“ เรียบร้อยแล้วนะคะ นีน่าคุยกับผู้จัดการเรียบร้อยว่าให้โทรไปแคนเซิ่ลงานให้เพราะว่าปวดท้อง ทีนี้นีน่าก็จะมีเวลาอยู่กับคุณทั้งวันทั้งคืน ”
“ ไหน ปวดท้องตรงไหน เดี๋ยวผมจะตรวจให้ละเอียดทั้งข้างในข้างนอก ” เขาว่าพลางใช้มือใหญ่ลูบไล้เปะปะ ไปทั่วเรือนร่างอรชร เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคัก
“ แหม คุณตรวจเป็นด้วยเหรอคะ ไม่ใช่หมอสักหน่อย ”
“ ถึงผมจะไม่ใช่หมอแต่ผมก็มีเข็มนะ เข็มใหญ่ด้วย อยากให้ผมฉีดยาให้ไหม ”
“ อยากสิคะ อยากที่สุด อยากให้คุณเจาะเข็มเข้ามาในตัวนีน่า อยากเลียเข็ม อยากดูดเข็ม ” พูดจบเธอก็บด กลีบปากสีแดงแจ๊ดราวไปกินเลือดมาลงบนปากเขา
ดวงตาของเจ้าขาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าจะมาได้ยิน บทสนทนาสองแง่สองง่าม และเห็นภาพน่าละอายเช่นนี้ ต่อหน้าต่อตา ชายและหญิงคู่นี้คงจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพนักงานบริษัทถึงได้เข้ามาได้ อุตส่าห์ได้รับเกียรติเป็นพนักงานบริษัทอันมีหน้ามีตา แต่กลับทำตัวไร้เกียรติสิ้นดี
เจ้าขาตัดสินใจจะก้าวออกจากลิฟท์ ทว่ามือใหญ่ ยื่นออกมากดปิดทั้งที่ยังดูดกันกับสาวนางนั้นอยู่ แล้วกดไปที่ ชั้นสี่สิบสอง
ชั้นเดียวกับเธอ !
เธอตวัดสายตากลับไปมองและสาบานได้ว่าเห็นเขาจ้องมองมาแว้บหนึ่งทั้งที่ยังดูดปากกับเธอคนนั้น เขาจ้องมาด้วยแววตาคล้ายสนุกสนาน สะใจ !
สะใจ ที่ได้แกล้ง ที่ได้ทำบัดสีบัดเถลิงต่อหน้า สาวหัวโบราณขรุขระ เอ๊ย คร่ำครึอย่างเธองั้นรึ !
เจ้าขาตัดสินใจหันหลังให้คนทั้งคู่ แต่เสียงสวบสาบของการล้วง การสัมผัส เสียงจ๊วบจ๊าบยามแลกลิ้นกันมันก็ยังดังมากระทบโสตประสาทอยู่ดี
ให้ตายเถอะ เกิดมาเธอยังไม่เคยพบเจอใคร ไร้จิตสำนึก ไร้มารยาท ไร้ยางอาย และน่ารังเกียจเท่านี้ มาก่อน
จะหนีก็หนีไม่ได้ ต้องยืนทนฟังเสียงทุเรศนั่นอยู่ในลิฟท์จนถึงชั้นปลายทาง
เกลียด เกลียดที่สุด !
เกิดมา เจ้าขาไม่เคยเกลียดใครได้รวดเร็วเท่านี้มาก่อน แค่เพียงชั่วห้านาทีที่พบกันเท่านั้น ความหน้าตาดีไม่ได้ การันตีว่าจะเป็นคนดีเสมอไป ตรงกันข้ามเขาเป็นผู้ชายมารยาททรามที่สุดเท่าที่เจ้าขาเคยเจอมาในชีวิต
หยาบคาย บัดสีบัดเถลิง ไร้ยางอาย !
สารพัดคำด่าผุดขึ้นในหัวของเจ้าขา เธอหลับตาลงพยายามไม่สนใจกับเสียงของทั้งคู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงสัญญาณ ‘ ติ๊ง ’ นั่นหมายความว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
เสียงนั้นราวกับเสียงสวรรค์ เธอรีบสาวเท้าฉับ ๆ ออกจากลิฟท์โดยเร็วราวกับว่าการอยู่ร่วมกับพวกเขาทั้งคู่ อีกสักเสี้ยววินาทีจะทำให้เธอขาดใจตาย
ทว่าเสียงนั้นยังคงตามมาอีก เจ้าขาหันไปมองก่อนดวงตากลมโตทั้งสองแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
ลืมไปว่าเขาลงชั้นเดียวกับเธอ แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะเดินออกจากลิฟท์ด้วยท่าที่อีตาบ้าตัวโตนั่นหอบหิ้วแม่สาวปากแดงหน้าไม่อายกระเตงไว้ที่เอว เจ้าหล่อนเอาขาเกี่ยว เอวสอบเขาไว้แน่น เช่นเดียวกับปากของทั้งสองที่ผนึกกันแน่นราวกับทากาวตราช้างไว้ และที่น่าทึ่งคือผู้ชายคนนั้นยังคงเดินไปข้างหน้าได้ทั้งที่ประกอบกิจกรรมหลายอย่างไป พร้อม ๆ กัน
เจ้าขาหันหน้าหนี ใบหน้าของเธอตอนนี้คงจะแดงจัดเพราะมันร้อนฉ่าราวมีไฟลุกไหม้ สองคนนั้นไม่รู้จักอาย แต่เธอกลับเป็นฝ่ายอับอายเหลือเกินที่ได้เห็น ได้ยิน ได้รับรู้การแสดงความใคร่ในที่สาธารณะเช่นนี้
เธอหยิบการ์ดสำหรับเข้าห้องออกจากกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทาก่อนจะเสียบมันพร้อมกดรหัสที่ทางฝ่ายบุคคล ให้มา พยายามจะไม่สนใจเสียงบัดสีบัดเถลิงนั้น แต่มันก็ดังใกล้เหลือเกิน ใกล้จนเธอต้องหันไปมอง
ให้ตายเถอะ อีตาบ้านั่นกำลังเสียบการ์ดห้อง 4210 ริมสุด และห้องนั้นมันก็อยู่ข้าง ๆ ห้องของเธอ !
เวรกรรมอะไรของเธอนักหนาหนอ !
เธอรีบผลักประตูห้อง รีบเข้าไปแล้วปิดมันอย่างรวดเร็ว ให้พ้นจากเสียงและภาพพวกนั้นเสียที ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง ราวกับใช้พลังงานมากมายเหลือเกินในการต่อสู้กับสิ่งที่พึ่งได้เห็นมา
หญิงสาวลูบมือไปทั่วใบหน้า สลัดศีรษะราวกับจะให้มันหลุดจากความทรงจำ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา รินน้ำจากตู้เย็นมาดื่มเพื่อให้สดชื่น ในนั้นมีขนมและผลไม้ราคาแพงหลายอย่างที่ธนภพซื้อมาฝาก เธอเลือกหยิบเชอรี่ สตรอเบอรี่ และช็อคโกแลตบาร์มาสองแท่ง แล้วยัด ใส่ปากเพื่อหวังให้ของหวานสลายความเครียด
ได้ผล ความเครียดทั้งหลายทั้งปวงมลายไป เธอดื่มน้ำตามไปอีกแก้ว ความสดชื่นก็กลับคืนมา หญิงสาวเดินเข้าห้องนอน เปิดเพลงจากโน้ตบุ๊คก่อนจะทิ้งตัวลงกับเตียงกว้าง หวังจะรีแล็กซ์สักครู่ก่อนจะอาบน้ำ
ทว่าเสียงบางสิ่งบางอย่างมันทำให้เธอต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจอีกครั้ง
กึก ๆๆๆ
เจ้าขาเดินไปเบาเสียงเพลงก่อนจะเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ชัดเจน มันดังมาจากทางหัวเตียงฝั่งที่ติดกับผนังอีกห้อง
เธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ พบว่าเสียงนั้นดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอต้องใช้หูแนบชิดไปกับผนังเพื่อฟังมันให้จะแจ้งว่ามันคืออะไรกันแน่
“ ไตรขา เบาหน่อย อ๊าๆๆๆ จิ๋มนีน่าฉีกหมดแล้ว ทั้งใหญ่ทั้งยาวทั้งเอาแรง ”
“ ฉีกให้มันฉีกไป เบาไม่ได้แล้ว ”
พร้อมกับเสียงกึก ๆ ๆ ของอะไรบางอย่างที่กระทบกับผนังถี่และดังขึ้นเรื่อย ๆ จบที่เสียงกรีดร้องราวทรมานเหลือเกินของหญิงสาวนางนั้น
เจ้าขาสะดุ้งเฮือกแล้วผละออกจากฝาผนังนั้นราวกับมันมีอันตรายกับเธอเหลือล้น
ไอ้บ้านั่นมันทำบัดสีบัดเถลิงกับผู้หญิงคนนั้น มันไม่ใช่เรื่องผิดบาปถ้าหากทั้งคู่จะกระทำกันอยู่ในสถานที่ส่วนตัว ไม่ต้องให้มีบุคคลที่สามอย่างเธอต้องมาร่วมรับรู้ความอุจาดเช่นนี้ แล้วที่ได้ยินจากบทสนทนา มันคงเป็นประเภท ชอบความรุนแรงทำร้ายผู้หญิงอะไรพรรค์นั้น
ดูสิ ขนาดหญิงสาวนางนั้นอ้อนวอนให้มันเบา จิ๋มจะฉีก มันยังไม่ปรานีเลย !
“ ไอ้บ้าเอ๊ย นี่แกเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันหรือไง ถึงได้ตามติดจองเวรจองกรรมกันไม่หยุด ไอ้สัมภเวสีหื่นกาม ไอ้บ้าโรคจิตวิตถาร ! ”
เธอผรุสวาทออกมาลั่นห้องในท้ายที่สุด เสียงกึก ๆ จากผนังนั้นเงียบหายไปในทันที แต่ยังคงมีเสียงครางเบา ๆ ดังมาแว่ว ๆ เสียงคำราม เสียงบ้าเสียงบอที่เธอจับศัพท์ไม่ได้รู้แต่ว่ามันเป็นเสียงอันน่าละอาย อาทิ ฟัคเยส อ้า อู้ว โอ้ว เป็นต้น
หญิงสาวหลับตาลงเพื่อข่มใจ พรุ่งนี้ก่อนกลับบ้าน เธอจะไปถวายสังฆทานและทำบุญอุทิศให้เปรต สัมภเวสี และเจ้ากรรมนายเวร จะได้เลิกถูกรังควานอย่างบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้เสียที !