ตอนที่ 8 ช่วงเวลา

839 คำ
รุ่งเช้า ร่างในชุดนักศึกษาก้าวลงบันได จังหวะเดียวกับอีกห้องที่เปิดออก นาฎสุรีย์ตัดสินใจลงมาก่อน เห็นผู้ใหญ่กำลังนั่งอยู่บ้าน กันอย่างพร้อมหน้า เมื่อเห็นสองคนเลยกวักมือเรียก “พีกับนามานี่ก่อนสิลูก” ธนากรบอก สองคนชะงักแล้วเดินไปหาผู้ใหญ่ ก่อนหย่อนกายลงบนโซฟา “พ่อกับแม่แล้วก็อาธนา จะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกัน” นาฎสุรีย์ชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง “จะไปก่อนตอนไหนคะ!” “เครื่องออกเย็นนี้จ้ะลูก” นิรนาตอบบุตรสาว แววตาแช่มชื่น หญิงสาวครุ่นคิดหนัก ถ้าเช่นนั้น เธอควรกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง ไม่อยากอยู่บ้านอาธนาแบบนี้ มันเสี่ยงเกินไป “ถ้าอย่างนั้นนาจะไปอยู่ที่บ้านนะคะ” ธนากรขมวดคิ้ว สีหน้าเครียดขึ้น “อาว่าหนูนาอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ห้องเยอะแยะไป กลับไปที่บ้านเดินทางคงไม่สะดวก มันไกลมหาวิทยาลัยมากนะ” “นาอยู่หอใกล้มหาวิทยาลัยก็ได้ค่ะ นาเคยอยู่มาก่อน” “ทำไมนาต้องไปอยู่หอด้วยล่ะลูก ในเมื่อบ้านอาธนาใกล้มหาวิทยาลัย” สุพจน์ย้อนถามบุตรสาว สีหน้ามึนงง เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ โดยไม่มีพ่อแม่หรืออาธนาอยู่ด้วย เพราะงานหมั้นพ่อกับแม่เลยมาพักอยู่ที่นี่หลายอาทิตย์ ถ้าไม่มีท่านสองคน ก็ไม่อยากอยู่เพื่อให้เกิดปัญหา “อีกอย่าง อาให้วินัยคอยดูแลลูกทั้งสองคน จะได้ไม่มีปัญหา ถ้าหนูนาไปอยู่หอตอนนี้ พ่อกับแม่คงเป็นห่วง ไปเที่ยวญี่ปุ่นคงไม่มีความสุข” ธนากรอธิบายเสียงเย็น นาฎสุรีย์นิ่ง ตอนนี้น้ำท่วมปาก หากเธอขัดคอพ่อกับแม่มากกว่านี้ รังแต่จะเกิดปัญหา เห็นสายตาแม่แล้วอดหวั่นใจไม่ได้ กลัวแม่เป็นลมจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีก “ก็ได้ค่ะ” เธอยอมรับปากเสียงเบา พีรดลไม่พูดอะไร คอยฟังอย่างเดียว เพราะไม่อยากถูกพ่อตัดเงิน นาฎสุรีย์มีสิทธิ์เต็มที่ในการอยู่ที่นี่ ส่วนเขาเอง คงได้เวลาท่องราตรีให้สนุกแล้ว “ลูกสองคนไปเรียนเถอะจ้ะ” นิรนาบอก แล้วยิ้มอ่อนโยนให้ “ค่ะแม่” สองคนลุกยืน แล้วยกมือไหว้ เดินออกจากห้องนั่งเล่น ก่อนที่วินัยจะก้าวตามมา “คุณพีครับ คุณนาครับ คุณท่านสั่งให้พวกคุณไปมหาวิทยาลัยด้วยกันครับ คุณนาจะได้ไม่ต้องลำบากนั่งรถเมล์ไป” พีรดลชะงัก สีหน้าเครียดขึ้น ทว่าไม่ทันได้คิด เมื่อบิดาเดินมาหาเขา “พีพาหนูนาติดรถไปด้วย” เขาขบกรามจ้องมองคู่หมั้น สีหน้าไม่พอใจ “นาไปเองดีกว่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้เพื่อนร่วมคุณรู้ “ไปด้วยกันดีกว่าหนูนา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง ยังไงก็ไปที่เดียวกันอยู่แล้ว” นาฎสุรีย์เหลือบมองเขา ไม่เห็นเจ้าของรถจะทักทวง เธอเองก็เกรงใจ ต่อให้อยากไปเองก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ผู้ใหญ่ต้องไม่สบายใจอีก “ค่ะคุณอา” สองร่างเดินมายังรถ นาฎสุรีย์เปิดประตูนั่งเบาะหน้า คู่คนขับ รถเคลื่อนออกจากตัวบ้าน ระหว่างทางเห็นเขาไม่พูดอะไร ทว่าเธอกลับไม่สบายใจ ถ้าถึงมหาวิทยาลัย อาจกลายเป็นขี้ปากคนอื่น “จอดให้ฉันลงตรงป้ายรถเมล์ก็ได้” เธอบอก “ทำไมล่ะ” “ถ้าฉันลงจากรถนาย คนอื่นคงนินทากัน” “แต่ฉันไม่อยากโดนหักเงินค่าขนม” ชายหนุ่มย้อน “ถ้านายไม่อยากให้ความลับเรื่องเราหมั้นกันแตก ก็ให้ฉันลงตรงป้ายรถเมล์” นาฎสุรีย์ยืนยันหนักแน่น แววตาจริงจัง คิ้วเข้มขมวด แล้วจอดเทียบบาทวิถี โน้มกายเข้าหาอย่างรวดเร็ว จนคนตัวเล็กผงะหลังพิงประตู สีหน้าตระหนก ที่ถูกอีกฝ่ายเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว “เกลียดฉันมากหรือไง?” คนถูกถามนิ่งไป “อะไรของนาย” “เตือนแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าทำเหมือนฉันเป็นตัวเชื้อโรค เธอไม่จำเป็นต้องลงป้ายรถเมล์ที่นี่เลย เลือกลงตรงหน้ามหาวิทยาลัยก็ได้ หรือเธอคิดว่าการนั่งรถกับฉัน มันทรมานมาก” ริมฝีปากบางเม้มสนิท ดวงตาคมกริบมองมัน พยายามข่มความรู้สึกภายในเอาไว้ นาฎสุรีย์ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน ทำไมหัวใจเขาถึงเต้นโครมครามขนาดนี้ หญิงสาวพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใน ต่อปากต่อคำไปรังแต่จะเสียเปรียบ เพราะคนอย่างพีรดล ถ้าไม่ยอมคงบังคับไม่ได้ เธอรู้นิสัยหมอนี่ดี “ฉันเข้าใจแล้ว นายอยากให้ฉันลงตรงไหนก็บอกแล้วกัน” เธอจำต้องยอม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ให้ตนเองต้องตกอยู่สภาวะกดดันเหมือนทุกครั้ง “ก็แค่เนี่ย!” คนตัวใหญ่บอก แล้วเคลื่อนรถออก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม