พีรดลกัดฟันกรอด เมื่อเห็นอีกคนกรีดร้องโวยวาย ราวกับต้องการหักหน้ากัน รู้จักคนอย่างเขาน้อยไปแล้ว ที่ผ่านมายังแค่น้ำจิ้ม ถ้ายังแหกปากไม่เลิก จะให้เจอของจริงเสียตอนนี้เลย ร่างบางผลักดันจนล้มลงบนเตียง นาฎสุรีย์หน้าตาตื่นเมื่อร่างกายถูกคร่อมทับด้วยอีกคน
“กรี๊ด!” หญิงสาวร้องออกมาในทันที
จังหวะเดียวกับที่เขาโน้มใบหน้าลงมา แนบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว จนอีกคนไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ!” คนถูกจูบทำเสียงในลำคอ
หญิงสาวใช้มือผลักดัน พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกาย ทว่าข้อมือสองข้างกลับถูกรวบไว้ แล้วกดลงบนฟูกหนาเหนือศีรษะ รสจุมพิตทำเอาร่างกายชาทั่วร่าง แม้อยากหลุดพ้นจากห้วงอารมณ์ แต่กลับทำไม่ได้อย่างใจ ลิ้นร้อนตวัดควานหาความหวาน ทำเอาคนถูกจูบหายใจไม่ทั่วท้อง
มือหนาเริ่มเลื่อนไล้ไปตามร่างกาย ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง ดิ้นรนอีกครั้ง น้ำตาเอ่อคลอด้วยความหวาดกลัว ในเมื่อเกลียดกัน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจเลย
“ถ้านายทำอะไรฉัน มันคงไม่จบแค่งานหมั้น แต่นายอาจต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับฉัน!” คนเสียเปรียบข่มขู่ จ้องมองเขา แม้หวาดกลัวแต่จำต้องฝืนทน ต้องตั้งสติให้ดี
เขายิ้มเยาะ “งั้นเหรอ เธอคิดว่าฉันกลัวหรือไง มันไม่ทรมานแค่ฉันหรอกนะเรื่องแต่งงาน เธอเองก็ต้องทรมานเพราะทนอยู่กับฉันเหมือนกัน!”
“ตกลงที่นายเข้ามาในห้องฉัน เพราะต้องการแค่นี้น่ะเหรอ แค่ทำให้ฉันทรมาน แค่ทำให้ฉันเกลียดนายมากกว่าเดิม แค่นี้หรือไง!” เธอย้อนถาม ยิ่งหวาดกลัวผู้ชายพีรดลมากเท่าไหร่ยิ่งเสียเปรียบ ถ้าหากอ่อนลงแล้วหาทางเอาตัวรอด อาจเป็นหนทางที่ดีกว่า
“มันไม่ใช่แค่นี้” ไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าไม่เกิดเรื่องกับคุณนิรนา ทุกอย่างมันคงดีกว่านี้ เขาเองก็ไม่ต้องหมั้นหมายกับนาฎสุรีย์ แต่ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด เลยต้องยุ่งยากใจ
“แล้วนายต้องการอะไร ฉันคิดว่านายจะเข้าใจ ว่าฉันรู้สึกยังไง ต่อให้นายเกลียดฉันแค่ไหน ก็น่าจะมีจิตสำนึกเห็นใจกันบ้าง!” หญิงสาวกัดฟันแน่น “เพราะนายก็รู้ดี ว่าฉันยอมหมั้นทำไม!”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด “ถ้าอย่างนั้นก็ก้มหน้า ก้มตารับกรรมกันไปก็แล้วกัน แบบนี้ถึงพอใจใช่ไหม!”
“แล้วมันมีทางไหนบ้างล่ะ” น้ำเสียงคนพูดเริ่มสั่นเครือ ทำทุกอย่างแล้วจริง ๆ จนทะเลาะกับแม่ จนแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล หมอนี่ยังไม่พอใจอีก “ฉันรู้ว่านายรักแฟนนายมาก ฉันรับปากจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้แน่นอน มันจะเป็นความลับระหว่างเรา”
คิ้วเข้มขมวด “แน่ใจนะ” เขาย้อนถามเสียงเครียด
“แน่ใจ ไม่ใช่แค่นายที่อายหรอกนะ”
พีรดาชะงักจ้องมองใบหน้าคนใต้ร่าง แล้วหรี่ตามอง ความจริงนาฎสุรีย์ หน้าตาไม่ใช่ขี้เหร่เลย จำได้ว่าสมัยเด็ก เธอน่ารักมากเลย แต่พอโตมาไม่รู้ไปได้นิสัยไร้รสนิยมการแต่งตัวมาจากไหน ถึงไม่สนใจตัวเองบ้างเลย
“จะปล่อยฉันได้หรือยัง” หญิงสาวถามเสียงแผ่ว อึดอัดที่ร่างกายถูกบดเบียดอยู่แบบนี้
เขายอมผละห่าง ปล่อยอีกคนเป็นอิสระ ที่มันเกิดขึ้นเพราะต้องการแกล้งนาฎสุรีย์ ตั้งแต่รู้จักกันมา ยัยเด็กผมเปียที่เคยติดเขาหนึบตอนเด็ก กลับกลายเป็นรังเกียจกันหนักหนาแบบนี้ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แย่ลงระหว่างกัน มันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่
หรืออาจเป็นตอน ที่เขาเริ่มจีบเพื่อนของนาฎสุรีย์ แล้วหักอกทำให้เสียใจยกใหญ่ จนเธอมาต่อว่า เราสองคนทะเลาะกันหนักมาก หนักเสียจนเขา เผลอปล้ำจูบยัยนี่ไป จากนั้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบสิ้นลง กลายเป็นความแค้นเคืองต่อกันตลอด และตนนั้นก็กลั้นแกล้งนาฎสุรีย์ อย่างไม่เกรงกลัวใครเสียด้วย ยัยนี่ก็ปิดปากเงียบ ไม่กล้าบอก ทนจนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขายังคงหาเรื่องลูกสาวเพื่อนพ่อสม่ำเสมอ มันสะใจดี ยิ่งเห็นหน้าแบบนี้ซีดลงๆ ยิ่งนึกสนุก
“อย่าได้พูดเรื่องที่เราหมั้นกันให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ฉันจะเอาเรื่องเธอ เข้าใจไหม!” เขาทิ้งท้าย แล้วเดินออกจาห้องไป
คนตัวเล็กลุกนั่ง น้ำตาไหลอาบแก้ม ต้องทนหมอนี่ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ทำไมต้องเป็นเธอ ที่แบกรับความรู้สึกโกรธ เกลียดเขาไว้ในอกคนเดียวด้วย อยากเอาคืน แต่ไม่เคยทำได้เลย สักวันผู้ชายอย่างพีรดล ต้องได้รับรู้รสชาติถูกกระทำเช่นเดียวกันบ้าง