ตอนที่ 1
แม้มิมีหญิงใดทั่วทั้งยุทธภพเทียบความงาม หากฟางซินคือนางมารหมื่นบุปผาที่แม่ทัพเฉิงจิ้นเหอต้องลากตัวมาลงอาญาฐานที่นางฆ่าคู่หมายของเขาแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอหนึ่งในแม่ทัพผู้เยี่ยมยุทธถูกส่งตัวมายังดินแดนลับเร้นเพื่อกวาดล้างอำนาจของเหล่ามาร และหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องมาที่นี่ก็เพื่อตามล่า นางมารหมื่นบุปผา ผู้ซึ่งปลิดชีวิตคู่หมายของเขาโดยไร้ความปราณี หากแต่เมื่อเฉินจิ้นเหอได้พบนาง โลกอันเปล่าร้างนั้นเสมือนกลับมาเบ่งบานในหัวใจของจอมยุทธผู้ไร้รักฟางซินประมุขพรรคบุปผาสวรรค์ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือพอ ๆ กับความอำมหิตที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมายนับไม่ถ้วนนางกำลังจะบรรลุการฝึกวิทยายุทธขั้นสูงสุดหากไม่พบแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอเสียก่อนบุรุษผู้เย็นชาไร้หัวใจที่ทำให้โลกของนางแปรเปลี่ยนไปจนยอมละทิ้งทุกอย่างได้แม้กระทั่ง...ลมหายใจของตัวเอง
บทที่ 1 ผู้ซึ่งยุทธภพเกลียดชัง
รัชสมัยแห่งพระเจ้าซ่งไทจู่ ราชวงศ์ซ่งที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการรวบรวมอาณาจักรจากความแตกแยกและขัดแย้งให้เป็นปึกแผ่น ชีวิตของประชาชนอยู่ท่ามกลางการแปลงเปลี่ยน ในราชสำนักเต็มไปด้วยการแก่งแย่งเพื่อผลประโยชน์ของตน
ไม่ว่าโลกภายนอกจะวุ่นวายสักเพียงใดหากยังมีอีกโลกหนึ่งซึ่งไกลห่างจากความสับสนทั้งมวล นั่นคืออารามวัดโค้วอิงยี่ บนยอดเขางังฮ้วยฮง หนึ่งในยอดเขาสูงในม่านเมฆแห่งเขาเหลียงซาน หยางเซิงไต้ซือเฒ่านั่งสวดคำภีร์ต่อหน้าองค์พระภายในอารามเก่าแก่แม้เวลาล่วงเลยไปจนดึก แสงจันทร์สาดส่องลอดเข้ามาทางช่องลมบนผนังอาบควันธูปเทียนที่ลอยอวลภายในนั้น ทว่าทุกอย่างดูเหมือนเกิดความผิดปกติขึ้นในฉับพลันเมื่อเปลวเทียนสะบัดไหวราวถูกเป่าด้วยลมแรงหากไม่ยอมดับลง หยางเซิงไต้ซือลืมตาขึ้นพร้อมกันนั้นและวางลูกประคำในมือลงก่อนเอียงหน้าเล็กน้อยหากไม่ยอมเหลียวหลังกลับไปแม้รู้สึกถึงการมาของใครคนหนึ่งทั้งที่ไม่ได้ยินเสียงประตูอารามที่เปิดเข้ามาแม้แต่น้อย รอยปากหยักล้อมรอบด้วยหนวเครายาวขาวโพลนบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาหยัดขึ้น
“เจ้ามิได้เข้ามาในที่นี้นานแค่ไหนกันแล้วนะ...ฟางซิน”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้นกว้างกังวานแม้ไต้ซือเฒ่าชราภาพถึงเกือบร้อยปี เขารู้สึกได้ถึงอาการหยุดกึกของผู้ซึ่งยืนนิ่งเบื้องหลัง แม้มิได้เหลียวกลับไปมองหากหยางเซิงไต้ซือก็นึกภาพของนางผู้เป็นเจ้าของความงามที่ทั่งทั้งยุทธภพร่ำลือ เรือนร่างอรชรสูงระหงในชุดไหมแพรสีแดงก่ำกรุยกรายตัดกับผิวเงางามราวหยกล้ำค่า รูปหน้านั้นงดงามสวยซึ้งผ่องผาดใต้เครื่องประดับปิ่นปักผมและกลิ่นดอกไม้จากกายนางกลบกลิ่นธูปเทียนในอารามสิ้น ฟางซินแย้มยิ้มเรียวปากอิ่มสีแดงชาด
“นานมากแล้วกระมังท่านไต้ซือ”
“ใยเจ้าจึงเข้ามาในอารามอันเงียบสงบยามวิกาล ที่นี่หาได้มีผู้เยี่ยมยุทธเพื่อให้เจ้าได้ลิ้มลองการสับประยุทธ มีเพียงเสียงสวดและควันธูปเทียน พลอยจะทำให้กลิ่นหอมยวนใจของเจ้าต้องอับเฉาลงเสียเปล่าปลี้”
“ทั่วทั้งยุทธภพก็คิดเช่นท่าน...หยางเซิงไต้ซือ ทุกคนล้วนคิดว่าทุกลมหายใจของข้าคือความกระหายอยากได้อาบคราบโลหิต หากมิมีใครสักคนคิดว่าข้านี้ก็เฉกเดียวกับปุถุชนทั่วไป ปรารถนาได้อยู่อย่างสุขสงบเสียบ้าง”
“เจ้าไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป มิเช่นนั้นเวลาไปไหนมาไหนคงไม่มีใครตามติดเจ้าดังเช่นการมาที่อารามโค้วอิงยี่แห่งนี้”
แล้วไต้ซือเฒ่าก็ลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิ การสวดนั้นสิ้นสุดลงเพื่อที่จะหันกลับมายังเจ้าของเสียงกังวานใสหากแต่ใบหน้างามหมดจดกลับแต่งแต้มด้วยเครื่องขับผิวอันเข้มข้น เบื้องหน้าของหยางเซิงใต้ซือบัดนี้คือตัวตนของสตรีผู้ได้ชื่อว่าทั้งยุทธภพต้องการและเกลียดชังนางหนักหนา
ฟางซิน...ประมุขแห่งพรรคบุปผาสวรรค์ หนึ่งในพรรคมารอันน่ายำเกรงและแข็งแกร่ง เจ้าของสมญา นางมารหมื่นบุปผาแห่งวังบุปผาสวรรค์
จอมยุทธทั่วแผ่นดินต้องการตัวนางมิใช่ด้วยรูปโฉมสคราญหากแต่เป็นเพราะชื่อเสียงร่ำลือถึงความอำมหิตจากการเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์มากมาย นางคือผู้ชั่วช้าในสายตาของคนภายนอกหากสำหรับหยางเซิงไต้ซือแล้ว ฟางซินคือเด็กสาวไร้เดียงสาผู้ซึ่งถูกหล่อหลอมมาด้วยความโหดร้าย
ด้วยไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนว่านางคือผู้รอดชีวิตจากคมกระบี่ของ ไป๋เจี้ยน เทพยุทธกระบี่ขาวประมุขพรรคเฟิงอี้ ในสายตาของทุกคนเขาคือบุรุษฝ่ายธรรมะผู้เต็มไปด้วยคุณธรรม หากแท้แล้วไป๋เจี้ยนคือคนบาปในคราบนักบุญผู้ฆ่าสองสามีภรรยาผู้เยี่ยมยุทธซึ่งถูกปลิดชีพโทษฐานคิดการกบฏต่อราชสำนักทั้งที่จริงแล้วประมุขพรรคเฟิงอี้ต้องการคัมภีร์ที่สองสามีภรรยาคู่นั้นครอบครอง นั่นคือคัมภีร์เฟิงเหลย หรือคัมภีร์ฟ้าคำราม หากผู้ใดฝึกวิทยายุทธจากคัมภีร์เฟิงเหลยถึงขั้นสูงสุดจะมีอำนาจกล้าแกร่งถึงขั้นถล่มยอดเขาหวงซานทั้งหุบเขาได้เพียงชั่วลมปราณจากหนึ่งฝ่ามือ ไป๋เจี้ยนมิล่วงรู้ว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวของสองสามีภรรยาได้รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของหยางเซิงไต้ซือตั้งแต่นางอายุได้ห้าขวบ
ไต้ซือเฒ่าช่วยชีวิตเด็กหญิงไว้และนำไปฝากไว้กับ เพ่ยหลิน ประมุขพรรคบุปผาสวรรค์พรรคมาร สตรีที่ครั้งหนึ่งเคยผูกใจรักต่อเขาหากแต่หยางเซิงกลับเลือกที่จะตัดขาดตัวเองจากโลกียะเข้าสู่โลกแห่งธรรมตลอดชีวิต ต่อมาเมื่อฟางซินเติบโตขึ้นนางจึงเก็บเรื่องราวความแค้นไว้ในใจและฝึกวิทยายุทธอันเป็นความสามารถในสายเลือดก่อนขึ้นเป็นประมุขใหญ่แห่งพรรคมารในวัยเพียงสิบเจ็ดปีจากการแต่งตั้งของเพ่ยหลินเพราะนางไม่มีลูก เส้นทางชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เห็นพ่อแม่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตากลับกลายเป็นหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธและอันตรายที่สุดในยุทธจักร ใครต่างต้องการตัวนางด้วยเชื่อว่านางมารหมื่นบุปผาคือผู้ได้ครอบครองคัมภีร์สะท้านภิภพอย่างเฟิงเหลย