกัน’ จี้หยวนนึกในใจ แล้วเขาก็หันไปก้มหัวทักทายคุณนายฉาง “คุณป้าฉาง สวัสดีครับ”
“เป็นไงจี้หยวน สบายดีนะ ป้าไม่เห็นจี้หยวนไปที่บ้านบ้างเลย”
คุณนายฉางถาม เมื่อก้มหัวทักทายตอบ
“สบายดีครับ นี่คุณป้าฉางมานานหรือยังครับ” จี้หยวนไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขาถามกลับ
“สักพักแล้ว” คุณนายฉางตอบ
จี้หยวนพยักหน้ารับรู้เมื่อคุณฉางบอก แล้วเขาก็หันไปถามเพื่อน เพราะสงสัยว่าเพื่อนมาทำไมที่นี่ ปรกติวันนี้เฉินหลงต้องทำงาน
“นี่นายไม่เข้าค่ายหรือวะ”
และช่วงเวลาที่เฉินหลงหาคำตอบจะบอกเพื่อนนั้น ก็ต้องเงียบเมื่อได้ยินเสียงของเธอ ที่เขาอยากเจอดังขึ้น
“หนูกลับมาแล้วค่ะ”
เป็นแม่หลิวเองที่ครั้งนี้ดูตื่นเต้นดีใจ รีบลุกขึ้นเดินไปหา เมื่อได้ยินเสียงของลูกสาวคนรอง “อ้ายเหรินกลับมาแล้วหรือ”
“ค่ะคุณแม่” อ้ายเหรินยิ้มหวาน และก้มหัวเคารพเมื่อเห็นแม่หลิว
“อ้าวคุณห่าวกั๋วมาด้วยหรือ” แม่หลิวยิ้มจนแก้มแตก เมื่อเห็นลูกชายของท่านนายพลที่ยืนถอดรองเท้า และกำลังใส่รองเท้าเข้าบ้าน มือก็ถือกระเป๋าอุปกรณ์ทำงานของอ้ายเหริน
“ครับ ผมมาส่งคุณอ้ายเหรินครับ” ห่าวกั๋วบอกพร้อมก้มหัวทักทาย
“ขอบคุณใจนะที่มาส่งอ้ายเหริน” แม่หลิวพยักหน้ารับแล้วก้มหัวทักทายตอบเช่นกัน
“ผมยินดีครับ” ห่าวกั๋วก้มหัวให้แม่หลิวอีกครั้ง เพื่อเป็นการยอมรับ
“ทีแรกหนูจะนั่งรถรับจ้างกลับแล้วค่ะ แต่คุณกั๋วใจดี เลยขันอาสามาส่งค่ะ” อ้ายเหรินบอกแม่หลิว เมื่อแม่มีทีท่าแปลกๆ ตอนมองเธอ
“งั้นเชิญคุณห่าวกั๋วเข้าไปข้างในบ้านก่อน นี่จี้หยวนก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน” แม่หลิวยิ้มแล้วเอ่ยชวนแขกของลูกสาวคนรอง
ซึ่งอ้ายเหรินก็ยิ้ม แล้วเอ่ยชวนห่าวกั๋ว “เชิญค่ะคุณกั๋ว”
“ครับ” ด้านห่าวกั๋วก็รับคำเชิญ แล้วเดินถือกระเป๋าอุปกรณ์ทำงาน