CHANCE

2465 คำ
เวลาผ่านพ้นไปจนกระทั่งถึงวันที่เบรินนั้นหวาดกลัวที่สุด รูปภาพของเธอที่ถูกตัดต่ออย่างแนบเนียนโดยชอลล์ถูกส่งมาหาเธอไม่เว้นแต่ละวัน และเธอก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าถ้าหากมันถูกเผยแพร่ออกไปคงจะมีคนไม่น้อยที่จะต้องเข้าใจผิด และคนที่จะต้องเสียใจที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่คงจะเป็นบิดาและมารดาของเธอเสียเอง ติ๊ง! เสียงข้อความจากโทรศัพท์ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย มือบางเอื้อมไปคว้ามันมาถือไว้ก่อนจะเบิกตาโพล้งด้วยดวงหน้าที่ร้อนผ่าว “ฉันให้เวลาเธอครึ่งชั่วโมง...ถ้ายังมาไม่ถึง รูปทั้งหมดจะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างแน่นอน” เขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยมาอ้อนวอนขอโอกาสจากเธอ แต่เขาก็กลับทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของเธอจนป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขานั้นต้องการได้ แต่เธอเพียงแค่ขอให้เขาให้เวลาเธออีกสักหน่อย แต่เขากลับปฏิเสธมันในทันทีพร้อมทั้งจะขืนใจเธอให้ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น เบรินเปรยสายตาขึ้นไปสบกับเพื่อนสาวของเธอที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้ ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอแสดงสีหน้าเช่นไรอยู่แต่อย่างไรเสียเธอก็ต้องไป...ไปจบเรื่องอุบาทว์ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเสียที “ซัน...” “หืม?” ซันเปรยสายตาขึ้นมาสบมองกัน ดวงตาของเจ้าหล่อนคาดคั้นเอาคำตอบ และเธอไม่สามารถโกหกเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ได้ เธอรู้ดี “ฉันออกไปข้างนอกเดี๋ยวเดียวนะ” “จะไปไหน...ให้ฉันไปด้วยไหม?” “ไม่เป็นไร...พอดีแม่ฝากเสื้อผ้าเอาไว้ที่ร้านซักรีดใกล้ ๆ นี่เอง เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้” เบรินกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอทันทีที่พูดเสร็จ ซึ่งซันก็พยักหน้ารับก่อนจะยกยิ้มให้กับเธอจนเต็มใบ “โอเค...มีอะไรก็โทรมานะ” “โอเคจ้ะ” และเธอก็ลุกขึ้นหยิบของที่จำเป็นพร้อมทั้งออกไปในทันทีอย่างไม่มีรีรอ   ร่างบางโบกรถโดยสารที่ขับผ่านมา ก่อนจะขึ้นรถและออกตัวไปในทันทีด้วยหัวใจของเธอที่หวาดหวั่น ในความเป็นจริงเธอสามารถขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ไม่เว้นแม้กระทั่งซันที่เป็นเพื่อนรัก แต่เพราะปัญหานี้มันเกิดขึ้นมาด้วยตัวของเธอเอง เธอก็จะต้องเป็นคนแก้ไขมันให้ได้ด้วยตัวเองเช่นกัน เธอไม่อยากจะทำตัวให้เป็นปัญหาของใคร โดยเฉพาะซันแล้ว...เธอก็ยิ่งไม่อยากให้เจ้าหล่อนต้องมาแปดเปื้อนเพราะเธอที่เป็นต้นเหตุ   เบรินเหม่อมองที่โรงแรมสูงใหญ่ตรงหน้าของเธอ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูเลขห้องของคนปลายทาง เธอถอนหายใจครั้งสุดท้ายด้วยความจำใจ ดวงตาของเธอร้อนผ่าวจนไม่อาจจะเก็บกลั้นมันเอาไว้ได้ เธอเดินผ่านล็อบบี้และเข้าไปยังลิฟต์ หัวใจของเธอสั่นไหวพร้อมทั้งความหวังของเธอที่กำลังริบหรี่ลงเต็มที มีชั่ววูบหนึ่งที่คิดว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับคนอย่างเธอกันนะ แค่เธอรักใครแล้วเขาไม่รักตอบแค่นี้มันยังไม่เพียงพอต่อความเจ็บช้ำของเธออีกหรือ... เบรินยกมือปาดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายพอดีกับที่ลิฟต์นั้นถูกเปิดออก ร่างบอบบางพาตัวเองเดินไปอย่างเชื่องช้าและรอคอยปาฏิหาริย์ให้เวลาหยุดเดินแต่เพียงเท่านี้ มือบางเอื้อมไปเคาะประตูห้องด้วยใจที่สั่นไหว ไม่นานร่างของคนที่เบรินหวาดกลัวที่สุดก็เปิดประตูออกมาต้อนรับกัน “ไง...มาได้ทันเวลาพอดีเลย” ชอลล์เอื้อมมือมาลูบกรอบหน้าของเธอเบา ๆ พอให้เบรินสะบัดหน้าหนีอย่างรังเกียจในสัมผัส แต่เขาไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ แต่กลับยกยิ้มออกมาอย่างน่ารังเกียจ ชอลล์เปิดทางให้เธอเดินเข้าไปภายในห้อง ซึ่งเธอก็ทำได้เพียงแต่จำใจเพราะปาฏิหาริย์ที่เธอนั้นเฝ้ารอแน่นอนว่ามันไม่มีวันมีอยู่จริง ประตูถูกปิดลงอีกครั้งด้วยฝีมือของชายหนุ่ม ไม่นานเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมทั้งเปิดไล่ดูรูปต่าง ๆ ที่เขาเป็นคนลงทุนจ้างคนตัดต่อที่แนบเนียนที่สุดเองกับมือให้กับเบรินที่กำลังนั่งตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัวอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องได้มองดูอีกครั้ง “ฉันมาหาแล้ว...ลบรูปพวกนั้นทิ้งไปสิ” เธอเอ่ยทั้งน้ำตาบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า ชอลล์ในตอนนี้แสดงสีหน้าน่าหวาดกลัวจนเธอหลงลืมไปแล้วว่าเขาเคยแสนดีกับเธอเพียงใด “ฉันลบแน่...ไม่ผิดสัญญาหรอก” ชอลล์เดินเข้ามากระชากตัวเธอขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะผลักร่างของเธอให้ลงไปนอนอยู่บนเตียงเสียเต็มแรงจนกระทั่งเธอรู้สึกจุกท้อง “แต่ต้องหลังจากที่มึงเป็นเมียของกูนะ หึ!” และเขาก็โถมร่างใส่เธอในทันทีอย่างไม่มีรีรอ และตอนนี้เธอทำได้เพียงอย่างเดียวคือร้องไห้ออกมาเท่านั้น “ฮึก...ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะชอลล์” เธอพยายามปัดป้องร่างกายพร้อมทั้งร้องขอเพื่อให้เขาเห็นใจเธอ แต่ดูเหมือนตอนนี้คนตรงหน้าของเธอจะไม่สนใจสิ่งใด และพยายามจะล่วงเกินจนน้ำตาของเธอไหลรินอย่างห้ามมันไว้ไม่อยู่ “ได้โปรด...ชอลล์” ปึก! “ไอสารเลวเอ้ย!” เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง พร้อมทั้งเสียงของใครบางคนเข้ามา ไม่นานชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอก็ราวกับถูกกระชากออกไป แต่ตอนนี้น้ำตาของเธอไหลนองจนบดบังการมองเห็นไปหมด หัวใจของเธอกำลังสั่นระรัวอย่างหนักหน่วงเพราะวาดกลัว แต่ตอนนี้เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหยดน้ำตาที่พร่ามัว “มึงนี่มันเลวจริง ๆ ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้วะ!” และตามมาด้วยเสียงปึกปักอีกหลายรอบให้เธอต้องพยายามมีสติ เบรินรีบเช็ดคราบน้ำตาที่หลั่งไหลและกระเสือกตัวขึ้นยกมือขึ้นมาปกปิดร่างกายที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยด้วยฝีมือของชอลล์ แต่เพียงวูบแรกที่เธอเห็นก็ทำให้เธอนั้นรู้สึกตกใจกับคนที่เข้ามาช่วยเหลือ บิลล์กำลังออกหมัดใส่ชอลล์จนกระทั่งเขาไม่มีแรงแม้แต่จะสู้ แต่ภายในดวงตาของบิลล์...มีคราบน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่โดยที่เธอก็ไม่ทราบสาเหตุของหยดน้ำตานั้น “ไอสารเลวเอ้ย!” หยดน้ำตาของเขาไหลนอง พร้อม ๆ กับมือของเขาที่ปล่อยหมัด เธอมองเห็นคนใต้ร่างที่นอนจมกองเลือด เธอถึงดึงสติทั้งหมดของตัวเองขึ้นมาและตะโกนห้ามปรามเขาเอาไว้ “บิลล์ หยุดเถอะ!” “ไอสารเลว!” แต่เหมือนเขาจะหาได้สนใจเธอ เขายังคงวาดหมัดจนกระทั่งคนใต้ร่างสลบเหมือดไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำให้อัลฟ่าบ้าคลั่งนั้นสงบลงได้เลย “บิลล์! ขอร้อง...หยุดเถอะนะ” มือที่ง้างเตรียมจะลงหมัดอีกครั้งหยุดชะงัก เขาหันหน้ามาสบมองเธอก่อนที่เธอจะต้องตาเบิกโพล้งเมื่อเห็นว่าตอนนี้น้ำตาของเขากำลังไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างที่เธอก็ไม่ทราบสาเหตุ บิลล์ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาชิดใกล้จนเธอนั้นรู้สึกหวาดระแวงเพราะสถานการณ์เมื่อครู่ยังทำให้เธอหวาดกลัว เบรินเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเธออาจจะหนีเสือปะจระเข้ เธอจึงหลับตาแน่นและเบี่ยงหน้าหนีอย่างหวาดกลัว “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” แต่กลับผิดคาด ชายที่ใคร ๆ ต่างก็ว่าเป็นเสือร้าย และมักจะหลอกล่อเอาผู้หญิงไปเรื่อยเปื่อยไม่เว้นแต่ละวัน แต่บัดนี้เขากำลังโอบกอดเธออยู่ โดยไม่แม้แต่จะแตะโดนตัวของเธอเพราะเขาเอาสูทมาคลุมร่างของเธอเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ตึกตัก ตึกตัก หัวใจของเบรินนั้นเต้นรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอมองชายตรงหน้าที่กำลังไหล่สั่นเทาเพราะเขากำลังร่ำไห้แม้จะปลอบโยนเธออยู่ เบรินเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาอย่างหลงลืมตัว พร้อมด้วยหัวใจของเธอที่กำลังเต้นอย่างหนักหน่วงโดยไม่ทราบสาเหตุ “เบริน...โอ้ว!” ซันที่พึ่งจะวิ่งเข้ามานั้นแทบจะต้องรีบถอยทัพกลับไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซึ่งเบรินก็รีบผละร่างของบิลล์ออกในทันทีทั้งยังยกเสื้อของเขามาปิดหน้าของตัวเองเอาไว้อย่างขวยเขิน “นี่กูพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะไอเพื่อนรัก...” “หุบปากไปเลยนะไอฮันส์!”   และเรื่องราวทั้งหมดมันก็จบลงด้วยดี ประตูของทางโรงแรมที่พังเสียหายนั้นทำให้เจ้าของโรงแรมถึงกับต้องมาดูมันด้วยตัวเอง เขาต่อว่าบิลล์อย่างหนักที่กระทำเกินกว่าเหตุ แต่เมื่อบิลล์ยื่นนามบัตรที่นามสกุลเป็นถึงนายพลชั้นสูง เจ้าของโรงแรมที่ดูเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ก็พลันเปลี่ยนจากหลังตีนไปเป็นหน้ามือราวกับโดนอำนาจของเงินเข้าสิง ในทีแรกเบรินที่ขี้สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ให้อภัยชอลล์ที่หน้าปูดบวมไปได้อย่างง่ายดายเพราะไม่อยากติดใจเอาความอะไร แต่เมื่อคำสั่งที่ออกจากปากของบิลล์แล้วตำรวจหลายนายก็ไม่อาจขัดได้และนำตัวของชอลล์ไปคุมขังในทันที ส่วนเบาะแสของคนตัดต่อก็ได้มาตั้งแต่ที่บิลล์นั้นเริ่มสืบคดีตั้งแต่วันแรก ๆ บิลล์ให้การว่าเขาขอโทษพร้อมทั้งหนีไปอยู่เมืองอื่นแต่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อีกหนึ่งสิ่งที่ซันรู้นั่นก็คือว่าเบรินไม่สามารถโกหกเธอได้เลยจริง ๆ เธอเห็นสีหน้าไม่ดีของเจ้าหล่อนตั้งแต่ก่อนออกจากห้องเธอจึงฉวยโอกาสตอนที่เบรินหลับและแอบติดตั้งการติดตามเอาไว้ในโทรศัพท์ของเจ้าหล่อนตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่เบรินบอกเรื่องนี้กับเธอ และเมื่อเธอเห็นว่าเบรินไม่ได้ไปร้านเสื้ออย่างที่เอ่ยบอก เธอก็ไม่รอช้าที่จะไหว้วานให้ฮันส์ผู้ไม่รู้เรื่องราวขับรถไปส่งเธอในทันทีพร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวคร่าว ๆ ไประหว่างขับรถ ตอนนี้ดูเบรินจะสบายใจขึ้นมากแล้ว บิลล์อาสาจะพาหล่อนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพร้อมทั้งไปส่งที่หอพัก แน่ล่ะว่าคนขี้เกรงใจอย่างเบรินนั้นปฏิเสธมือเป็นระวิงจนบิลล์ที่เธอติดหนี้อยู่ต้องหันมาขอความช่วยเหลือ “เอ้อ! เธอก็ไปตรวจร่างกายเสียหน่อยสิ...เพื่อความสบายใจของทุกคนน่ะนะ” เธอเล่นตามน้ำไปเพราะเหมือนบิลล์จะขยิบตาให้เธอจนจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว “แต่ฉันไม่เป็นอะไรมาก...” “เพื่อความสบายใจของฉัน...ไปตรวจร่างกายเถอะนะ” เมื่อเบรินมีทีท่าไม่ยอมเธอจึงต้องใช้ไม้ตายเข้าสู้ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเรื่องของเธอแล้วเบรินจะยอมรับและตกลงในทันทีอย่างไม่มีอิดออด “ก็ได้...แต่เธอต้องไปกับฉันด้วยนะ” และเป็นอีกครั้งที่บิลล์หันหน้ามาหาเธอพร้อมทั้งขยิบตาให้ ซันพยายามหันซ้ายแลขวาเพื่อหาตัวช่วย ก่อนจะหันไปเห็นใครอีกคนที่ยืนหัวโด่อย่างไม่รู้เรื่องราว และถือวิสาสะกระโดดเข้าไปเกาะแขนเขาจนเจ้าตัวนั้นต้องเบิกตาโพล้งอย่างตื่นตระหนก “พอดีฉันมีนัดเดทกับฮันส์น่ะ...แกไปกับบิลล์สองคนได้ม้ะ?” “ห้ะ! ฉันเหรอ?” ซันเอื้อมมืออีกข้างไปด้านหลัง ก่อนจะหยิกหลังเขาแรง ๆ จนเขาหันหน้ามาถลึงตาใส่เธอ “เอ้อ! จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย” “เนอะ!” และเธอก็ส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดให้กับเขา “งั้นเราไปกันเลยดีกว่าเนอะ...กูไปนะไอบิลล์ ดูแลเบรินด้วยล่ะ” และฮันส์ก็หันหน้ามองคู่เดท (?) ของตนเองอีกครั้ง “ไปค่ะ...ที่รัก” พร้อมทั้งร่างของเราสองคนเดินออกไปพร้อมกันโดยที่มือของเราก็ยังเกาะกุมกันไปตลอดเส้นทาง “งั้นเราไปบ้างดีกว่า...ถ้าเบรินช้ำในตรงไหน จะได้รักษาได้ทัน” หนุ่มหล่อหันมายกยิ้มให้เธอหัวใจสั่นไหว ก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เธอนั้นต้องเดินตามไปอย่างจำใจ “แต่ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นะ” เธอยังพยายามบอกให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่ได้บอกไปจริง ๆ บิลล์มาได้ทันเวลาพอดี... “เอาน่า...ถือว่าเพื่อนคุณขอไงครับ” และเขาก็ยกยิ้มให้กับเธออีกครั้ง แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนิทกับบิลล์...แต่เรื่องเล่าของเขานั้นก็หนาหูจนเธอก็รู้สึกไม่ไว้ใจอยู่ดี “อย่าพึ่งมองผมในแง่ร้ายเลยนะ ที่ผมทำ...เพราะผมอยากทำให้จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย” เขาเอ่ยเสียงแผ่วอย่างเว้าวอนเธอ เพราะบิลล์รู้ดีว่าเมื่อก่อนเขามันเป็นคนไม่ดี แต่เขาก็ตกหลุมรักเบรินตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบแล้ว เพียงแต่เขานั้นมองออกว่าสายตาของเจ้าหล่อนที่มองเพื่อนของเขาอย่างฮันส์...มันคือสายตาเดียวกับที่เขามองเธอเสมอมา “อะ อืม...” และสุดท้ายเบรินก็ตอบรับให้บิลล์นั้นต้องยกยิ้มอย่างยินดีอีกครั้ง “งั้นผมขอโทรศัพท์ครู่เดียวนะครับ...นั่งรอในรถก่อนนะ” และบิลล์ก็ปิดประตูลงในทันทีพร้อมทั้งเดินเลี่ยงออกมาไม่ไกลจากรถมากนัก เขากดต่อสายไปหานายตำรวจที่มาพาตัวของไอชอลล์ไปอีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาคือตำรวจจริง ๆ แต่เป็นตำรวจที่อยู่ในปกครองของพ่อเขาที่ตัวเขาเองสามารถสั่งการสิ่งใดก็ได้ทั้งนั้น “ครับนายน้อย...” “พาไอชอลล์ไปที่โกดัง...คนอย่างมันต้องไม่ตายดีแน่!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม