ตอนที่ 4 ศรรักปักใจ (1)
“พี่ชายปีนกำแพงทำไมเหรอคะ” เด็กหญิงตาหวานส่งเสียงเอ่ยถามอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ก็เห็นเด็กผู้ชายอายุเริ่มใกล้วัยหนุ่ม กำลังปีนกำแพงคฤหาสน์ แทนการเปิดประตูรั้วเดินเข้ามาในบ้านอย่างคนทั่วไป
‘ตุ๊บ!’ ร่างสูงของหนุ่มน้อยตกใจเสียงที่มองไม่เห็นจนพลาดหล่นลงมาที่พื้นก่อนเวลาอันควรที่บาทาน่าจะถึงพื้นอย่างปลอดภัย
“เฮ้ย! อะไรวะ….อูยยยย เจ็บ”
“พี่ชายเป็นอะไรมากไหมคะ เจ็บหรือเปล่า” ร่างเล็กถลาเข้ามาหาคนตัวโตกว่าอย่างรวดเร็ว เธอด้อมๆ มองๆ เขา อย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่าควรจะช่วยหรืออยู่เฉยๆ ดี
เด็กหนุ่มหันไปมองต้นเสียงที่ทำให้เขาตกใจจนตกลงมาจากกำแพงอย่างขุ่นเคือง เฮอะ ช่างกล้ามาถามคำถามบ้านนอกๆ อีก ตกลงมาสูงขนาดนั้น คนนะไม่ใช่ฟุตบอล ไม่เจ็บก็บ้าแล้ว
“เธอเป็นใครเข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง” หนุ่มน้อยหน้ามนอายุ 15 ปี เอ่ยถามเสียงห้วนอย่างไม่ไว้ใจ เด็กนี่เป็นใครทำไมถึงเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา
“หนูชื่อตาหวานค่ะ เป็นลูกของพ่ออิฐ หลานของอากล้วยค่ะ” เธอกล่าวจบพลางยิ้มให้เขาอย่างผูกมิตร
นพภิชัยขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆ พ่ออิฐ? อากล้วย? ใครกัน? แล้วเกี่ยวอะไรกับที่เข้ามาอยู่ในบ้านเขา แถมยังทำให้เขาเจ็บตัวอีก
“พี่ชายก็อยู่ที่นี่เหรอคะ แล้วทำไมไม่เดินเข้ามาในบ้านดีๆ ละคะ ปีนกำแพงสูงๆ ทำไม”
“เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ หลีกไปฉันจะเข้าบ้าน” พูดจบพลางหยัดกายลุกขึ้นพยายามทรงตัวไว้ ก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆ ด้วยรู้สึกตึงๆ ที่ข้อเท้าข้างขวา
“ตาหวานช่วยค่ะ” เด็กหญิงเห็นเขาเดินกระเผลกๆ เธอจึงรีบปรี่เข้าไปจับประคองแขนยาวไว้ เพื่อช่วยให้เขาเดินได้ถนัด
“นี่เธอ! อย่ามายุ่ง เด็กบ้านี่ ถอยไป ฉันเดินเองได้” เขาตะคอกอย่างอารมณ์เสีย ทั้งหงุดหงิดเรื่องที่ต้องมาเจ็บตัวฟรี และความสงสัยที่ยังไม่ได้คำตอบว่าเด็กนี่เป็นใครเข้ามาอยู่ในบ้านเขาได้อย่างไรกัน
“พี่ชายอย่าเสียงดังใส่ตาหวานสิคะ ตาหวานกลัว” ร่างเล็กรีบปล่อยแขนเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มหน้า ตัวเธอสั่นน้อยๆ อย่างคนที่กำลังจะร้องไห้ เวลาคุณพ่อกับอากล้วยดุก็ไม่เห็นจะเสียงดังลั่นใส่เธอขนาดนี้เลยนี่นา เธอทำอะไรผิด ทำไมพี่ชายคนนี้ถึงได้ตวาดแรงๆ นะ
“เอ่อ…” นพภิชัยยกมือเกาหัวอย่างงงๆ ก่อนจะเซ็งในวินาทีถัดมา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ตกลงวันนี้จะได้เข้าบ้านมั้ยเนี่ย เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างระงับอารมณ์ฉุนเฉียวที่ต้องเจอเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์ แถมยังต้องมาปลอบเด็กขี้แยที่ไม่รู้จักอีก นี่แหละเรื่องใหญ่ เขาเป็นลูกคนสุดท้องที่พ่อแม่ค่อนข้างตามใจ จึงค่อนข้างจะเอาแต่ใจ ถ้าไม่ติดว่ามีพี่ชายคอยดุ เขาคงนิสัยเสียมากไปกว่านี้แน่ๆ นพภิชัยค่อยๆ นั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กหญิงที่กำลังก้มหน้าสะอึกสะอื้น ความสูงของเขาเมื่อนั่งลงเท่ากับเธอที่กำลังยืนพอดี บ่งบอกได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ตัวเล็กมาก น่าจะอายุไม่เกิน 6 ขวบหรือเปล่านะ
“นี่เธอ เอ่อ ชื่อตาหวานเหรอเราน่ะ” หนุ่มน้อยเรียกเสียงอ่อนกว่าตอนแรกมาก
อักษิพรเงยหน้าขึ้นมองเขา หลังจากได้ยินถ้อยคำนี่ละมุนหูกว่าเมื่อครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าลงเหมือนเดิม
“เฮ้ย! อย่าร้องดิวะ ฉันขอโทษก็ได้ ที่พูดแรงใส่เธอ ไม่ร้องแล้วนะ โอเคเปล่า” ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเองที่สุดในชีวิตก็ครั้งนี้ เขาไม่เคยเลยจริงๆ ปลอบเด็ก ให้ตายสิ
เธอเงยหน้าขึ้นมามองและยิ้มให้เขา เมื่อเด็กหนุ่มเอื้อมมือมาขยี้กลุ่มผมนุ่มของเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน มือหนาปัดป่ายน้ำตาออกจากพวงแก้มแดงอย่างเงอะๆ งะๆ เด็กนี่หน้ารักดีวุ้ย แก้มแดงอย่างกะตูดลิง ยิ้มหวานอีกต่างหาก เด็กหนุ่มเผลอมองหน้าสาวน้อยอย่างพิจารณา โดยไม่รู้ตัวเขาฉีกยิ้มที่มุมปากส่งให้เธอ ก่อนที่จะสะดุ้งและหน้าแดงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อสาวน้อยบังอาจมาขโมยจูบแรกของเขาไปซึ่งๆ หน้า
“จุ๊บ! พี่ชายยิ้มแล้วหล่อจังค่ะ หล่อเหมือนคุณพ่อตาหวานเลย ตาหวานชอบพี่ชายค่ะ” เธอจุ๊บปากเขาอย่างที่เคยจุ๊บคุณพ่อ พลางส่งยิ้มหวานให้เขาอย่างเดียงสา
“นี่เธอ! ยัยเด็กบ้า แก่แดดชะมัด ฮึ่ม!” หนุ่มน้อยรีบลุกและกระเผลกกายหนีไปจากสาวน้อยหน้าหวานที่กล้ามาจุ๊บปากเขาทันที ให้ตายเหอะ เด็กบ้านี่ จะทำให้เขาใจแตกตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มหรือไงนะ
นพภิชัยค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าในบ้าน เดินด้อมๆ มองๆ เข้ามาที่ห้องรับแขก เมื่อสายตาไม่เจอใครนั่งอยู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มองหาอะไรเหรอ”
“มองหาพี่พงศ์สิ ถ้าพี่พงศ์อยู่ ซวยแน่ๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ พลางสะดุ้งและหันขวับไปมองอย่างตกใจ
“เย้ย! พี่มาเมื่อไหร่อะครับ”
“ฉันก็มารอตั้งแต่ตอนแกแอบๆ ซ่อนๆ ย่องๆ เข้ามาแล้วนะสิ” พงศกรตอบเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พลางจ้องหน้าน้องชายเขม็ง มันหายหัวไปไหนมา เมื่อคืนก็ไม่กลับมานอนบ้าน เป็นเด็กเป็นเล็กทำตัวเหลวไหล ไม่รู้หรือไงว่าแม่จะหัวใจวายอยู่แล้ว เพราะความเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ไปไหนมานายนพ ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้าน”
“ผมไปค้างบ้านไอ้เอกมาครับพี่ เมื่อวานไปเตะบอลที่สนามแถวบ้านมัน เล่นเพลินจนมืด แม่ไอ้เอกเลยชวนให้ค้างที่นั่น กลัวว่ากลับกันเองจะอันตรายครับ พอดีเป็นวันเกิดของไอ้ตั้มด้วย ก็เลยเลี้ยงกันที่นั่นซะเลย”